2014 F1 Testing: Jerez Day 1 & 2 และเปิดตัว "CT05" กับ "FW36"
ก่อนจะไปดูผลการทดสอบรถฟอร์มูล่าวันก่อนเปิดฤดูกาลช่วงแรกจากสนามเฆเรซ ประเทศสเปน ทั้งวันแรกและวันที่สอง เรามาดูรถอีก 2 คันที่เปิดตัวไล่หลังในช่วงบ่ายเมื่อวานนี้กันก่อนนะคะ
แคเทอร์แฮม "CT05"
จากตอนแรกที่ตั้งใจจะเปิดตัวตั้งแต่ก่อนเริ่มการทดสอบ แต่ด้วยปัญหาบางประการทำให้แคเทอร์แฮมต้องเลื่อนเวลาเปิดผ้าคลุมรถคันใหม่ จนกระทั่งเกือบ 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของเมื่อวานก็ได้ฤกษ์อวดโฉมเจ้า CT05 ที่ยังใช้เครื่องยนต์เรโนลต์เหมือนเดิม ในส่วนของจมูกรถก็เป็นแบบตัวกินมดเหมือนหลายคันก่อนหน้านี้ แต่ที่แปลกไปคือส่วนปลายของจมูกนั้นกลับถูกต่อออกมาจากด้านล่างของส่วนเดิม
*********************************************
วิลเลียมส์ "FW36" ไล่หลังตามกันมาอีกคันบนแทร็คเมื่อวานนี้ ที่จริงแล้ววิลเลียมส์คันใหม่นี้ถูกปล่อยเป็นภาพกราฟฟิกออกมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ซึ่งตัวจริงก็ไม่ผิดเพี้ยนไปจากรูปเหล่านั้น โดยจมูกรถเป็นไปตามสมัยนิยม ที่น่าสนใจคือปีนี้วิลเลียมส์หันมาใช้เครื่องยนต์เมอร์เซเดส มาดูกันว่าผลงานของพวกเขาจะเป็นอย่างไรในฤดูกาลนี้
*********************************************
ผลการทดสอบที่สนามเฆเรซ วันที่ 1 (อังคารที่ 28 มกราคม)
1. Kimi Raikkonen (Ferrari) 1m27.104s (31 laps) 2. Lewis Hamilton (Mercedes) 1m27.820s / +0.716s (18) 3. Valtteri Bottas (Williams-Mercedes) 1m30.082s / +2.978s (7) 4. Sergio Perez (Force India-Mercedes) 1m33.161s / +6.057s (11) 5. Jean-Eric Vergne (Toro Rosso-Renault) 1m36.530s / +9.426s (15) 6. Esteban Gutierrez (Sauber-Ferrari) 1m42.257s / +15.153s (7) 7. Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) --No time-- (3) 8. Marcus Ericsson (Caterham-Renault) --No time-- (1)
คิมี่ ไรค์โคเน่น ในการกลับมาลงสนามในนามนักขับเฟอร์รารี่ครั้งแรกก็ทำเวลาได้เร็วที่สุด โดยลูอิส แฮมิลตัน พาเมอร์เซเดสประเดิมสนามในปี 2014 และมีทีท่าว่าเวลาจะดีไม่น้อย น่าเสียดายที่เขาต้องจบวันเร็วกว่ากำหนดหลังเกิดอุบัติเหตุที่โค้ง 1 อันเป็นผลจากการที่ปีกหน้าหลุดลงมาในจังหวะก่อนหน้า
ในระหว่างการทดสอบมีธงแดงเกิดขึ้นเป็นระยะ แต่ไม่มีอะไรรุนแรงมากไปกว่าจังหวะของแฮมิลตัน และหลายคันประสบปัญหาตั้งแต่วันแรก โดยเฉพาะเร้ดบูลไม่สามารถออกมาวิ่งได้เลยจนนาทีท้ายๆ จากปัญหาชิ้นส่วนของรถมีการประกอบไม่สมบูรณ์และไม่ได้ทำเวลาเช่นเดียวกับแคเทอร์แฮม ส่วนแม็คลาเรนมีปัญหากับระบบอิเล็กทรอนิกส์และไฮโดรลิกจึงไม่สามารถลงสนามได้เลย
ผลการทดสอบที่สนามเฆเรซ วันที่ 2 (พุธที่ 29 มกราคม)
1. Jenson Button (McLaren) 1m24.165s (43 laps) 2. Kimi Raikkonen (Ferrari) 1m24.812s / +0.647s (47) 3. Valtteri Bottas (Williams-Mercedes) 1m25.344s / +1.179s (35) 4. Nico Rosberg (Mercedes) 1m25.588s / +1.423s (97) 5. Sergio Perez (Force India-Mercedes) 1m28.376s / +4.211s (37) 6. Esteban Gutierrez (Sauber-Ferrari) 1m33.270s / +9.105s (53) 7. Marcus Ericsson (Caterham-Renault) 1m37.975s / +13.810s (11) 8. Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) 1m38.320s / +14.155s (8)
การทดสอบวันที่สองนี้พิเศษตรงที่เป็นการทดสอบยางเปียกของปิเรลลี่ แม้สนามจะมีความชื้นอยู่บ้างแล้วแต่ยังไม่มากพอ จึงต้องมีการฉีดน้ำลงบนพื้นเพื่อให้เปียกชุ่มเต็มที่ในช่วงเช้า และเมื่อเข้าสู่ช่วงบ่ายสนามก็แห้งตามปกติ นักขับได้เปลี่ยนกลับไปใช้ยางสลิกเหมือนเดิม
เจนสัน บัตตัน ซึ่งเมื่อวานไม่มีโอกาสได้จับรถ มาวันนี้เขาทำเวลาเร็วที่สุดด้วยการใช้ยางมีเดียม ที่น่าประทับใจที่สุดในวันนี้คือผลงานของนิโค รอสเบิร์ก ที่วิ่งระยะยาวได้ถึง 97 รอบ ทำให้ขณะนี้เครื่องยนต์เมอร์เซเดสมีภาษีในเรื่องความเสถียรดีกว่าใครเพราะเมื่อรวมรอบจากทุกทีมที่ใช้เครื่องยนต์จากเยอรมันแล้ว เรียกว่าวิ่งไปได้ไกลกว่าคู่แข่งมาก ผิดกับกลุ่มที่ใช้เครื่องยนต์เรโนลต์ เร้ดบูลต้องผิดหวังเป็นวันที่สองเมื่อเซบาสเตียน เวทเทล วิ่งเก็บไปได้อีกเพียงเล็กน้อย โดยรวม 2 วัน ทีมแชมป์โลกเพิ่งจะสะสมไปได้แค่ 11 รอบ โดยวันนี้ที่ต้องเลิกเร็วกว่ากำหนดก็เนื่องจากปัญหาของแบตเตอรี่ ก่อให้เกิดควันตลบไปทั่วทั้งบริเวณท้ายรถ อีกทั้งแคเทอร์แฮมก็วิ่งได้น้อยรอบเช่นกัน ขณะที่โตโร รอสโซ ไม่มีโอกาสออกมาวิ่งเลย
*********************************************
สุดท้ายมีข่าวใหม่จากรั้วแม็คลาเรนค่ะ เมื่อช่วงเย็นตามเวลาบ้านเราที่ผ่านมาพวกเขาประกาศแต่งตั้งเอริก บูลลิเยร์ อดีตทีมบอสโลตัสที่เพิ่งลาออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นผู้อำนวยการการแข่งขัน (Racing Director)ของทีมนับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป โดยจะขึ้นตรงกับ "ซีอีโอ" ของทีม ซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่และยังไม่ได้มีการประกาศว่าผู้ใดจะมารับตำแหน่งนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กรของแม็คลาเรน เพื่อจะทวงความยิ่งใหญ่กลับมาอีกครั้งภายใต้การนำทัพอีกครั้งของรอน เดนนิส โดยที่ไม่ได้มีการพูดถึงสถานะของมาร์ติน วิทมาร์ช ทีมบอสคนปัจจุบันของแม็คลาเรนเพิ่มเติม แต่สื่อคาดกันว่าเขาอาจจะลาจากทีมไปในเวลาอันใกล้นี้
*ข้อมูลจาก autosport.com/f1 และ gpupdate.net ภาพจาก gpupdate.net
Create Date : 29 มกราคม 2557 |
Last Update : 30 มกราคม 2557 1:29:41 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1856 Pageviews. |
|
|
ส่วนมาร์ติน วิทมาร์ช ก็น่าจะไปที่โลตัสแหละ