สนามสปา...บททดสอบกำลังเครื่องยนต์
ปีการแข่งขัน - ผู้ชนะ (ทีม) 2001 - มิชาเอล ชูมัคเกอร์ (เฟอร์รารี่) 2002 - มิชาเอล ชูมัคเกอร์ (เฟอร์รารี่) 2003 - ไม่ได้จัดการแข่งขัน 2004 - คิมี่ ไรค์โคเน่น (แม็คลาเรน-เมอร์เซเดส) 2005 - คิมี่ ไรค์โคเน่น (แม็คลาเรน-เมอร์เซเดส) 2006 - ไม่ได้จัดการแข่งขัน 2007 - คิมี่ ไรค์โคเน่น (เฟอร์รารี่) 2008 - เฟลิเป้ มาสซ่า (เฟอร์รารี่) 2009 - คิมี่ ไรค์โคเน่น (เฟอร์รารี่) 2010 - ลูอิส แฮมิลตัน (แม็คลาเรน-เมอร์เซเดส) 2011 - เซบาสเตียน เวทเทล (เร้ดบูล-เรโนลต์) 2012 - เจนสัน บัตตัน (แม็คลาเรน-เมอร์เซเดส)
ข้างต้นนี้คือบรรดาผู้ชนะรายการเบลเจี้ยน กรังด์ปรีซ์ ในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมาค่ะ ซึ่งจากข้อมูลเราจะเห็นว่าย้อนไปในรอบทศวรรษ ทีมที่ใช้เครื่องยนต์เรโนลต์เคยชนะแค่ครั้งเดียวเมื่อปี 2011 จากผลงานของเซบาสเตียน เวทเทล ของเร้ดบูล และแม้ย้อนไปอีกหลายสิบปีก่อนหน้านั้น ทีมที่ใช้เครื่องยนต์เรโนลต์ก็ชนะอีกเพียง 5 ครั้ง
เป็นอย่างที่เราๆ พอทราบแหละค่ะ เครื่องยนต์ของพวกเราดูจะแรงน้อยกว่าเครื่องอย่างเฟอร์รารี่หรือเมอร์เซเดส แต่ก็ได้เปรียบในเรื่องที่น้ำหนักเบาและประหยัดน้ำมันกว่า
เรมี่ ทัฟแฟง หัวหน้าด้านปฏิบัติการของเรโนลต์สปอร์ตเอฟวันยอมรับว่าสนามสปา-ฟรองคอร์ชองส์เป็นสนามที่ยากที่สุดสำหรับพวกเขา โดยธรรมชาติของสนามนี้เป็นสนามความเร็วสูง และด้วยความยาวของสนามก็จะเห็นได้ว่าเครื่องยนต์ต้องทำงานในอัตราเดินคันเร่งเต็มที่เกือบ 3 ใน 4 ของรอบ ดังนั้นประสิทธิภาพของเครื่องยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการมาที่นี่ สนามนี้ยังเปรียบเสมือนบททดสอบที่หินที่สุดสำหรับเรโนลต์ แต่จะว่าไปคงไม่ใช่เรโนลต์เจ้าเดียวหรอกค่ะที่ต้องใส่ใจกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่จะใช้ในสนามนี้ ทีมส่วนใหญ่ก็มักจะนำเครื่องตัวใหม่แกะกล่องมาลงแข่งในรายการนี้เช่นกัน
แม้สปาจะเป็นสนามที่ยาวที่สุด สภาพอากาศก็เปลี่ยนแปลงบ่อย เรียกว่าเกือบ "ที่สุด" ในทุกอย่าง แต่กลับกลายเป็นของชอบมากที่สุดของวิศวกรเพราะเป็นการท้าทายแบบสุดขั้วนั่นเอง โดยทัฟแฟงกล่าวว่า "ในสนามความยาว 7 กม. แห่งนี้ต้องเดินคันเร่งเต็มที่ถึง 70% หรือตลอดระยะทางประมาณ 5.5 กม. ซึ่งเทียบเท่ากับสนามฟอร์มูล่าวันมาตรฐานสนามหนึ่งเลยทีเดียว หรือถ้าคิดเป็นเวลาใน 1 รอบเครื่องยนต์ต้องเดินเต็มที่มากกว่า 75 วินาที ถือเป็นการทดสอบเครื่องยนต์ได้อย่างน่าทึ่ง
ดังนั้น กำลังของเครื่องยนต์ที่พร้อมสมบูรณ์และการทำความเร็วสูงสุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ และสิ่งได้เปรียบใดๆ ก็จะส่งผลเป็นสองเท่าสำหรับการทำเวลาต่อรอบเมื่อเปรียบเทียบกับสนามที่เน้นกำลังของเครื่องน้อยกว่าอย่างเช่นสนามโมนาโก ทีมส่วนใหญ่จึงต้องใช้เครื่องยนต์ตัวใหม่สำหรับการแข่งขันที่นี่เพื่อให้ได้เปรียบด้านกำลังมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
นอกจากนั้น เขายังได้เปิดเผยว่าเรโนลต์ได้ทดสอบเครื่องยนต์ของปี 2014 ที่สนามสปาด้วยเนื่องจากความท้าทายของสนามแห่งนี้ ทั้งนี้ แม้สนามมอนซ่าของอิตาลีจะต้องเดินคันเร่งเต็มที่โดยใช้ระยะเวลายาวกว่า แต่เพราะความสูงต่ำสลับกันไปของสนามสปาจะทำให้ประเมินการทำงานได้ดีกว่า ซึ่งต้องหาจุดที่ลงตัวให้ได้ระหว่างความเชื่อมั่นในสมรรถนะกับกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์
*ข้อมูลจาก espnf1.com ภาพจาก skysports.com
Create Date : 21 สิงหาคม 2556 |
Last Update : 21 สิงหาคม 2556 22:25:59 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1831 Pageviews. |
|
|
รายการ Race of Champions 2013 ระหว่างวันที่ 14-15 ธ.ค. ที่สนามราชมังคลา กทม. ขณะนี้นักขับคนแรกยืนยันมาร่วมงานแล้ว ได้แก่
"ลุงชู" มิชาเอล ชูมัคเกอร์ แชมป์โลก 7 สมัยขวัญใจ จขบ. อิอิ
ใครสนใจจะไปชม กาปฏิทินเตรียมตัวไว้ได้เลยค่ะ :D