แหล่งรวมเกร็ดความรู้เรื่องการเงินในทุกมิติของทุกช่วงชีวิต โดยทีมให้คำปรึกษาและวางแผนการเงิน K-Expert
Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
19 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
มีเงินเหลือ เอาไปโปะบ้านหรือรถก่อนดี


สวัสดีครับ

หลังจากที่ผมได้นำเสนอสาระเกี่ยวกับการซื้อบ้านและรถยนต์ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็มีคุณผู้อ่านส่งอีเมล์มาปรึกษากับทางกูรูของเราเรื่อง “มีเงินเหลือเอาไปโปะบ้านหรือรถก่อนดี” ซึ่งผมเห็นว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆ คนเลยขอหยิบยกประเด็นนี้มานำเสนอในบทความวันนี้ครับ

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่พอเข้าวัยทำงานก็จะเริ่มนึกถึงบ้านสักหลังหรือรถสักคันเพื่อเติมเต็มความต้องการของตัวเอง เช่น เมื่อเริ่มทำงานก็อาจจะต้องการบ้านหรือคอนโดมิเนียมใกล้ที่ทำงานหรืออาจต้องการรถยนต์เพื่อใช้เดินทางไปทำงาน เมื่อทำงานเก็บเงินได้สักก้อนบางคนอาจจะเริ่มวางแผนแต่งงานสร้างครอบครัว ก็อาจจะต้องการบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ไว้รองรับสมาชิกในครอบครัวหรืออาจต้องการเปลี่ยนรถให้เหมาะสมกับขนาดของครอบครัว เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งบ้านและรถล้วนแต่เป็นภาระก้อนโตที่ต้องแบกรับในระยะยาวดังนั้นเราจึงควรวางแผนการเงินให้ดี เพื่อที่จะได้สามารถผ่อนได้อย่างตลอดรอดฝั่งโดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยหรือฝืนตัวเองมากเกินไปครับ

หลายๆคนถามว่าหากต้องเลือกระหว่างซื้อบ้านกับซื้อรถ ควรเลือกซื้ออะไรก่อนในประเด็นนี้ต้องขอแนะนำแบบนี้ครับ คือ หากเลือกซื้อบ้านก่อนก็จะเป็นผลดีในด้านของการลงทุน เพราะบ้านเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มในระยะยาวและเราสามารถปล่อยเช่าได้ หากเราไม่ได้อยู่อาศัยเอง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแค่ละคนครับบางคนอาจต้องการรถยนต์เพื่อความสะดวกในการเดินทางเพื่อหาเลี้ยงชีพแต่รถยนต์ก็จะมีข้อเสียในด้านของการลงทุนเพราะว่ามูลค่าของรถยนต์เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ดังที่เคยได้บอกเล่ากันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วครับ

อย่างไรก็ตามในส่วนของคนที่ซื้อทั้งบ้านและรถพร้อมๆ กัน หรือมีระยะเวลาผ่อนคาบเกี่ยวกันและมีเงินเหลือพอที่จะโปะหนี้ก็อาจจะไม่แน่ใจว่าจะนำเงินที่มีไปโปะบ้านหรือรถก่อนดี ในส่วนนี้ขอแนะนำให้ทำความเข้าใจในการคิดดอกเบี้ยของบ้านและรถยนต์ก่อน ดังนี้ครับ

การคิดดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับรถยนต์มักคิดดอกเบี้ย “แบบคงที่ (Flat Rate)” ฉะนั้น การกู้แบบนี้หลายคนอาจคิดว่ามีเงินแล้วนำไปโปะให้หมดไวๆจะได้ไม่ต้องมานั่งผ่อน แต่การทำเช่นนี้เราจะไม่ได้ประโยชน์ในด้านการประหยัดดอกเบี้ยครับเนื่องจากการคิดดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่กู้แล้ว แต่มีบริษัทไฟแนนซ์บางแห่งออกแคมเปญที่จะลดดอกเบี้ยให้ครึ่งหนึ่งของระยะเวลาที่เหลือหากมีการชำระหนี้ก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่น เงินกู้สำหรับรถยนต์ 1,000,000 บาท ระยะเวลา 3 ปี ดอกเบี้ย 3% ผ่อนชำระเดือนละ 32,397.22 (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เท่ากับดอกเบี้ยต้องจ่ายทั้งสิ้น90,000 บาท คิดเป็นดอกเบี้ยจริง 5.67% ต่อปีหากชำระปิดบัญชีก่อนกำหนด จะมีส่วนลดให้โดยคิดดอกเบี้ยเพียงครึ่งหนึ่งของที่ต้องเสียเท่ากับว่ามีส่วนลดดอกเบี้ยให้ 50% ของยอดดอกเบี้ยที่เหลืออยู่ แต่ในส่วนนี้ ถ้าคิดจริงๆ ก็จะเห็นว่าจะได้ส่วนลดไม่มากนักเพราะการผ่อนชำระรถยนต์นั้นจะมีการคิดภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7%เพิ่มจากอัตราการผ่อนชำระปกติ อย่างในกรณีนี้ที่ยกตัวอย่างมานี้ภาษีมูลค่าเพิ่มเท่ากับ 76,300 บาท (คิดจาก 1,090,000 x 7%) ซึ่งถ้าหากมีการปิดบัญชีก่อนครบกำหนด จะได้ลดเพียงแค่ดอกเบี้ยเท่านั้นภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวนนี้จะไม่ได้ลด

ส่วนเงินกู้ซื้อบ้าน จะคิดดอกเบี้ยแบบ “ลดต้น ลดดอก” แต่ไม่ได้หมายความว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงนะครับคำว่า “ลดต้นลดดอก” หมายถึงการคิดดอกเบี้ยจากยอดหนี้ที่ยังเหลืออยู่ครับดังนั้นเมื่อเงินต้นลด ดอกเบี้ยก็จะลดลงไปด้วย เช่น กู้เงินซื้อบ้านมียอดดอกเบี้ยมียอดจำนวน1,000,000 บาท เสียดอกเบี้ย MLR สมมติว่าปัจจุบันเท่ากับ7.12% ผ่อนชำระ 5 ปี โดยผ่อนชำระเดือนละ 20,400 บาทแสดงการคิดเงินต้น ดอกเบี้ยและยอดหนี้คงเหลือ ดังนี้

(ก)

(ข)

(ค)

(ข)+(ค)

(ก)- (ข)

งวดที่

หนี้

ผ่อนเงินต้น

ผ่อนดอก

ยอดผ่อน

คงเหลือ

1

1,000,000

14,548

5,852

20,400

985,452

2

985,452

14,633

5,767

20,400

970,819

3

970,819

14,718

5,682

20,400

956,101

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยที่จ่ายแต่ละงวด(3)จะลดลงเรื่อยๆในขณะที่ยอดผ่อนเงินต้นแต่ละงวดมากขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่อนนานขึ้น ส่งผลให้ยอดหนี้1,000,000 บาท ลดลงตามจำนวนเงินที่ผ่อนชำระหากมีเงินเหลือและต้องการชำระหนี้ล่วงหน้าจะช่วยให้เราเหลือเงินต้นน้อยลงและช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้ครับ

ดังนั้นหากคุณกำลังผ่อนทั้งบ้านและรถและหากมีเงินเหลือ ผมขอแนะนำให้นำไปโปะหนี้บ้านก่อนจะดีกว่านำไปโปะหนี้รถครับเพราะจะได้ลดทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ส่วนลดยนต์ ต่อให้ได้ส่วนลดดอกเบี้ย 50% จริงๆแต่ก็จะมีส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่มที่คิดล่วงหน้าไว้ก่อนแล้วและเราไม่สามารถขอเงินในส่วนนี้คืนกลับมาได้ครับ

และนี่ก็คือคำแนะนำในการวางแผนจัดการหนี้บ้านและรถยนต์ที่นำมาฝากกันในวันนี้ครับทั้งนี้ หากใครมีข้อสงสัยหรือสนใจเกี่ยวกับการวางแผนซื้อบ้าน สามารถส่งอีเมลมาสอบถามผู้เชี่ยวชาญการวางแผนการเงินของK-Expert ได้ฟรี ที่ k-expert@kasikornbank.com หรือเข้าไปที่ www.askkbank.com/k-expert หรือใครที่ชอบรับข่าวสารทาง Twitter ก็สามารถ follow@KBank_Expert ได้ที่ //twitter.com/KBank_Expert ครับ

ก่อนจากกันวันนี้ผมขอฝากโปรแกรมดีๆ อย่าง “Tax Buddy สำหรับคุณหมอ”ที่จะช่วยให้การกรอกแบบ ภ.ง.ด. 94 กลายเป็นเรื่องง่ายๆครอบคลุมที่งแบบคณะบุคคลและบุคคลธรรมดา ดาวน์โหลดฟรีได้แล้ววันนี้ www.askkbank.com/k-expert ครับ

เกร็ดความรู้โดย K-Expert

โดยทั่วไปความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ที่เหมาะสมอยู่ที่ 35-40% ของรายได้เช่น หากมีรายได้ 100,000 บาทก็ควรแบ่งเป็นเงินไว้ผ่อนชำระทั้งบ้านและรถรวมกันไม่เกิน 40,000 บาท เป็นต้นทั้งนี้ความสามารถในการผ่อน ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับวินัยทางการเงินของแต่ละคนรวมถึงสัดส่วนภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกด้วย

Credit: ขอบคุณภาพประกอบจากBloggang.com/greenpluss ครับ




Create Date : 19 กันยายน 2555
Last Update : 19 กันยายน 2555 11:52:47 น. 1 comments
Counter : 2990 Pageviews.

 

เห็นด้วยเลยค่ะ ควรโปะบ้านก่อน จะได้ลดเงินลงมากกว่า


โดย: dawreung51 วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:12:56:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Expert Blog
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




เกร็ดความรู้ทางการเงินสำหรับชีวิตประจำวันในทุกมิติของชีวิต
Friends' blogs
[Add Expert Blog's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.