เนื่องจาก 'พี่ใหญ่' โรแมง โกรส์ฌอง กำลังยุ่งอยู่กับการแข่งขันจีพีทู เอเชีย สนามแรก พร้อมทั้งได้รับชัยชนะมาด้วยในสัปดาห์นั้น ทำให้เบียงคี่ต้องเป็นหัวขบวนในการเสริมสร้างความฟิตให้กับแก๊งแทน ซึ่งประกอบด้วยชาร์ล พิค (คนที่เขาเล่นหมากรุกกระดานยักษ์ด้วยในรูป) อาเดรียง ตองบาย ฌอง-เอริก แวนญ์ และฌอง คาร์ล แวร์นาย
ขณะที่หนุ่มๆ เล่นสนุกกันในสระว่ายน้ำ แบรดลีย์นั่งคุยอยู่กับฌอง อเลซี่ กัปตันทีม โดยที่เขาจำคำพูดประโยคหนึ่งของอดีตนักขับเฟอร์รารี่ได้ไม่ลืมเลือน "ถ้าเส้นทางอาชีพของเบียงคี่พัฒนาไปอย่างที่วางแผนไว้ เขาจะได้เป็นผู้นำในทีมฟอร์มูล่าวันดีๆ สักวันหนึ่ง"
ในวันรุ่งขึ้น ครึ่งวันเช้าพวกเขายังคงต้องทำกิจกรรมเสริมความแข็งแรงต่อไป แต่หลังจากนั้นก็ได้ผ่อนคลายบ้างเมื่อทั้งหมดได้ไปตะลุยฟาร์มอูฐในทะเลทราย โกรส์ฌองได้มาร่วมก๊วนแล้วตอนนี้และได้รับการต้อนรับด้วย 'เฟร้นช์คิส' จากอูฐ เป็นที่ขำขันกันยกใหญ่ โดยหลังจากมื้อค่ำที่เป็นพิซซ่าแล้ว แบรดลีย์ต้องรับหน้าที่สัมภาษณ์นักขับในแคมป์แบบตัวต่อตัว
ถึงแม้ตองบายจะมีอายุแค่ 16 ปี แต่หนุ่มน้อยคนนี้ก็อัธยาศัยดีมาก ส่วนพิคก็ขี้อายเล็กน้อย (แบรดลีย์เขียนไว้ว่ากระทั่งเสียงของเขาก็ยังไม่แตกหนุ่มเลย!) แวนญ์นั้นมุ่งมั่นมากและกลับกระตือรือร้นที่จะตั้งคำถามกับเขามากกว่าตอบคำถามเสียอีก ซึ่งสำหรับแวนญ์ บก.คนนี้รู้จักมาแล้วจากฟอร์มูล่าทรี
แล้วเบียงคี่ล่ะ?
"ผมชนะถ้วยแชมป์โลกฟอร์มูล่าเอในรถคาร์ทและเป็นแชมป์ฟอร์มูล่าเรโนลต์ในฝรั่งเศสเมื่อปีที่แล้ว" เบียงคี่เล่าด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษที่สมบูรณ์แบบ "ปีนี้เป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมทีมเออาร์ทีสำหรับฤดูกาลแรกของผมในฟอร์มูล่าทรี ผมมีความกดดันเล็กน้อย เพราะนี่เป็นปีแรกของผมและมีนักขับลงแข่งเป็นปีที่ 2 อยู่หลายคน ซึ่งจะเป็นความยากสำหรับผม แต่ผมก็มาถูกที่และผมจะทำทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้เพื่อจะให้เป็นฤดูกาลที่ดี
"เท่าที่ผ่านมาการทดสอบเป็นไปด้วยดี ผมทำเวลาตามหลัง (นิโค) ฮูลเคนเบิร์กในการทดสอบ 0.3 วินาที ซึ่งทำให้ผมมีกำลังใจ และจะคอยดูว่าในครั้งต่อไปผมจะเข้าใกล้เขาได้มากแค่ไหน ผมมีเพื่อนร่วมทีมเป็นคนอังกฤษ 2 คน คือ จอน แลงคาสเตอร์ และเจมส์ เจกส์ ผมคิดว่าพวกเขาก็แข็งแกร่ง แลงคาสเตอร์ลงแข่งปีแรกเหมือนผม เพราะฉะนั้นคงดีที่ได้วัดตัวเองกับเขาเพราะเขาเป็นนักขับที่แข็งแกร่ง"
แบรดลีย์ยังจำได้ถึงโน้ตที่เขาเขียนไว้เกี่ยวกับเบียงคี่ในตอนนั้น
"เป็นคนที่เก่งรอบด้านและมั่นใจในตัวเอง ใส่ใจในทุกสิ่ง อยู่กับความเป็นจริงสำหรับงานที่เขาต้องเผชิญในปีแรกของการแข่งขันฟอร์มูล่าทรี แต่มีความทะเยอทะยานมุ่งมั่นอยู่ภายในส่วนลึก"ถึงแม้ต้องเศร้าที่เขาจากไป แต่เรื่องราวที่ผ่านมาของเขาจะไม่เลือนหายไปจากใจของทุกคนที่ได้รู้จักหรือได้พบเห็น ชื่อ "ฌูลส์ เบียงคี่" จะประทับไว้ในใจของแฟนฟอร์มูล่าวันทุกคนตลอดไป
ลาก่อน #JB17
*ข้อมูลและภาพจาก motorsport.com
นับตั้งแต่ฤดูกาล 2014 เอฟไอเอให้นักขับที่ลงแข่งขันในปัจจุบันเลือกหมายเลขประจำตัว 2-99 สำหรับใช้ตลอดอาชีพการเป็นนักขับ F1 ของตนโดยที่หมายเลข 1 สงวนไว้ให้แชมป์โลกคนปัจจุบันมีสิทธิ์ใช้ (หรือจะเลือกใช้หมายเลขประจำตัวของตนอย่างที่ลูอิส แฮมิลตัน ใช้หมายเลข 44 ในปีนี้ก็ได้) ซึ่งจากทวิตเตอร์ของเบียงคี่ย้อนกลับไปเมื่อธันวาคม 2013 เขาเลือก 7 27 และ 77 ส่งให้เอฟไอเอพิจารณา
แต่ในที่สุดเขาได้ใช้หมายเลข 17 เนื่องจากคิมี่ ไรค์โคเน่น เลือกเบอร์ 7 นิโค ฮูลเคนเบิร์ก เลือกเบอร์ 27 และวาลท์เทรี่ บอตทาส เลือกเบอร์ 77 ซึ่งตามกฎ หากมีนักขับเลือกเลขเดียวกันมากกว่า 1 คน คนที่จบการแข่งขันในปีที่ผ่านมาด้วยอันดับสูงที่สุดจะมีสิทธิ์ได้ไปก่อน
//www.motorsport.com/f1/news/fia-to-retire-jules-bianchis-number