<<
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
26 สิงหาคม 2552
 

หุ้น.... สิ่งสมมติกระตุ้นความโลภ

จั่วหัวไม่รู้น่ากลัวเกินไปป่าว แต่เจตนาจริงที่อยากเขียนเรื่องนี้คือวิจารณ์การเล่นหุ้น ของตัวเอง เพื่อเปรียบเทียบกับชาวบ้าน

หุ้น เป็นเครื่องหมายของภาวะเสรีทางการเงิน ตลาดหุ้นมีไว้สำหรับเพื่อระดมทุนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทมหาชนต่างๆ

นั่นเป็นคำจำกัดความ เป็นความหมายในเชิงทฤษฎีมากๆ แต่ในความเป็นจริง ตลาดหุ้นกลับเป็นแหล่งมั่วสุมทางการเงิน เหมือนเป็นแหล่งเล่นการพนันแบบถูกกฎหมายดีๆนี่เอง

หากใครเคยไปห้องค้าหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ จะพบว่าคนที่ไปเทรดที่ห้องค้าส่วนมากจะเป็นคนแก่ อาซิ้ม อาแปะ ในวัยเกษียณทำงาน คงเป็นเพราะว่าง และที่สำคัญมีเงินเหลือกินเหลือเก็บในบั้นปลาย

ก็คงหาอะไรตื่นเต้นให้กับชีวิต ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร แต่อย่าให้ถึงกับก่อหนี้สินไว้ให้คนรุ่นหลัง หรือสูญเสียเงินทองจนถึงขนาดทำให้ชีวิตต้องเครียดในบั้นปลาย ทางที่ดีผมว่าน่าจะอยู่บ้านเลี้ยงหลานดีกว่า

ก็นั่นล่ะ ตลาดหุ้นก็เป็นแหล่งมั่วสุมทางการเงินอย่างที่บอก แต่สำหรับคนที่เค้าใช้ในการเก็บเงิน ลงทุนเป็นกิจลักษณะเลยก็มี อย่างนี้ในกลุ่มการเงินเค้าเรียก Value Investor (VI) ซึ่งก็คงมีจำนวนไม่น้อย ไม่รู้มีใครเคยเก็บสถิติไว้บ้างป่าว

มาถึงส่วนตัวผมบ้างดีกว่า ปกติแล้วไม่เชิงเป็น VI และก็ไม่เชิงเป็นพวกเก็งกำไรแบบมั่วสุม เป็นแบบระยะกลางๆ

ที่ตัดสินใจลงทุนในหุ้น ไม่เรียกว่าเล่นหุ้นนะ เพราะคิดว่าตัวเองรอกินปันผลจากผลดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ด้วย ปีๆนึงได้เงินปันผล เอาไปหักเครดิตภาษีได้หลายอยู่

กิจวัตรประจำวันที่ทำสำหรับการลงทุนหุ้นคือ เช้ามาเปิดคอมฯ(ถ้าวันไหนว่างเข้าออฟฟิศ) ก็จะเปิดหน้า //www.set.or.th ทิ้งไว้ และคอย update มัน ประมาณ 3-4 ครั้ง

อีกเวบนึงที่เปิดไว้คู่กันคือ //www.cnsrealtime.com ซึ่งเป็นเวบไซท์ของโบรคเกอร์ที่ผมเทรดอยู่นั่นเอง สำหรับเวบนี้นอกจากเอาไว้เทรดแล้ว ก็เอาไว้ติดตามสรุปข่าวประจำวันด้วย (สั้นและได้ใจความดี)

ที่จริงในเวบก็ยังมีบริการบอกกลยุทธ์ในการลงทุนประจำวันอะไรพวกนี้ด้วย แต่ดูแล้วผมว่ากลยุทธ์พวกนี้เชื่อได้ในระดับนึง เพราะหากมีปัจจัยอะไรเปลี่ยนแปลงนิดเดียว กลยุทธ์ก็จะใช้ไม่ได้ไปทันที

ปัจจัยที่มักมีผลกระทบต่อราคาหุ้นในโลก ทั่วไปก็เห็นจะมีอยู่ไม่กี่อย่าง เช่น 1. ราคาน้ำมันโลก (หลังๆปัจจัยนี้มีน้ำหนักมาก) 2. รายงานภาวะเศรษฐกิจของอเมริกา (มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ) หลังๆก็จะมีของจีน อินเดีย (คลื่นลูกใหม่ของโลก) มาส่งผลกระทบด้วย 3. เศรษฐกิจของแต่ละประเทศเอง 4. การเมืองของแต่ละประเทศ (บ้านเรานี่ ปัจจัยนี้บางทีส่งผลแรงที่สุด แต่บางทีนักลงทุนก็เริ่มเบื่อๆพวกเสื้อสีต่างๆ ก็ไม่สนใจ ใครจะชุมนุม ใครจะใส่เสื้อสีอะไร นักลงทุนเค้าก็ไม่สนใจแล้ว หึๆ) ปัจจัยเหล่านี้เป็นต้น

สำหรับกึ่ง VI กึ่งเก็งกำไรแบบผม ก็มีตั้งเป้าราคาซื้อขายของหุ้นแต่ละตัวด้วย ซึ่งต้องต่อสู้กับความโลภ และความกลัวอยู่เสมอ ความโลภคือ เมื่อหุ้นขึ้นถึงเป้าหมาย ก็คิดว่ามันน่าจะไปต่อ ก็ไม่ยอมขาย เพราะอยากได้กำไรมากขึ้นไปอีก สุดท้ายมันก็ลงๆๆๆๆ กำไรหดหายหมด

ส่วนความกลัวก็คือเวลาขาย ถ้าหุ้นตกไปมากๆแล้ว ยังขายไม่ทัน มันก็ยังตกได้ทุกวัน จนกระทั่งวันไหนที่เรากลัวจนทนไม่ได้ ตัดสินใจขาย แม้จะขาดทุนมากมายก็ตาม หุ้นมันก็จะหยุดลง ณ วันนั้นจริงๆ มักจะเป็นอย่างนี้เสมอ

ผมถึงบอกว่ามันต้องต่อสู้กันจริงๆ กับความรู้สึก มองในแง่ดีก็คือเราฝึกตัวเองให้เป็นคนมีวินัย

พอตกเย็นกิจวัตรที่ต้องทำคือ เข้าเวบ //www.pantip.com ใน cafe ห้องสินธร เพื่อตรวจสอบผลการซื้อขายหุ้นทั้งวันว่าใครซื้อใครขาย ซึ่งปกติก็จะแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ 1. ต่างชาติ (มีอิทธิพลต่อดัชนีมากๆ มีนิสัยลงทุนยาวๆ ตามภาวะโลก และมุมมองที่เค้ามีต่อประเทศนั้นๆ) 2. สถาบัน (สถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งก็มีบทบาทมากเช่นกัน ลากดัชนีให้ขึ้นหรือลงได้ มักจะมีนิสัยขี้ตื่นกลัว และเล่นหุ้นตามข่าว) และ 3. รายย่อย หรือเรียกในภาษาห้องค้าว่าแมงเม่า กลุ่มนี้มักมีนิสัยตื่นตูมไปกับข่าว และมักตกเป็นเหยื่อของพวกสถาบันและต่างชาติ แต่หลังๆ ผมรู้สึกว่ารายย่อยเล่นหุ้นเก่งขึ้นมาก) อนึ่งผมเองก็รวมอยู่ในกลุ่มที่ 3 นี้ด้วย แหะๆ

ตกดึกก็เช็คอีกทีว่าตลาดหุ้นดาวโจนส์ หรือทางยุโรป ซึ่งก็ประกอบด้วย ฟุตซี่ 100 ของอังกฤษ ตลาดแดกซ์ ของเยอรมัน และตลาด CAC40 ของฝรั่งเศส ว่าเป็นยังไงขึ้นหรือลงยังไง เพื่อจะเตรียมตัวสำหรับตลาดไทยในวันรุ่งขึ้น

ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกดิ่งเหวเมื่อปีกลาย และต่อเนื่องมาจนปัจจุบันนี้นั้น จำได้ว่าพอร์ตของผมติดลบไปกว่า 20-30% ซึ่งก็เป็นเงินมากโขอยู่สำหรับผม ช่วงนั้นทำตัวเป็นแมงเม่าเต็มที่ ขายบางตัวไปในภาวะที่มันตกต่ำขึดสุด พอขายแล้วมันก็ดีดขึ้นกันหมดทั้งแผงเลย

จนกระทั่งปัจจุบัน ตลาดหุ้นดีวันดีคืนตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีวันดีคืน ซึ่งดูเหมือนมันเร็วเกินไปยังไงก็ไม่รู้ นี่ยังไม่ถึงปีดีเลยมั้ง ตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤติการณ์ทางการเมือง หรือ วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์

เอาเข้าจริงตลาดหุ้นก็เป็นอะไรที่สะท้อนความหวังในอนาคต ซึ่งจะจริงหรือไม่จริงไม่รู้ แต่ตลอดเวลาที่หุ้นขึ้นมา ดูเหมือนจะขึ้นลงตามข่าวดัชนีตัวเลขของสหรัฐเป็นหลัก

จะอย่างไรก็ไม่รู้ล่ะ ช่วงหุ้นตกมากๆ ก็แอบๆซื้อไว้บ้างเหมือนกัน จนกระทั่งปัจจุบัน เบ็ดเสร็จรวมกับปีที่แล้วทั้งปี ผมเหมือนๆกับเสมอตัวนะ อย่างน้อยก็ยังที่ไม่สูญเสีย จมหายไปกับตลาดหุ้น

สิ่งหนึ่งที่ได้จากตลาดหุ้นไทยคือ ฝึกความมีวินัย ฝึกบริหารความโลภและความกลัว

สุดท้าย ใครคิดจะลงทุนหุ้นตอนนี้ขอบอกว่าน่าจะยังทันอยู่นะ แต่สำหรับผมขอชะลอไปก่อน เพราะมีภาระด้านอื่นอีกเยอะ

ไปล่ะครับ สำหรับวันนี้...

















Create Date : 26 สิงหาคม 2552
Last Update : 26 สิงหาคม 2552 20:57:42 น. 3 comments
Counter : 603 Pageviews.  
 
 
 
 
God is the life
the truth and the ways
Once you accept him in your
life u will find the miracal
as it dose happen to me
 
 

โดย: da IP: 124.120.5.164 วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:23:58:29 น.  

 
 
 
ขึ้นขาย ลงซื้อ ติดรอ ใช้เงินเย็น เลือกหุ้นที่มี volum ซื้อขายดี ราคาหุ้นต่ำกว่าราคา book value ก็ปลอดภัยไปเยอะแล้ว เปลี่ยนตัวเองจากแมงเม่าเป็นปลิง คอยเกาะขาใหญ่ไปเรื่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อย เดี๋ยวก็ดีเอง
 
 

โดย: wildbirds วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:18:46:44 น.  

 
 
 
ดีครับ เป็นปลิง ดีกว่าเป็นแมงเม่าเป็นไหนๆ ยังไงต้องขอความรู้คุณ wildbirds ว่าปลิงที่ติดหนึบนี่ต้องทำไงอ่ะ แล้วน่าจะได้ผลตอบแทนดีกว่าเม่าป่าว
 
 

โดย: อนุรักษ์นิยม วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:17:41:50 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

อนุรักษ์นิยม
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add อนุรักษ์นิยม's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com