สวัสดีครับ
ถ้าพูดถึงกองทุนรวมเพื่อประหยัดภาษีแน่นอนว่าก็คงจะคิดถึง LTFและ RMF กันอย่างแน่นอนแต่เชื่อได้ว่าคนคงจะสนใจ LTF มากกว่า RMF เพราะรู้สึกว่า RMF มีเงื่อนไขที่ยุ่งยากเพราะต้องถือไปจนถึงอายุ55 ปี แต่จริงๆ แล้ว RMF ก็มีจุดที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยนะครับ
RMF หรือกองทุนรวมเพื่อนการเลี้ยงชีพเน้นให้คนออมเงินระยะยาวเพื่อเก็บไว้ใช้ยามเกษียณได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างวินัยการออมโดยเป็นการสะสมเงินเป็นประจำทุกปีในช่วงที่ทำงานมีรายได้ซึ่งหลายคนมองว่าไม่เหมาะสมกับตนเองและคิดว่าเป็นการลงทุนที่มีไว้ให้ผู้ใกล้เกษียณเท่านั้นแต่ 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ RMFจะช่วยทำให้เข้าใจว่าจริงๆ แล้ว RMF ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยละครับ
1. ยกเว้นการลงทุนได้ปีเว้นปี RMF เป็นการลงทุนระยะยาวที่ไม่ได้เป็นภาระที่เราจะต้องมากังวลว่าจะสามารถซื้อและถือหน่วยลงทุนไปได้ตลอดจนอายุ55 หรือไม่ เพราะว่าเราสามารถเว้นการลงทุนได้แบบ ปีเว้นปี ครับ โดยปีการลงทุนจะนับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยลงทุนเท่านั้นซึ่งเป็นคนละเรื่องกับปีการถือครองครับ นอกจากนี้ยังมีกำหนดยอดการลงทุนขั้นต่ำที่ไม่สูงนั่นคือเพียง 3% ของเงินได้ต่อปี หรือ 5,000 บาทขึ้นอยู่กับว่ายอดไหนจะต่ำกว่าครับ
ทั้งนี้มีเงื่อนไขที่ต้องระวังอยู่แค่ว่าการลงทุนRMF นั้นจะนำมาลดหย่อนภาษีได้ก็ต่อเมื่อถือครองจนอายุ55 ปี และต้องมีอายุการลงทุนขั้นต่ำ 5 ปีครับ
2. รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ 2 ส่วน นั่นคือเงินลงทุนสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15% ของรายได้ทั้งปีและเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเน็จบำนาญและประกันชีวิตแบบบำนาญแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท อีกส่วนหนึ่งคือ เมื่อครบเงื่อนไขอายุ55 ปีและลงทุนครบ 5 ปีแล้วเราสามารถขายได้โดยที่กำไรจากการขายไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีครับ
ในส่วนนี้มีข้อพึงระวังอยู่ตรงที่หากลงทุนเกินสิทธิ (500,000 บาท) กำไรที่ได้จากส่วนที่ลงทุนเกินนั้นต้องนำมาคำนวณภาษีครับ
3. มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย นั่นคือมีกองทุนที่มีความเสี่ยงตั้งแต่ต่ำไปถึงสูงให้ได้เลือกลงทุนกันตามความเหมาะสมของแต่ละคนเช่น
· วัยเริ่มทำงาน ซึ่งรับความเสี่ยงได้สูงเหมาะกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น ทองคำ เป็นต้น
· วัยกลางคน ซึ่งรับความเสี่ยงได้ปานกลางเหมาะกับการลงทุนผสมในตราสารหนี้และตราสารทุน
· วันก่อนเกษียณ ซึ่งรับความเสี่ยงได้ต่ำเหมาะกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ เงินฝาก ฯลฯ
ทั้งนี้การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงก็มีกจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำนะครับแต่เราก็ควรพึงระวังความเสี่ยงเอาไว้โดยดูจากสภาพคล่องและกำลังทางการเงินของตัวเราเองนะครับ
4. ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เนื่องจาก RMF เป็นกองทุนที่เน้นการออมไว้ใช้ในยามเกษียณอย่างแท้จริงจึงไม่มีการจ่ายเงินปันผล ทำให้เราไม่มีภาระภาษีในส่วนของเงินปันผลครับ
5. สามารถสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน RMF ที่ถือครองอยู่ได้ ซึ่งมีข้อดีตรงที่ตราสารประเภทต่างๆผันผวนตามสภาพเศรษฐกิจ ไม่มีตราสารตัวไหนที่ให้ผลตอบแทนดีเสมอไปดังนั้นการสับเปลี่ยนกองทุนจึงเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้เราสามารถบริหารความเสี่ยงได้ในทุกช่วงของสภาวะเศรษฐกิจ
ยกตัวอย่างเช่นในปี 53 เราลงทุน RMF ที่เน้นการลงทุนในหุ้น ต่อมา ในปี 54 เราย้ายหน่วยลงทุนไปยัง RMF ที่เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ ทั้งนี้สิ่งที่พึงระวังคือหน่วยลงทุนที่เราสับเปลี่ยนนั้นจะไม่ถือว่าเป็นการลงทุนใหม่จึงไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีในปีนั้นได้
จะเห็นได้ว่า RMF เป็นการลงทุนที่มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูงนะครับนับว่าเป็นตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจทีเดียว ทั้งช่วยลดหย่อนภาษีได้แล้วยังเป็นการออมเงินไว้ใช้ยามเกษียณอีกด้วย
ทั้งนี้หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ RMFหรือการลงทุนประเภทต่างๆ สามารถส่งอีเมล์มาปรึกษากับกูรูการวางแผนการเงินของK-Expert ได้ที่ k-expert@kasikornbank.com หรือเข้าไปอ่านสาระดีๆ เกี่ยวกับการวางแผนการเงินได้ที่ www.askkbank.com/k-expert ครับ ส่วนใครที่ชื่นชอบการรับข้อมูลข่าวสารทาง Twitter ก็สามารถ follow @KBank_Expert หรือไปที่ //twitter.com/KBank_Expert เพื่อรับข่าวสารและเกร็ดความรู้ทางการเงินได้ทุกวันครับ
Credit: ขอบคุณภาพประกอบจากwww.4ingrid.com ครับ