สวัสดีครับ
แน่นอนว่า เมื่อพูดถึงกองทุนLTF ก็เป็นที่รู้กันในวงกว้างว่าประโยชน์หลักๆของการลงทุนในกองทุน LTF คือการลดหย่อนภาษีซึ่งก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กองทุน LTF ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องขึ้นทุกปีโดยในปี 2554 ยอดเงินลงทุนในกองทุน LTF มีมูลค่าสูงถึง148,277 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2553 กว่า 14.43% แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกองทุน LTF ไม่ได้เป็นกองทุนที่เหมาะกับทุกคนเนื่องจากเป็นกองทุนที่ลงทุนในกองทุนหุ้น จึงมีความเสี่ยงสูงนักลงทุนจึงมีโอกาสขาดทุนได้ บทความวันนี้จะมาแนะนำวิธีการลงทุนกองทุน LTF ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
1) พิจารณาฐานภาษีสูงสุดของคุณว่าอยู่ที่เท่าไร
หลักการคิดจำนวนเงินที่จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีจากการลงทุนกองทุนLTF คือ
ยอดเงินลงทุน (ไม่เกิน 15% ของรายได้ หรือ 500,000 บาท) x ฐานภาษีสูงสุด
ยกตัวอย่างเช่นคุณมีฐานภาษีสูงสุด 20% และซื้อกองทุน LTF เป็นเงิน 50,000 บาท ดังนั้น คุณจะสามารถลดหย่อนภาษีจากการลงทุนครั้งนี้ได้ 10,000 บาท (ทั้งนี้ ยอดเงินที่สามารถลดหย่อนภาษีอาจน้อยกว่า 10,000 บาท หากรายได้ที่ตกในฐานภาษี 20% เป็นเงินน้อยกว่า 50,000 บาท)
ดังนั้นคนที่มีฐานภาษีอยู่ในระดับสูงจะได้รับประโยชน์จากการซื้อกองทุน LTF เป็นอย่างมาก เสมือนซื้อหุ้นได้ถูกกว่าคนอื่น เช่น หากคุณซึ้อกองทุน LTFที่ดัชนี 1,000 จุด และฐานภาษีสูงสุดอยู่ที่ 30%ต้นทุนในการซื้อกองทุนของคุณจะเสมือนซื้อที่ดัชนี 700 จุดในทางตรงกันข้าม หากฐานภาษีสูงสุดของคุณอยู่ที่ 10%คุณจะสามารถซื้อหุ้นที่ดัชนี 900 จุด ดังนั้นในช่วงที่ดัชนีหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก การซื้อกองทุน LTF ของผู้ที่มีฐานภาษีสูงสุดที่ 10% อาจไม่คุ้มค่าเนื่องจาก เมื่อคุณถือกองทุนครบ 5 ปีปฏิทิน และต้องการขายคุณมีโอกาสขาดทุนจากการลงทุนครั้งนี้ เพราะต้นทุนในการลงทุนของคุณอยู่ในระดับสูง
ดังนั้นหากฐานภาษีสูงสุดของคุณอยู่ที่ 10% ก่อนซื้อกองทุน LTFอย่าลืมตรวจสอบภาวะตลาดหุ้นว่า อยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลงหากดัชนีปรับตัวสูงขึ้นมามากและโอกาสปรับขึ้นได้ต่อมีน้อยขอแนะนำให้ชะลอการซื้อกองทุน LTF ไปก่อนครับ
2)ทยอยซื้อกองทุน หรือซื้อก้อนเดียวปลายปีดีกว่ากัน
นักลงทุนหลายคนนิยมซื้อกองทุนLTF ช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมเนื่องจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆมักจะจัดโปรโมชั่นที่น่าสนใจในช่วงนั้นและนักลงทุนสามารถนำเงินโบนัสที่ได้ในช่วงปลายปีมาซื้อได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามความนิยมดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น และทำให้ต้นทุนในการซื้อกองทุน LTFสูงขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อเทียบดูแล้ว ของสมนาคุณที่คุณได้รับอาจไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นก็ได้ดังนั้น ขอแนะนำให้ลงทุนแบบทยอยซื้อดีกว่า แต่จะทยอยซื้ออย่างไรนั้นสามารถแบ่งตามประเภทของนักลงทุนได้ 2 แบบครับ
- มีเวลาติดตามสภาวะตลาด หากคุณเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การลงทุนในหุ้น และมีเวลาติดตามสภาวะตลาดแล้ว แนะนำให้ทยอยซื้อ เมื่อดัชนีหุ้นอ่อนตัวลงครับ
- ไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาด หากคุณงานยุ่งจนไม่สามารถติดตามภาวะตลาดหุ้นได้ แนะนำให้ลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging หรือซื้อแบบเฉลี่ยราคา เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ปัจจุบัน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหลายแห่งมีบริการหักเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อัตโนมัติ เพื่อลงทุนในกองทุน LTF จะช่วยให้คุณสามารถลงทุนได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้นครับ
3)ศึกษาข้อมูลกองทุน LTF ต่างๆ ก่อนเข้าลงทุน
ปัจจุบัน กองทุน LTF ในประเทศไทยมีทั้งสิ้น52 กองทุน จาก 20บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดังนั้น การเลือกซื้อกองทุน LTF คงเป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆ คน ขอแนะนำเทคนิคในการซื้อกองทุน LTF ดังนี้
- เลือกนโยบายการลงทุน กองทุน LTF มีนโยบายลงทุนในหุ้นอย่างน้อย 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ดังนั้น ผลการดำเนินงานของกองทุนมักจะเคลื่อนไหวขึ้นลงตามภาวะตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นลง คุณสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่ระบุว่าลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% หรือ 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
- เลือกนโยบายการจ่ายเงินปันผล กองทุน LTF มีทั้งแบบจ่ายเงินปันผลและไม่จ่ายเงินปันผล หากคุณเลือกแบบจ่ายเงินปันผล คุณมีโอกาสได้รับผลตอบแทนระหว่างการลงทุน แต่เงินปันผลที่ได้รับจะต้องเสียภาษี ซึ่งสามารถเลือกว่าจะหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% หรือนำมารวมคำนวณในการยื่นภาษีเงินได้ประจำปี โดยขอแนะนำให้เลือกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ดีกว่า เนื่องจาก หากคุณเลือกมารวมคำนวณในการยื่นภาษีเงินได้ คุณจะต้องเสียภาษีในอัตราที่เป็นฐานภาษีสูงที่สุดของคุณ ซึ่งมีโอกาสมากกว่า 10% ครับ
- เลือกกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดี เมื่อเลือกนโยบายการลงทุนที่เหมาะกับตนเองแล้ว การเลือกกองทุนที่จะลงทุนเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากครับ โดยผลการดำเนินงานย้อนหลังจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ดีไม่ใช่สิ่งที่จะรับประกันได้ว่า กองทุนจะมีผลงานที่ดีเสมอไป ดังนั้น หลังจากที่ลงทุนกองทุน LTF ไปแล้ว คุณควรติดตามผลงานของกองทุนที่คุณถือว่ามีผลงานที่ดี เมื่อเทียบกับกองทุนอื่นๆ หรือไม่ หากผลการดำเนินงานไม่เป็นที่น่าพอใจ คุณสามารถสับเปลี่ยนไปยังกองทุน LTF อื่นได้ในภายหลังครับ สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน LTF คุณสามารถตรวจสอบได้จากเวบไซต์ของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน: www.aimc.or.th
การซื้อกองทุน LTFแม้ว่าจะสามารถช่วยลดหย่อนภาษีได้แต่การลงทุนในกองทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกันเนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้น ดังนั้น หากคุณไม่สามารถรับความเสี่ยงระดับสูง แต่ต้องการลดหย่อนภาษีคุณสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลื้ยงชีพ (RMF)หรือประกันชีวิต ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่าแทนได้ครับ
ทั้งนี้สามารถติดตามข้อมูลดีๆ ด้านภาษีเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.askkbank.com/k-expert หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาด้านการเงินเพิ่มเติมสามารถอีเมลติดต่อสอบถามส่วนตัวได้ที่ k-expert@kasikornbank.com หรือติดตามข้อมูลข่าวสารเกร็ดการเงินดีๆ ได้ที่ twitter@KBank_Expert ครับ
Credit: ภาพประกอบจาก Investmentu.com