เข้าพิต 4 ครั้งมันมากไป
เมื่อวานนี้ เฟอร์นันโด อลอนโซ่ ชนะการแข่งขันในบ้านด้วยกลยุทธ์เข้าพิต 4 ครั้ง โดยชัยชนะครั้งนี้เป็นครั้งที่ 32 ของเขาในฟอร์มูล่าวันและเป็นครั้งที่ 2 ในรายการสแปนิช กรังด์ปรีซ์ นอกจากนี้แฟนๆ เฟอร์รารี่ได้ชื่นใจเต็มที่เมื่อเฟลิเป้ มาสซ่า ขึ้นโพเดียมแรกของเขาในปีนี้ได้สำเร็จหลังจากสตาร์ทในกริดที่ 9 จากบทลงโทษในรอบควอลิฟาย
อลอนโซ่ยังสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นนักขับคนเดียวที่ชนะรายการนี้จากตำแหน่งออกตัวที่ไกลขนาดกริดที่ 5 แสดงให้เห็นว่าการวางกลยุทธ์ใช้ยางให้ดีจะสามารถช่วยให้ไล่ตำแหน่งขึ้นมาได้เช่นกัน ขณะที่คิมี่ ไรค์โคเน่น ใช้กลยุทธ์เข้าพิต 3 ครั้ง เข้าเส้นชัยตามหลังผู้ชนะประมาณ 10 วินาที ซึ่งนักขับโลตัสเป็นคนเดียวที่ใช้ยาง 3 ชุดแรกในการแข่งขันเป็นยางมีเดียมสีขาวก่อนตบท้ายด้วยยางฮาร์ดสีส้มเป็นชุดที่ 4 โดยจากผลการแข่งขันที่บาร์เซโลน่าทำให้การต่อสู้ชิงแชมป์โลกเข้มข้นมากขึ้น เห็นได้ว่านักขับใน 3 อันดับแรกของคะแนนสะสมประเภทนักขับ ได้แก่ เซบาสเตียน เวทเทล ผู้นำ ไรค์โคเน่น และอลอนโซ่ อันดับที่ 2 และ 3 มีคะแนนห่างกันครอบคลุมเพียง 17 คะแนนเท่านั้น
ถึงผู้ชนะจะเข้าพิต 4 ครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ความปลื้มใจของปิเรลลี่ค่ะ
พอล เฮมเบรี่ ผู้อำนวยการด้านมอเตอร์สปอร์ตของปิเรลลี่กล่าวหลังการแข่งขันว่า "เป็นอีกครั้งที่การวางกลยุทธ์ยางเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการแข่งขันสแปนิช กรังด์ปรีซ์ เพราะด้วยลักษณะของสนามทำให้ยางต้องทำงานหนักอย่างยิ่งและนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเห็นอัตราการสึกของยางในระดับสูง ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกในสนามที่เหลือของฤดูกาล เป้าหมายของเราคืออยากให้มีการเข้าพิต 2-3 ครั้งในแต่ละการแข่งขัน เห็นได้ชัดว่า 4 ครั้งนั้นมากเกินไป โดยที่จริงแล้วสถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวที่ตุรกีในปี 2010 หรือปีแรกที่เรากลับเข้าสู่ฟอร์มูล่าวัน เราคงต้องกลับไปปรับปรุงให้ทันภายในการแข่งขันที่ซิลเวอร์สโตนเพื่อให้จำนวนพิตเกิดขึ้นเท่ากับที่เราตั้งเป้าไว้และแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความยินดีกับเฟอร์นันโด อลอนโซ่และเฟอร์รารี่ที่ใช้การเข้าพิต 4 ครั้งเป็นกลยุทธ์ของความสำเร็จและเป็นผลการแข่งขันที่น่าประทับใจของพวกเขา โดยวางกลยุทธ์ตั้งแต่เริ่มสัปดาห์ของการแข่งขัน ใช้ยางอย่างชาญฉลาดในรอบควอลิฟายจนมาถึงการแข่งขัน พร้อมกับการแซงหลายๆ ช่วงที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม"
แต่กว่าจะถึงซิลเวอร์สโตน นักขับกับทีมคงบ่นกันจนน้ำลายแห้งอีกหลายยกล่ะค่ะ เรามาลองดูตัวอย่างจากเมื่อวานนี้ว่านักขับคนไหนบ่นว่าอะไรกันบ้าง
- พอล ดิ เรสต้า บ่นด้วยความขุ่นเคืองระหว่างการแข่งขัน "ใครก็ได้บอกผมทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น?"
- ลูอิส แฮมิลตัน ผู้ซึ่งควอลิฟายได้ในกริดที่ 2 กลับถูกรถของวิลเลียมส์ซึ่งไม่ผ่านเข้า Q2 เมื่อวันเสาร์แซง เขาได้บอกกับบรรดาผู้บริหารของเมอร์เซเดสว่า "ถึงตอนนี้ผมโดนรถวิลเลียมส์แซงแล้ว" โดยในระหว่างการแข่งขัน เขาถูกขอให้วิ่งช้าลงเพื่อถนอมยาง และเขาตอบกลับทีมงานไปว่า "ผมช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นมันจะช้าเท่าเดิน"
- เจนสัน บัตตัน กล่าวว่า "ถ้าเราขับได้ช้ากว่ารถจีพีทูที่ทำได้ในการควอลิฟายรอบละ 3 วินาที หรือเร็วกว่ารถจีพีทรีในการแข่งขันแค่รอบละ 6 วินาที แสดงว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างผิดพลาด"
จริงๆ แล้วปิเรลลี่ค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาทำดีมาตลอด แต่ระยะหลังเสียงตำหนิหนาหูขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเขาไม่อาจนิ่งเฉยได้ หากให้เปลี่ยนแปลงภายในการแข่งขันที่โมนาโกก็จะไม่ทัน เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงขอเวลาไปถึงไม่เกินการแข่งขันที่ซิลเวอร์สโตนปลายเดือนมิถุนายนค่ะ
*ข้อมูลและภาพจาก nextgen-auto.com
Create Date : 13 พฤษภาคม 2556 |
Last Update : 13 พฤษภาคม 2556 18:28:28 น. |
|
20 comments
|
Counter : 2107 Pageviews. |
|
|
//www.youtube.com/watch?v=hGJZSDBIo08&feature=player_embedded
ฮือฮา!'แบรนสัน'ยอมแต่งชุดแอร์หลังแพ้พนัน
มหาเศรษฐีผูีดีเซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน ยอมสวมชุดแอร์โฮสเตสของสายการบินแอร์ เอเชีย หลังแพ้พนันฟอร์มูล่า วันเมื่อ 2 ปีก่อน
12พ.ค.2556 เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทเวอร์จิ้นที่อาจจะเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก แต่ในทางกลับกันเขาก็ทำให้โลกขบขันได้เช่นกัน โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา เขาต้องทิ้งมาดนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง หันไปสวมชุดแอร์โฮสเตสสาวของสายการบินแอร์เอเชีย เพราะแพ้พนันก่อนหน้านี้ ทั้งนี้นายโทนี่ เฟอร์นันเดส เจ้าของสายการบินแอร์ เอเชีย และเซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน ได้พนันกันว่า ทีมของใครจะอยู่ท้ายตารางการแข่งขันรถฟอร์มูล่า วัน ที่กรุงอาบู ดาบี ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อ
ปี 2553 ในฐานะต่างก็เป็นหน้าใหม่ของวงการทั้งคู่ โดยมีชุดแอร์โฮสเตสเป็นเดิมพัน ซึ่งหมายถึงว่า ผู้แพ้จะต้องสวมเครื่้องแบบของฝ่ายตรงข้าม และผลออกมาว่า แบรนสันต้องเป็นฝ่ายสวมเครื่องแบบของสายการบินแอร์ เอเชีย ที่เฟอร์นันเดสจัดการส่งให้ถึงสนาม
เมื่อวันเสาร์ที่ 11 พ.ค. เซอร์ ริชาร์ด แบรนสันต้องแต่งเครื่องแบบเต็มยศของแอร์โฮสเตสแอร์ เอเชีย รวมทั้งแต่งหน้าแบบจัดเต็ม ในเที่ยวบินไปยังประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ เขายังถอดกางเกงบ็อกเซอร์ออก โกนขนหน้าแข้ง เพื่อสวมถุงน่องตาข่ายสีดำ ตัดกับเครื่องแบบสีแดงสด รวบผมด้านบน ติดกิ๊บสีแดง และสวมรองเท้าสีแดง ก่อนจะขึ้นเครื่องไปเสิร์ฟเครื่องดื่ม รวมทั้งชา กาแฟ และอาหารรวมถึงทำความสะอาดห้องน้ำในเที่ยวบินพิเศษ
เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน ด้วยวัย 62 ปี ทำให้คนหัวเราะได้ เนื่องจากเขาแต่งหน้าแบบตามมีตามเกิด ทาลิปสติกสีแดงเข้มและติดขนตาปลอม เขาปล่อยเวลาล่วงเลยมา 2 ปีกว่า หลังแพ้พนัน เนื่องจากมัวติดธุระ เขาบอกว่า พยายามหลีกเลี่ยงวันนี้มานาน แต่ก็รู้ว่าต้องมาถึงเข้าสักวัน และเขาก็ต้องจัดการให้ลุล่วง ส่วนรายได้จากเที่ยวบินพิเศษนี้ มอบให้มูลนิธิ สตาร์ไลท์ เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ป่วย
เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน บอกว่า ยอมทำทุกอย่างเพื่อแปลงโฉมเป็นแอร์โฮสเตส แต่ไม่ยอมโกนหนวดที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว เขายังถามด้วยว่า ไม่เคยเห็นแอร์โฮสเตสมีหนวดมาก่อนหรือไง ก่อนจะขึ้นเครื่องบินไปทำหน้าที่แอร์โฮสเตสนาน 6 ชั่วโมง ด้านเฟอร์นานเดส ซึ่งเป็นผู้ชนะ เคยทำงานกับเซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน มาก่อนที่จะออกมาตั้งสายการบินประหยัดของตัวเอง