สวัสดีครับ
พนักงานบริษัทหรือที่เรียกกันอย่างคุ้นปากว่ามนุษย์เงินเดือน นั้น แน่นอนว่าเป็นกลุ่มคนที่คุ้นเคยกับคำว่า ประกันสังคม เป็นอย่างดีอยู่แล้วเพราะเป็นหนึ่งในรายจ่ายสมทบที่เราต้องถูกหักจากเงินเดือน 5% หรือไม่เกิน 750 บาทต่อเดือนซึ่งเป็นการประกันตนโดยบังคับโดยเราจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านการลดหย่อนภาษีการรักษาพยาบาล รวมถึงค่าชดเชยต่างๆ แต่ความจริงก็คือว่าคนเราส่วนใหญ่มักจะละเลยสิทธิประโยชน์เหล่านี้ ซึ่งเป็นการละเลยที่เกิดจาก ความไม่รู้ว่าเราจะได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งเหล่านี้บ้าง วันนี้ผมจะมานำเสนอสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมที่เราควรรู้เมื่อลาออกจากงานครับโดยจะนำเสนอเป็น 2 ส่วน ดังนี้ครับ
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับเมื่อถูกเลิกจ้างหรือลาออกจากงาน
มีเงื่อนไขในการรับสิทธิ์คือเราจะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนออกจากงาน โดยต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานที่สำนักงานจัดหางานของรัฐภายใน30 วันหลังลาออกจากงานและต้องไม่ใช่ผู้มีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพจากกองทุนประกันสังคมโดยสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานมีดังนี้ครับ
- กรณีถูกเลิกจ้าง ได้รับเงินทดแทนปีละไม่เกิน 180 วันในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง โดยจะคิดจากค่าจ้างตามจริงสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
- กรณีลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง ได้รับเงินทดแทนปีละไม่เกิน 90 วันในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้าง โดยจะคิดจากค่าจ้างตามจริงสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
โดยปกติแล้วเมื่อเราสมัครเข้าประกันสังคม เราจะกลายเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33แต่เมื่อว่างงานลงและใช้สิทธิ์เงินทดแทน เราจะกลายเป็นผู้ประกันตนตามมาตร 38(ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องจ่ายเงินสมทบ) ในช่วงเวลาสูงสุด 6 เดือน (180 วัน)พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครอง 4 กรณี ได้แก่ ประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยเสียชีวิต ทุพพลภาพ และคลอดบุตรครับ
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับเมื่อสมัครประกันสังคมต่อหลังจากออกจากงาน
หากเราลาออกจากงานแล้วแต่ยังต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากประกันสังคมต่อไปเราก็สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39 ภายใน 6 เดือนหลังสิ้นสุดสภาพการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา33 และต้องไม่เป็นผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพลลภาพจากกองทุนประกันสังคมโดยที่เราจะได้รับความคุ้มครอง 6 กรณี ได้แก่ ประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยเสียชีวิต ทุพพลภาพ คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร และชราภาพ
สำหรับการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแบบสมัครใจนี้เราต้องจ่ายสมทบเข้าในอัตราร้อยละ 9ของค่าจ้าง โดยกำหนดฐานค่าจ้างคงที่อยู่ที่4,800 บาทต่อเดือนเท่ากันทุกคนเท่ากับว่าเราต้องส่งเงินสมทบ 4,800 × 9% = 432 บาท และรัฐจะจ่ายเงินสมทบให้อีก 2.5%โดยเงินที่จ่ายสมทบไปนี้ จะแบ่งจ่ายสมทบกรณีเจ็บป่วย/เสียชีวิต/ทุพพลภาพ/คลอดบุตร3% และกรณีสงเคราะห์บุตร/ชราภาพ 6% ซึ่งเราจะได้รับสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพเมื่อเราอายุครบ55 ปีบริบูรณ์เท่านั้นครับ
อย่างไรก็ตามในช่วงปีที่ผ่านมารัฐบาลได้มีนโยบายลดอัตราการเก็บเงินสมทบประกันสังคมลงเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนจากผลกระทบน้ำท่วมเมื่อปลายปี2554 ที่ผ่านมา โดยเก็บเงินสมทบในอัตราร้อยละ 3 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555และจะขึ้นเป็นร้อยละ 4 ในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นกรณีของการสมัครประกันสังคมเองโดยสมัครใจ ก็จะไม่ได้จ่ายสมทบ 432 บาท แต่จะจ่าย240 บาทในช่วงครึ่งปีแรก และ 336 บาทในช่วงครึ่งปีหลังครับ
และนี่ก็เป็นรายละเอียดสิทธิประโยชน์ที่เราควรรู้เมื่อลาออกจากงานนะครับในเมื่อเราจ่ายเงินสมทบโดยบังคับแล้ว เราก็ควรจะศึกษาสิทธิประโยชน์ต่างๆและใช้อย่างเหมาะสมคุ้มค่านะครับ
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเรื่องการเงินการลงทุนสามารถเข้าไปอ่านสาระเพิ่มเติมได้ที่ www.askKBank.com/K-Expert หรือหากมีคำถามสามารถส่งมาปรึกษาทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคลของ K-Expertได้ที่ K-Expert@kasikornabnk.com หรือติดตาม K-Expert Twitter (@KBank_Expert) เพื่อรับข่าวสารและเกร็ดความรู้เพื่อการบริหารจัดการเงินในชีวิตประจำวันกันได้ครับ