Monaco Grand Prix 2014 - Post-Race News
หลังจบการแข่งขันที่โมนาโกมีประเด็นสำคัญอยู่หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ของคู่นักขับเมอร์เซเดสที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองเป็นพิเศษอยู่ในขณะนี้ ไปติดตามกันเลยค่ะ
เรื่องยุ่งๆ ในมุ้งเมอร์เซเดส
"เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้" เป็นคำกล่าวที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ใช้ได้ดีแม้กับฟอร์มูล่าวันอย่างที่เราเห็นมาแล้วหลายคู่ และตอนนี้เรื่องก็มาเกิดกับเมอร์เซเดสแล้วค่ะ
ลูอิส แฮมิลตัน และนิโค รอสเบิร์ก เป็นเพื่อนร่วมทีมกันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กเมื่อครั้งลงแข่งรถคาร์ทและไต่เต้าขึ้นมาถึงฟอร์มูล่าวันได้ทั้งคู่ จนกระทั่งฤดูกาล 2013 ที่แฮมิลตันตัดสินใจย้ายจากแม็คลาเรนมายังเมอร์เซเดสก็ดูว่าความสัมพันธ์ของคู่นี้น่าจะไปได้ดีด้วยความที่มีพื้นฐานว่าเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่เพราะมีตำแหน่งแชมป์โลกเป็นเดิมพัน ทั้งสองคนเริ่มค่อยๆ ชิงความได้เปรียบภายในทีมมาเรื่อยๆ จนกระทั่งฤดูกาลนี้ที่รถเมอร์เซเดสครองความเป็นหนึ่งในแทร็ค ทั้งแฮมิลตันและรอสเบิร์กจึงได้ดวลกันตัวต่อตัวพร้อมกับปัญหาภายในใจที่เริ่มก่อตัวมากขึ้น ตัวอย่างหนึ่งคือรายงานข่าวที่ออกมาหลังการแข่งขันที่สเปนว่าแฮมิลตันได้ใช้โหมดปรับเครื่องยนต์บางโหมดที่ทีมสั่งไม่ให้ใช้ระหว่างการแข่งขัน ซึ่งรอสเบิร์กเองฝ่าฝืนมาแล้วเช่นกันที่บาห์เรน แฮมิลตันจึงขอทำบ้าง แต่เขาก็ได้ขอโทษทีมไปแล้ว
ในที่สุดฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดสะบั้นลงในรอบควอลิฟายที่โมนาโก รอสเบิร์กทำเวลาดีที่สุดใน Q3 จากการวิ่งรอบแรก ยึดตำแหน่งโพลชั่วคราวเอาไว้ก่อน แต่ในขณะที่ทั้งคู่พยายามครั้งสุดท้าย โดยแฮมิลตันที่วิ่งตามหลังรอสเบิร์กมามีทีท่าว่าจะกดเวลาลงต่ำกว่าเพื่อนร่วมทีมได้นั้น รอสเบิร์กเกิดเบรกล้อล็อกหลุดแทร็คที่โค้งมาริโบ ทำให้กรรมการต้องโบกธงเหลืองบริเวณนั้นและส่งผลให้นักขับที่ตามมาทุกคนต้องชะลอความเร็ว แฮมิลตันเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับผลกระทบและค่อนข้างเชื่อว่ารอสเบิร์กจงใจให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเพื่อรับประกันตำแหน่งโพลของตน นักขับอังกฤษถึงกับประกาศว่าความสัมพันธ์ของเขากับรอสเบิร์กจะเป็นไปในแบบ "เซนน่า-พรอสต์" คู่แข่งในตำนานขณะร่วมทีมแม็คลาเรนด้วยกัน และเขาขอตามรอยไอร์ตัน เซนน่า ในการดำเนินความสัมพันธ์นับจากนี้
หลังจบการแข่งขันที่โมนาโก ความหมางใจยิ่งเพิ่มดีกรีรุนแรงขึ้น เห็นได้ชัดว่าแม้ทั้งคู่ขึ้นโพเดียมรับรางวัลร่วมกันในอันดับที่ 1 และ 2 แต่ไม่มีการแสดงความยินดีต่อกันใดๆ ตามแบบที่เพื่อนร่วมทีมพึงกระทำ นั่นเพราะระหว่างการแข่งขันแฮมิลตันไม่พอใจที่เมอร์เซเดสไม่ช่วยให้เขาได้อันดับที่ดีขึ้น โดยเขาให้สัมภาษณ์ภายหลังกับช่องสกายเอฟวันว่าหากเขายังขับให้แม็คลาเรน ทีมงานจะต้องเรียกเขาเข้าพิตก่อนให้ได้เปรียบผู้นำได้แน่นอน แต่ภายในเมอร์เซเดสค่อนข้างแน่ชัดว่าจะทำกลยุทธ์ที่ดีที่สุดให้กับคันนำเสมอ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทีมวางไว้เป็นกฎอยู่แล้ว
ภายหลังมีรายงานว่านิกี้ เลาด้า ประธานเมอร์เซเดสได้ตำหนิแฮมิลตันที่ไม่แสดงความยินดีกับเพื่อนร่วมทีม เขาเข้าใจธรรมชาติของแชมป์โลกปี 2008 ดีว่าเป็นคนใช้อารมณ์เป็นใหญ่ แต่การไม่แสดงความเคารพกับเพื่อนร่วมทีมอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เลาด้ากล่าวกับหนังสือพิมพ์สปอร์ตบิลด์ของเยอรมันว่า "เขาควรแสดงความยินดีกับนิโค เพราะนิโคแสดงความยินดีกับเขาเสมอหรือแม้แต่เข้ากอดหลังการแข่งขันที่เข้มข้นในบาห์เรน" เขาเชื่อว่าแฮมิลตันจะรู้สึกดีขึ้นและก้าวผ่านความขุ่นข้องใจนี้ไปได้ อย่างไรก็ตาม ประธานเมอร์เซเดสเจ้าของแชมป์โลกฟอร์มูล่าวันสามสมัยก็ไม่ได้แนะนำให้แฮมิลตันถึงกับเป็นคนดีหมดจด เพราะการจะชนะในฟอร์มูล่าวันก็ต้องมีความเลวร้ายอยู่ในตัวเช่นกัน
เลาด้ายอมรับว่าสถานการณ์ระหว่างทั้งสองตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ แต่ทีมต้องมั่นใจว่ายังสามารถควบคุมได้ ซึ่งเขารวมทั้งผู้บริหารคนอื่นๆ ของทีมก็หวังว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ โดยคงไม่ถึงขั้นที่ต้องใช้ 'ทีมออเดอร์' เพื่อควบคุมคู่นักขับของทีมตนในท้ายที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่เมอร์เซเดสก็ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น
********************************************
ยังมีข่าวอื่นที่น่าสนใจนำมาฝากด้วยค่ะ
เร้ดบูลขอโทษ 'เซ็บ'
คริสเตียน ฮอร์เนอร์ ทีมบอสเร้ดบูลกล่าวขอโทษเซบาสเตียน เวทเทล จากปัญหาเทอร์โบของรถเสียไปตั้งแต่ช่วงต้นในระหว่างที่เซฟตี้คาร์ออกมานำการแข่งขัน และเป็นผลให้แชมป์โลกคนปัจจุบันต้องออกจากการแข่งขันเป็นครั้งที่ 2 ในฤดูกาลนี้ ขณะที่เจ้าตัวผิดหวังไม่น้อยหลังจากสตาร์ทได้ดี โดยต้องออกจากการแข่งขันขณะอยู่ในอันดับที่ 3 ซึ่งแม้ว่าในรอบควอลิฟายที่มีปัญหากับระบบ ERS ทีมจะแก้ไขปัญหาไปได้แล้ว แต่ปัญหาจากเทอร์โบก็เป็นปัญหาใหม่ที่มาเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน ทั้งนี้ เรโนลต์จะตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุของปัญหาเหล่านี้ต่อไป
'คิมี่' ไม่พอใจกรรมการแค่ตักเตือนชิลตัน
คิมี่ ไรค์โคเน่น พลาดโอกาสคว้าโพเดียมแรกของปีหลังจากแม็กซ์ ชิลตัน ของมารุสเซียไปสะกิดรถเฟอร์รารี่ที่กำลังวิ่งอยู่ในอันดับที่ 3 ระหว่างจะแซงกลับเข้าตำแหน่งของตนในขณะที่เซฟตี้คาร์นำการแข่งขันครั้งที่ 2 ส่งผลให้รถของไรค์โคเน่นยางแตกและต้องกลับเข้าไปเปลี่ยนยางอีกครั้งทั้งที่เพิ่งเข้าพิตตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านั้นไม่กี่รอบ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว กรรมการได้เรียกตักเตือนชิลตันภายหลังการแข่งขัน ซึ่งเป็นโทษเดียวกันกับที่นักขับฟินน์ได้รับหลังเบียดกับเควิน แม็กนุสเซน ที่โค้งแฮร์พิน อย่างไรก็ตาม เขาไม่พอใจที่กรรมการแค่ตักเตือนชิลตันเท่านั้น และยังไม่พูดถึงกรณีดังกล่าวจนกระทั่งเขาออกปากถามเอง รวมถึงการที่กรรมการให้ความสนใจที่เข้าไม่เข้าร่วมในพาเหรดนักขับก่อนการแข่งขันเนื่องจากเขามีอาการปวดท้องมากกว่าเรื่องในสนาม
มารุสเซียสุดชื่นมื่นหลังได้แต้มครั้งแรก
หลังจากที่ฌูลส์ เบียงคี่ ของมารุสเซียจบการแข่งขันในอันดับที่ 9 และเก็บสองคะแนนสำคัญเป็นครั้งแรกให้กับทีมนับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันฟอร์มูลาวันในปี 2010 ทีมงานได้ร่วมฉลองโอกาสพิเศษเช่นนี้อย่างแช่มชื่น โดยเบียงคี่ให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันว่าเป็นเวลาที่มารุสเซียรอคอยมานานและตัวเขาเองก็ดีใจอย่างยิ่งที่ทำผลงานที่ดีให้กับทีม ซึ่งในระหว่างการแข่งขันค่อนข้างตึงเครียดเนื่องจากเขาทั้งต้องโดนปรับกริดหลังเปลี่ยนเกียร์บ็อกซ์และถูกบวก 5 วินาทีเข้ากับเวลาที่ทำได้จากกรณีออกตัวผิดตำแหน่งเพราะสับสนกับตำแหน่งของพาสเตอร์ มัลโดนาโด ที่เครื่องดับในรอบวอร์มอัพ ในวันนี้จึงเป็นความรู้สึกพิเศษสำหรับเขาจริงๆ
*ข้อมูลจาก motorsport.com / espnf1.com / gpupdate.net ภาพจาก telegraph.co.uk
Create Date : 26 พฤษภาคม 2557 |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2557 23:46:53 น. |
|
16 comments
|
Counter : 2311 Pageviews. |
|
|
kimi กับ seb อาการไม่ค่อยดีนะครับ
ซวยมากๆ
ริคคิ มันดวงขึ้นเนอะ ( ฝีเท้าดีกว่าที่คิดอ่ะ + รถไม่เอ๋อเลย )
- เรื่องของ MERCEDES
ก็ไม่แปลกครับ เรื่องปกติของมนุษย์เรา
แต่เพราะสนามนี้หรือเปล่า ที่ rosberg ยังพอจะกัน ham ได้
ถ้าไปสนามที่มี พื้นที่ให้แซงเยอะๆ น่าจะเสร็จ ham ตามระเบียบ
ไม่ได้ดูถูก rosberg นะ แต่เราว่า ham ความบ้าเลือด มันเหนือกว่าเยอะ