Post-Race Bahrain Test Day 1 & 2
อย่างที่แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ว่าหลังการแข่งขันในสนามบาห์เรนจะมีการทดสอบพิเศษระหว่างฤดูกาล ซึ่งเอฟไอเออนุญาตให้กลับมาทดสอบเช่นนี้ได้อีกครั้งเริ่มตั้งแต่ปีนี้ และนี่เป็นครั้งที่ 1 จากทั้งหมด 4 ครั้งด้วยกัน ผลและไฮไลท์ของการทดสอบเมื่อวันอังคารและพุธที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันค่ะ
การทดสอบวันที่ 1: วันอังคารที่ 8 เมษายน
ไฮไลท์
- แม้จะเป็นแค่การทดสอบ แต่เมอร์เซเดสยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในกริดปีนี้ นิโค รอสเบิร์ก ทำเวลาเร็วที่สุด ทิ้งห่างนิโค ฮูลเคนเบิร์ก ของฟอร์ซอินเดีย 0.3 วินาที และตามมาด้วยเฟอร์นันโด อลอนโซ่ ซึ่งเป็นคนเดียวที่ติดอันดับท็อป 5 โดยไม่ได้ใช้เครื่องเมอร์เซเดส
- เมอร์เซเดสเน้นการเซ็ตอัพรูปแบบต่างๆ และการเรียนรู้ลักษณะของยางให้มากขึ้น ส่วนเฟอร์รารี่แบ่งเวลาช่วงเช้าสำหรับเรื่องของแอโรไดนามิกส์และการทำงานกับระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยเน้นการแก้ไขความเร็วบนทางตรง และช่วงบ่ายเป็นการวิ่งระยะสั้นเพื่อทดสอบการเซ็ตอัพที่หลากหลาย
- เร้ดบูลทำเวลาเร็วเพียงอันดับที่ 7 โดยไม่ได้เน้นอะไรมากไปกว่าการทดลองเซ็ตอัพรถในแบบต่างๆ เช่นกันและวิ่งระยะยาว โดยแดเนียล ริกเคียร์โด้ กล่าวว่ารถเร้ดบูลมีปัญหาในการซ้อมช่วงที่ 1 และ 3 ก่อนการแข่งขันบาห์เรน กรังด์ปรีซ์ เนื่องจากความร้อน แต่ในการทดสอบนั้นรถทำได้ดีขึ้น
- โลตัสยังมีปัญหากับเครื่องยนต์ต่อไป พาสเตอร์ มัลโดนาโด ลงวิ่งได้แค่ 16 รอบก็ไม่สามารถวิ่งต่อไปได้อีก
- นอกจากการทดสอบรถระหว่างฤดูกาลแล้ว แต่ละทีมยังต้องช่วยเหลือปิเรลลี่ในการสละเวลาทดสอบยางทีมละ 1 วัน โดยวันแรกนี้เริ่มจากแคเทอร์แฮม แต่โชคไม่ดีที่รถของพวกเขาประสบปัญหากับระบบไฮโดรลิกส์ตั้งแต่ก่อนพักกลางวัน จึงไม่สามารถได้ข้อมูลมากนัก
การทดสอบวันที่ 2: วันพุธที่ 9 เมษายน
ไฮไลท์
- เมอร์เซเดสตอกย้ำประสิทธิภาพรถอีกครั้ง ลูอิส แฮมิลตัน ทำเวลาเร็วที่สุดในการทดสอบวันที่ 2 โดยเวลาที่เขาทำได้มาจากขณะใช้ยางชุดที่กำลังได้รับการพัฒนา ซึ่งเมอร์เซเดสช่วยปิเรลลี่ทดสอบยางร่วมกับวิลเลียมส์ในวันที่สองนี้ด้วย
- เฟอร์รารี่ตัดสินใจเก็บรถหลังเฟอร์นันโด อลอนโซ่ วิ่งไปเพียง 12 รอบ เนื่องจากรถคันนี้เป็นของคิมี่ ไรค์โคเน่น ที่ได้รับความเสียหายจากการปีนเคิร์บระหว่างการฝึกซ้อมวันศุกร์ก่อนการแข่งขัน เฟอร์รารี่จึงตัดสินใจหยุดก่อนที่รถจะได้รับผลกระทบมากกว่านี้
- แม็คลาเรนยังคงให้เควิน แม็กนุสเซน ลงทดสอบอีกวันหนึ่ง แต่รถของเขามีปัญหาด้านเทคนิคและทำให้หลุดแทร็คออกไปก่อนช่วงพักกลางวันเล็กน้อย ส่วนเร้ดบูลมีปัญหากับระบบอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงเช้าจึงลงสนามช้า และในช่วงบ่ายพวกเขาก็หันไปทดสอบเกี่ยวกับแอโรไดนามิกส์
- ด้านแคเทอร์แฮมยังต้องแก้ปัญหารถต่อไปทั้งเรื่องทางเทคนิคและระบบ ERS แต่ยังดีที่มาร์คุส เอริกสัน มีโอกาสนำรถลงวิ่งได้ถึง 66 รอบในที่สุด แต่น่าเสียดายที่โลตัสยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์ได้สำเร็จ โรแมง โกรส์ฌอง จึงต้องหยุดทดสอบหลังผ่านไป 16 รอบเท่านั้น
*ข้อมูลและภาพจาก formula1.com
Create Date : 10 เมษายน 2557 |
|
6 comments |
Last Update : 11 เมษายน 2557 0:53:36 น. |
Counter : 1659 Pageviews. |
|
|
|
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=f1star&month=10-04-2014&group=4&gblog=35