สวัสดีครับ
ทอง ได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ซึ่งนอกจากจะนิยมนำมาเป็นเครื่องประดับแล้วคนเรายังนิยมซื้อทองคำเพื่อการลงทุนอีกด้วย และถึงแม้ว่าในรอบ 12 ปีที่ผ่านมากองลงทุนทองคำให้ผลตอบแทนเป็นบวกมาตลอด แต่ก็มีความเสี่ยงสูง หากลงทุนผิดวิธีก็อาจขาดทุนได้ดังนั้นวันนี้ K-Expert จึงมี 3 เทคนิคซื้อทองให้รวยมาฝากครับ
1. เลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนให้เหมาะกับตัวเอง ซึ่งการลงทุนทองคำมีหลายรูปแบบให้เลือกลงทุนดังนี้
ทองรูปพรรณ | เหมาะกับการถือครองเป็นเครื่องประดับมากกว่าเพื่อการลงทุน เพราะเวลาขายมีการคิดค่ากำเหน็จ ซึ่งทำให้เราขาดทุนกำไร |
ทองแท่ง | เหมาะกับการลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว |
กองทุนทองคำ | เหมาะกับการลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซื้อง่ายขายสะดวกผ่านอินเตอร์เนทหรือตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน มีความปลอดภัยในการเก็บรักษา และมีโอกาสรับเงินปันผล |
Gold Futures | เหมาะกับการลงทุนระยะสั้น สามารถทำกำไรได้ทั้งในช่วงราคาทองคำขึ้นและลง มีความเสี่ยงสูง เพราะเป็นการลงทุนในอนุพันธ์ที่ราคาจะเปลี่ยนแปลงตามราคาทองคำ แต่จะเปลี่ยนแปลงในสัดส่วนที่มากกว่า |
2. ตั้งเป้าหมายการลงทุนโดยหากมีเป้าหมายการลงทุนระยะสั้น สิ่งสำคัญคือการติดตามราคาทองคำต้องคอยดูแนวโน้มว่าราคาเป็นขาขึ้นหรือลง ดังนี้
แนวโน้มราคาขึ้น | ถือครองต่อเพื่อหาจังหวะทำกำไรเพิ่ม |
แนวโน้มราคาลง | หากราคาลงจนหลุดแนวรับสำคัญทางเทคนิค ควรตัดใจขายทองคำ อาจต้องยอมขาดทุนไปก่อน เพราะหากฝืนถือต่ออาจจะขาดทุนมากกว่าเดิม แล้วค่อยรอจังหวะซื้อลงทุนรอบใหม่ |
สำหรับผู้ที่ตั้งเป้าลงทุนระยะยาวการซื้อทองคำอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกเดือน (Dollar Cost Average) ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนเพื่อลดความเสี่ยงได้ครับและควรติดตามข่าวสารเป็นระยะ
3. กำหนดสัดส่วนลงทุนในทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ราคาผันผวนสูงดังนั้นจึงควรแบ่งเงินมาลงทุนในสัดส่วนที่ไม่เกิน 15% ของเงินลงทุนเพื่อให้พอร์ตการลงทุนไม่เสี่ยงสูงจนเกินไป
ที่สำคัญคือควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและต้องมีสติและตั้งมั่นอยู่ในเป้าหมายของตนเองท้ายนี้หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลงทุน สามารถส่งอีเมลมาปรึกษา K-Expert ได้ที่ k-expert@kasikornbank.com หรืออ่านบทความการเงินและการลงทุนได้ที่ www.askkbank.com/k-expert และผู้ที่ชอบรับข้อมูลทาง Twitter สามารถ follow@KBank_Expert เพื่อรับข่าวสารและเกร็ดการเงินการลงทุนได้ทุกวันครับ
credit: ภาพประกอบจาก Postjung.com