Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
22 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
ไปเที่ยวแม่แจ่ม แม่ฮ่องสอน ปายกันนะ (วันที่ 2)

เช้าวันที่ 2 เราตั้งนาฬิกาปลุกกันตั้งแต่ตี 5 แต่ไม่อยากจะลุกเลย อากาศหนาวเย็น ห่มผ้านวม 2 ชั้น กำลังสบายเลย เหมือนเพิ่งนอนไปแป๊บเดียวเอง แต่ก็ต้องตื่นให้ได้ เพราะเราจะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอยกัน

ลุกขึ้นมาใส่เสื้อกันหนาวเพิ่มอีกชั้นนึง รวมเป็น 3 ชั้น ใส่ถุงเท้า รองเท้าผ้าใบ ผ้าพันคอ หมวก เรียบร้อย ก็ขับรถขึ้นดอยกันอีกรอบ แต่ไม่ต้องห่วงว่ามืด ๆ จะอันตรายคะ ด่านตรวจที่ 3 มีเจ้าหน้าที่คอยรออยู่ และระหว่างทาง มีเพื่อนร่วมทางมาตลอดคะ ส่วนใหญ่จะขึ้นไปเหมือนกับเราเนี่ยแหละ

และแล้วก็มาถึงจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน ตรงนี้มีร้านขายของนิดหน่อย และมีกองไฟไว้ให้ผิงหาไออุ่นได้ พอลงจากรถปุ๊บ โอ้แม่เจ้า.....หนาวจริง ๆ ลมพัดมาแต่ละที สั่นสะท้านไปหมด แต่พอแลไปทางขวาของลานจอดรถ โอ๊ะโอ้.... ทะเลหมอกเริ่มลอยมาให้เห็นนิด ๆ จะรอช้าอยู่ใย เราก็เลยรีบลงจากรถกันเลย


มองย้อนกลับไปทางขึ้นเขา เริ่มเห็นทะเลหมอกลอยเข้ามาใกล้


ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมานิดหน่อย


ยืนรอท่ามกลางสายลมสั่นสะท้านอยู่แป๊บเดียว ก็เห็นแสงพระอาทิตย์ออกมาคะ


เอาไปอีกรูป อิอิ


ท้องฟ้าสีส้มอมชมพู สวยงามมากจริง ๆ


อีกภาพ ก่อนจะมีแก๊งทัวร์รถตู้มากันหลายคัน แล้วส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด เป็นที่น่ารำคาญยิ่ง เลยหนีไปขึ้นอ่างกากันดีกว่า

ขับรถขึ้นไปอีกนิดเดียว ก็ถึงจุดที่ดินสไลด์ เอารถขึ้นไม่ได้ ต้องจอดไว้ข้างทาง แล้วเดินเข้าไปอีกประมาณ 300 ม. (หลอกแน่นอน) ดูเหมือนเดินง่าย ๆ ก็เลยเดินไป แป๊บบบเดียวเอง คิดผิดป่าวว่ะตู หายใจไม่ทัน อากาศก็เย็น อ๊อกซิเจนคงน้อย แต่สายไปแล้ว ขืนโบกรถสองแถวสีเหลืองตอนนี้ เสียฟอร์มหมด แม้จะแค่ 5 บาทก็ตาม ว่าแล้วก็เดินต่อไป แป๊บแม้วก็ถึง เลี้ยวซ้ายลงเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกากันเลยคะ ป้ายแรกเป็นป้ายต้อนรับเข้าสู่ประตูหิมาลัย ฟังดูยิ่งใหญ่ดีจริง ๆ











สภาพป่าที่ชุ่มชื้น เย็นยะเยือกตลอดปี ทำให้มีสภาพป่าไม้อย่างที่เห็น ต้นไม้ต่าง ๆ เหมือนใส่เสื้อกันหนาวห่อหุ้มเอาไว้






เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ จะเป็นสะพานไม้แบบนี้ไปตลอดทาง ห้ามเดินออกนอกเส้นทางนะคะ


ต้นไม้ใหญ่ และใบเฟิร์นเล็ก ๆ ในบรรยากาศที่เงียบสงัด มีไม่กี่คนที่ลงมาเดิน แก๊งทัวร์รถตู้ไม่ได้ลงมา ได้ยินแต่เสียงกรี๊ดกรี๊ดอยู่ด้านบนไกล ๆ


ข้าวตอกฤาษี


เริ่มหิวข้าว เห็นป้ายชื่อต้นไม้ทะโล้ เป็นพะโล้ไปแย้วววว

เดินขึ้นมาจากอ่างกา ก็ข้ามไปฝั่งตรงข้ามที่มีห้องน้ำ ร้านขายของ เจอเจ้านกน้อยนี้แวะเวียนมากินกล้วยที่คนของร้านกาแฟแขวนเอาไว้ เลยลองกด ๆ มาดู ไม่คิดว่าจะติด ก็แหม...กล้องเราเล็กนิดเดียว แต่เพื่อน ๆ ด้านข้างที่เขาถ่ายนกน้อยนี้ ใช้กล้องอย่างกับปืนบาซูก้าแน่ะ อิอิ




ไม่รู้ชื่อนกอะไรคะ แต่เสียงร้องเพราะดี


เดินขึ้นไปอีกนิด เลยเสาธงชาติไทยไป จะมีจุดวัดอุณหภูมิ ซึ่งเมื่อเช้านี้อยู่ที่ 7 องศา มิน่าล่ะ สั่นสะท้านซะมากมาย


เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนเจอป้ายนี้คะ จุดสูงสุดยอดแดนสยาม ก่อนจะไปเจออนุสาวรีย์เจ้าฯ.....จำไม่ได้

จากนั้นก็จะเป็นทางเดินลง ไปจนใกล้ๆ สถานีเรดาห์ แล้วเราก็เดินกลับไปขึ้นรถที่จอดทิ้งไว้ ขากลับนี้เดินง่ายแหะ เพราะเดินลง ตบเท้าลงมาแบบทหารเลย แป๊บเดียวถึง แวะดูทางที่ขาดเพราะดินสไลด์ น่ากลัวจริง ๆ ถ้าเกิดเราขับรถมาเจอตอนมันขาดพอดี สงสัยแย่แน่ ๆ

พอขึ้นรถแล้วก็ขับลงดอย พอผ่านกิ่วแม่ปาน มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ทางด้านซ้าย เลยแวะเก็บภาพอีกซักหน่อย มองเห็นทางโค้งก่อนถึงพระธาตุฯ และแถวรถยนต์ที่เริ่มมาจอดให้เห็นกันแต่เช้าแล้วคะ




ถ่ายจากลานจอดเฮลิคอปเตอร์ เลยกิ่วแม่ปานไปนิดเดียว

จากนั้นเราก็ขับรถกลับไปที่ทำการอุทยานฯ แวะกินข้าวเช้าเติมพลังกันก่อน หิวมากกกกก ว่าแล้วก็สั่งกับข้าวมากมายเช่นเคย ทั้งแกงจืดปวยเล้ง ไข่เจียวเห็ดหอม และเห็ดหอมสดผัดบร็อคโคลี่


อาหารจานใหญ่โต


สงสัยหิวมาก ภาพเบลอเลย แต่รสชาติอร่อยนะจ้ะ


เห็ดหอมตูม ๆ โต ๆ อร่อยอย่าบอกใคร


ไข่เจียวเห็ดหอม กินกับซอสพริก มื้อนี้ 250 บาทขาดตัว...

จากนั้นก็เดินไปซื้อกาแฟร้านข้าง ๆ มอคค่าที่นี่ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ อ่อนไปนิด กินเสร็จง่วงนอนทันทีเลย 5555 แต่แวะซื้อกาแฟคั่วบดไปด้วย พร้อมด้วยลูกอมกาแฟรสเข้มข้นหวานมัน ซึ่งได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ช่วยชีวิตพลขับและพลนั่งในวันที่ 4 อย่างมาก เพราะง่วงอย่างแรง แล้วหากาแฟไม่ได้ เพราะขับรถขึ้นเขาระหว่างแม่ฮ่องสอน ไปปายอยู่ ได้เจ้าลูกอมกาแฟนี่แทน คาเฟอีนเข้าสู่เส้นเลือดปุ๊บ ตาสว่างขึ้นทันทีเลย

จากนั้นเราก็ขับรถกลับบ้านพัก ไปนอนเล่นผึ่งพุงให้หายเหนื่อยจากการบริโภคก่อน เผลอแป๊บเดียว หลับไปเกือบชั่วโมง รีบอาบน้ำ เก็บกระเป๋า ออกจากบ้านดอยชัวร์ญ่า เกือบ 11 โมง แล้วก็ขับขึ้นไปทางแยกที่เลยจุดตรวจ เลี้ยวซ้ายไปแม่แจ่ม ถนนช่วงนี้เล็กมาก ขับสวนกันไว ๆ หูกระจกมองข้างแทบตีกัน ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขับเบียดเสียดกันในซอยเล็ก ๆ หลังออฟฟิศเลย 5555 ทำความเร็วได้ไม่มาก เพราะกลัว แต่ระยะทางแค่ 20 กว่าก.ม. ก็ถึงแม่แจ่มแล้วคะ เราแวะหาบ่าววี ที่ร้านเมืองแจ่มโพสต์ เพื่อเอาเครื่องเขียนไปฝากให้แกไปให้เด็กในโรงเรียนไกล ๆ กันด้วย แต่ไม่เจอพี่ท่าน เลยกะว่าจะแวะมาหาอีกทีตอนเย็น ๆ แต่ก็ไม่เจออยู่ดี สรุปว่าทริปนี้ไม่เจอนะคะ เอาไว้ทริปหน้า จะแวะมาหาใหม่

เส้นทางนี้จะมีนาขั้นบันไดให้เห็นแค่นิดหน่อย ต้องไปอีกมุมนึงของเมือง เลยขับรถไปไหว้พระกันดีกว่า เสียดายอากาศร้อนไปหน่อย เดินไปถ่ายไป ตอนหลังชักไม่ไหว ร้อนขึ้นทุกที แทบเป็นลม







นาขั้นบันได ตรงทางเข้าวัดยางหลวง เริ่มเปลี่ยนจากเขียว เป็นเหลืองทองบางส่วน

วัดที่นี่ส่วนใหญ่เป็นศิลปะแบบพม่าผสมล้านนา วัดแรกที่ไปคือวัดยางหลวงคะ ดูดี ๆ นะคะ ด้านหลังพระประธาน จะมีปูนปั้นเก่าแก่ เรียกว่ากู่ปราสาท ซึ่งตอนหลังสร้างโบสถ์หลังนี้มาครอบอีกที เขาเชื่อกันว่า เป็นทางไปสู่สวรรค์คะ ด้านในมีภาพเงาสะท้อน แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา มัวแต่ตื่นเต้น และที่วัดนี้ เราก็ได้ถวายเครื่องเขียนไว้ให้พระท่านใช้สอยด้วย


พระประธานในวัดยางหลวง


จากมุมด้านหน้า มองเห็นประตูโบสถ์แกะสลัก ลงรักปิดทองสวยงาม (เรียกถูกไหมเนี่ย) ซึ่งมุมด้านขวามือเนี่ยแหละคะ ปิดหน้าต่างให้เหลือแสงสาดเข้ามานิดเดียว จะเห็นภาพเงาสะท้อนโบสถ์คะ


หน้าต่าง ลวดลายวิจิตร


อันนี้ไม่รู้เรียกว่าอะไร อยู่บนหลังคา ตรงกลาง ๆ


ถ่ายจากด้านหลัง จะเห็นภาพวาดสวยงาม

จากนั้นจะมีโบสถ์อยู่ข้าง ๆ อีกหลัง ตอนแรกมองไกล ๆ ไม่คิดว่าจะสวยงาม เพราะดูจากด้านข้างด้วย พอเราจะเดินออก พระท่านคงรู้ว่า ไอ้นี่ไม่รู้เรื่องเลย ของสวย ๆ งาม ๆ ไม่ไปดู ท่านเลยเดินมาถามเราว่า ไปดูโบสถ์หลังนั้นหรือยัง แล้วท่านก็เดินนำ ไปเปิดประตูให้เราเข้าไปไหว้พระ และถ่ายรูปกัน








โบสถ์อีกหลัง ที่อยู่ข้าง ๆ กัน สีสวยสดมาก ดำ แดง ทอง

จากนั้น เราก็ขับวนออกมาอีกทางหนึ่ง ไปยังวัดป่าแดด ที่สร้างมาเกือบ 200 ปีแล้ว ข้างในมีภาพวาดฝาผนัง แต่ร่องรอยอารยธรรมเหลือน้อยนิด อีกหน่อยกรมศิลป์ฯ คงต้องมาบูรณะขนานใหญ่แล้ว


มุมด้านหน้า ไม่น่ามีลำโพงเล้ยยย


พระประธานด้านใน


ลักษณะคล้ายศิลปะพม่าหรือป่าว ไม่ค่อยเหมือนล้านนา


ภาพนี้จำไม่ได้ว่า ถ่ายจากโบสถ์อีกหลังของวัดป่าแดด หรือวัดอื่นที่อยู่ใกล้ๆ กันก็ไม่รู้ เพราะจำได้ว่า ตอนขับรถออกมา เจอวัดอีกอันนึงใกล้ ๆ กัน แล้วดันจำผิด คิดว่าเป็นโบสถ์กลางน้ำ แต่พอลงจากรถไปดูแล้ว ดันไม่ใช่ เลยออกรถต่อ เลยไม่แน่ใจว่าภาพนี้ถ่ายมาจากไหนกันแน่ 5555

หลังจากนั้น ก็ขับรถวนไป วนมาอยู่พักใหญ่ ๆ ออกไปถึงทางแยกตรงเฮือนแรมแจ่มเมือง แล้วก็วกกลับมาอีกรอบ เพื่อหาทางไปวัดพุทธเอิ้น หรือวัดพุทธเอ้น สุดท้าย จอดถามน้องชายที่ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมา เขาเลยอาสาพาไปชี้จุดเส้นทางใหญ่ให้ ปรากฎว่า เราขับหลงไปไกลมากกกก เลยตอบแทนน้ำใจน้องเขาไปเล็กน้อย แล้วก็ขับตามทางไปเรื่อย ๆ จนถึงวัดพุทธเอิ้น แต่อย่างที่บอกคะ กว่าจะมาถึงวัดนี้ได้ ก็ผ่านไปหลายแดด แถมข้าวเที่ยงก็ไม่มีอะไรตกถึงท้อง ถ้าเป็นปลาสลิดก็แห้งสลดเหี่ยวหมดแล้วคะ เลยถ่ายรูปมาแค่นิดเดียวเอง


โบสถ์กลางน้ำคะ ห้ามผู้หญิงเข้าไปด้านใน ยืนชมได้แค่บริเวณรั้วปูนคะ


ลวดลายบนบานประตูที่วิจิตรงดงาม

หลังจากนั้น พระท่านก็เดินมารดน้ำต้นไม้ ในใจท่านอาจคิดว่า มาดูอะไรกันตอนนี้ 5 โมงกว่าเข้าไปแล้ว เราก็เลยกลับเข้าเมืองดีกว่า ไปหาข้าวกิน หิวจนจะกินหัวเพื่อนได้แล้วนะเนี่ย

เลือกร้านที่ดูบ้าน ๆ หน่อย อยู่ตรงข้ามธนาคารกสิกรไทย ห้องมุม ๆ แต่ไปซื้อส้มตำจากร้านข้าง ๆ มาร่วมด้วยช่วยกันชูรส โอ้ว....ไม่ผิดหวังเลย บ้านจริง ๆ สั่งลาบหมู ลุงยกมาให้แบบดิบ ๆ ราดเลือดมาแดงฉาน......ต้องบอกให้ลุงเอาไปทำให้สุกหน่อยเถอะคะ หนูขอร้อง เดี๋ยวคืนนี้หนูจู๊ด จู๊ด พรุ่งนี้จะไปเที่ยวต่อไม่ได้ แกเลยหัวเราะเราใหญ่ เอาไปทำให้สุกแล้วยกมาใหม่ คราวนี้โอเค อร่อยดี แต่กินไป ก็อดคิดถึงภาพตอนมันแดงฉานไม่ได้ แต่ก็หมดนะ บอกแล้วว่าหิวจนจะกินหัวเพื่อนอยู่แล้ว บวกกับไก่ย่าง ไส้อั่ว คางหมูย่าง แกงอ่อมเครื่องในหมู และส้มตำปูปลาร้า จิ้มข้าวนึ่ง ผักสด ๆ แซ่บอย่าบอกใคร


อลังการงานสร้าง


ส้มตำปูปลาร้ารสเด็ด พร้อมไก่ย่าง


แกงอ่อมเครื่องในหมู แตกต่างจากที่เคยกินมา เพราะส่วนใหญ่ต้องมีผักเยอะ ๆ แต่ที่นี่ไม่มีเลย มีแต่เครื่องในล้วน ๆ รสชาติคล้ายต้มเครื่องในธรรมดา


ไส้อั่วที่นี่มันไปนิด แต่กินกับผักสด ข้าวนึ่ง ก็กำลังดีคะ


คางหมูย่าง อันนี้มันอย่างแรง ขอสละสิทธิ์คะ


และจานเด็ดสุดท้าย ลาบเมืองคะ ขนาดสุกแล้วนะเนี่ย สีขนาดนี้เลย ลองนึกถึงภาพตอนมันยังไม่สุกสิคะ อืมมมม....แบบนั้นแหละ

หลังจากอิ่มหนำสำราญ จนพุงแทบแตกแล้ว เราก็จ่ายค่าเสียหายไป 150 บาท แล้วก็ขับรถไปปั้มน้ำมันปตท. แต่ไม่ได้เติมหรอกคะ ไปซื้อน้ำดื่มกับโยเกิร์ตกินแก้เผ็ดหน่อย แวะหาบ่าววีอีกรอบ แต่ก็ไม่เจออีก แถมดึกแล้ว เกรงใจ ก็เลยกลับบ้านพักที่ ณวสรวงรีสอร์ท เราได้ห้องบนสุด ติดกับสระน้ำ บรรยากาศก็ใช้ได้ แต่คืนนั้น ไม่ค่อยหนาว หมอกก็ไม่มี แมลงเลยมาแทน ก็เลยนั่งอยู่ในห้อง ทำงานซักนิด เพราะพรุ่งนี้คนอื่นเขาทำงานกันแล้ว แต่เราหยุด ต้องเคลียร์งานให้น้อง ๆ หน่อย จากนั้นก็อาบน้ำ และนอนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนที่สุด

วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยที่สุดของทริป เพราะตื่นตั้งแต่ยังไม่สว่าง เดินแป๊บแม้ว (ไม่ใช่แป๊บเดียว) อากาศร้อน โดนแดดเปรี้ยง แถมด้วยกินข้าวไม่ครบมื้ออีกด้วย พรุ่งนี้ค่อยแก้ตัวใหม่ วางเวลาดี ๆ แต่หารู้ไหมว่า หลังจากนั้น ก็เป็นแบบนี้ทุกวันแหละ ยันกลับกทม.เลย

*** จบวันที่สอง ***


Create Date : 22 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2552 1:13:03 น. 2 comments
Counter : 5249 Pageviews.

 
น่าไปจังเลยอ่ะ ธรรมชาติสวยงามมากๆๆเลยอ่ะ


โดย: kwan_3023 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:34:10 น.  

 
กลุ่มเพื่อน 5.63 โรงเรียนอุตรดิตถ์ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดเลี้ยงสังสรรค์ต้อนรับเหมันตฤดู "เชียงคานยังหวานอยู่" ณ บ้านครูแดงโฮมสเตย์ อ.เชียงคาน จ.เลย วันที่ 23-25 ต.ค. 2553 มีโปรแกรมกิจกรรมที่น่าสนใจดังนี้
วันที่ 23 ตุลาคม 2553
06.00 - 12.00 น. เดินทางสู่จังหวัดเลย,รับประทานอาหาเที่ยงตามอัธยาศัย
13.00 น. ถึงจึงหวัดเลย พบกันที่ร้าน แชมป์โปรเจค (ตรงข้ามโรงพยาบาลเมืองเลยราม
13.30 - 14.30 น. ขบวน Rally รถยนต์ 5.63 และเครือข่าย เดินทางสู่อำเภอเชียงคาน
14.30 - 15.00 น. เข้าที่พัก ผักผ่อนตามอัธยาศัย
15.00 - 15.30 น. ชมทัศนียภาพแก่งคุดคู้ อำเภอเชียงคาน
15.30 - 17.30 น. Walk rally หรรษา 5.63 พาสนุก
17.30 - 18.30 น. ปั่นจักรยาน เที่ยวถนนชายโขง เมืองเชียงคาน

วันที่ 23 ตุลาคม 2553
06.00 - 12.00 น. เดินทางสู่จังหวัดเลย,รับประทานอาหาเที่ยงตามอัธยาศัย
13.00 น. ถึงจึงหวัดเลย พบกันที่ร้าน แชมป์โปรเจค (ตรงข้ามโรงพยาบาลเมืองเลยราม
13.30 - 14.30 น. ขบวน Rally รถยนต์ 5.63 และเครือข่าย เดินทางสู่อำเภอเชียงคาน
14.30 - 15.00 น. เข้าที่พัก ผักผ่อนตามอัธยาศัย
15.00 - 15.30 น. ชมทัศนียภาพแก่งคุดคู้ อำเภอเชียงคาน
15.30 - 17.30 น. Walk rally หรรษา 5.63 พาสนุก
17.30 - 18.30 น. ปั่นจักรยาน เที่ยวถนนชายโขง เมืองเชียงคาน

24 ตุลาคม 2553
05.00 - 06.30 น. รับอรุณยามเช้าที่ภูทอก
06.30 - 07.30 น. ชาว 5.63และเครือข่าย บำเพ็ญกุศล ไหว้พระ ทำบุญตักบาตร ยามเช้าที่เชียงคาน
07.30 - 08.30 น. รับประทานอาหารเช้า และแลกเปลี่ยนสนทนาเวลาเช้าที่เชียงคาน
อาหารเช้า
- กาแฟเลิศรส และขนมไทย ๆ
- ขนมจีนน้ำแจ่ว
- ข้าวต้มทรงเครื่อง
08.30 -09.30 น. ชาว 5.63 และเครือข่าย บำเพ็ญประโยขน์ บริจาคเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม สมุดเครื่องเขียน ฯลฯ ให้เด็กนักเรียนด้อยโอกาส ณ โรงเรียนมูลมัง หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดท่าแขก อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
09.30 - 10.30 น. นัดดวลกอล์ฟ สำหรับคนรักกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟ อาทิตย์ กำลังเอก ค่ายศรีสองรัก จ.เลย
- เดินทางท่องเที่ยวตามอัธยาศัย
1. ไหว้พระธาตศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย
2. ไหว้พระที่วัดเนรมิตวิปัสสนา อ.ด่านซ้าย จ.เลย
3. เที่ยวสะพานไทย -ลาว อ.ท่าลี่ จ.เลย
4. เที่ยวท่าสด็จ จ.หนองคาย
เดินทางท่องเที่ยว ค้างคืนตามอัธยาศัย
25 ตุลาคม 2553 เดินทางกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
Rally รถยนต์ 5.63 และเครือข่าย เดินทางสู่อำเภอเชียงคาน
14.30 - 15.00 น. เข้าที่พัก ผักผ่อนตามอัธยาศัย
15.00 - 15.30 น. ชมทัศนียภาพแก่งคุดคู้ อำเภอเชียงคาน
15.30 - 17.30 น. Walk rally หรรษา 5.63 พาสนุก
17.30 - 18.30 น. ปั่นจักรยาน เที่ยวถนนชายโขง เมืองเชียงคาน
ยินดีต้อนรับสู่เชียงคาน
ด้วยสัจจะและไมตรีจาก
พ.ต.ท.เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ รอง ผกก. สภอ.ภูกระดึง จ.เลย และคณะ
นางกมนวรรณษ์ วัฒนศรีทานัง
นายวิชรัตน์ บุปผาพันธ์ และ
นายเรืองวิทย์ ล้อศิริรัตน์


โดย: กลุ่มเพื่อน 5.63 อ.ต. IP: 210.246.186.9 วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:11:08:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

explorer_life
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add explorer_life's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.