สวัสดีค่ะ...วันนี้น้องเงาจะพาเดินทางไปที่

“พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง”กันค่ะ

ซึ่งอยู่ในบริเวณของเท็มโปซังฮาเบอวิลเลจ

หรือบริเวณพื้นที่อ่าวโอซาก้า (Bay Area) ค่ะ

เดี๋ยวน้องเงาจะแปะวาร์ปที่เป็น official Website ของ Kaiyukan ไว้ให้นะคะ

เผื่อใครอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับที่เที่ยวเพิ่มเติม

นอกจากนั้นทางเวปของไคยูคัง

ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับพาสเดินทางตัวอื่นอีกด้วยค่ะ

ที่สำคัญเวปไซต์มีภาษาไทยด้วยนะจ๊ะ

เข้าไปหาข้อมูลกันได้ง่ายๆ เลยจร้า

>>>OsakaAquarium KAIYUKAN : พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังไแห่งโอซาก้า<<<

Credit: https://www.kaiyukan.com

จากแผนที่นะคะ

เราจะมาเริ่มที่ที่พักของเงาค่ะนั่นก็คือที่ “สถานีนัมบะ”

เงามาขึ้นรถไฟที่สถานีนัมบะ Subway สาย Midosuji ค่ะ

ถ้าไปที่สถานีแล้วงง....ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนนะคะ

ให้ดูสีค่ะ....เส้น Midosuji จะเป็นสีแดงค่ะ

จากนั้นนะคะเราจะไปลงที่ “สถานี Hommachi” ค่ะ

จากนั้น....เราจะเปลี่ยนขบวนรถค่ะไปสาย Chou ค่ะ

วิธีเดินหาสายรถก็เหมือนเดิมค่ะ

ถ้าไม่รู้จะไปยังไงก็ให้ดูสีค่ะสาย Chou จะเป็นสีเขียวค่ะ

เมื่อขึ้นแล้วสถานีปลายทางที่เราจะไปก็คือ

“สถานี Osakako” ค่ะ

สำหรับการเดินทางในวันนี้นะคะ

น้องเงาใช้บัตร Osaka Amezing Pass 2 Day ค่ะ

ก็จะสามารถขึ้นรถไฟได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวเลยค่ะ

ตอนที่ได้พาสนี้มา....เค้าจะให้แผนที่มาด้วย

ซึ่งจะบอกให้เราได้รู้ว่าเราสามารถขึ้นสายไหนได้บ้าง

วิธีใช้นะคะ....เหมือนตั๋วรถไฟฟ้าบ้านเราค่ะ

เสียบเข้าไปที่ตรงทางกั้นทางเดินค่ะ

แล้วก็รอเก็บพาสไปด้วยค่ะ

พาสนี้สามารถใช้ได้ 2 วันค่ะ ราคา 3,300 เยนค่ะ

จะเห็นได้จากแผนที่นะคะว่าพาสนี้

ครอบคลุมเส้นทางการเดินทางจากนัมบะไปไคยูคังค่ะ

(( วิธีดูว่าสามารถขึ้นรถไฟสายไหนได้นะคะ

คือดูที่เส้นที่เป็นสีต่างๆ ค่ะ ถ้าเป็น เส้นสีเทา

คือเป็นเส้นทางที่ไม่รวมในพาสค่ะ ))

Credit: https://www.wonderfulpackage.com

นอกจากนี้นะคะพาสนี้ยังมีดีนอกจาก

สามารถใช้ขึ้นรถไฟได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งแล้ว

ยังสามารถใช้เป็นส่วนลดในการเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวด้วย

บางที่ก็สามารถเข้าได้ฟรีหากใช้พาสนี้ค่ะ

เช่นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังจะใช้เป็นส่วนลดค่าเข้าได้ 100 เยนค่ะ

แต่สามารถใช้ขึ้นชิงช้าสวรรค์เทมโปซังและ เรือซานต้า มาเรีย ได้ฟรีค่ะ

คุ้มไปเลยใช่มั๊ยล่ะคะ...

ส่วนรายละเอียดของพาสนี้สามารถเข้าไปดูได้ที่เวปไซต์

นะคะเด๋วน้องเงาจะแปะวาร์ปเอาไว้ให้ค่ะ

OsakaAmezing Pass : https://www.osaka-info.jp/osp/en/

หรือhttps://www.japanonsales.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539719949&Ntype=17

อ่ะ....หลังจากที่เราลงรถไฟมาแล้วนะคะ

ก็เดินมาเรื่อยๆเลยค่ะตามทาง

จริงๆแล้วตลอดเส้นทางตั้งแต่เดินลงรถไฟมาเนี่ย

จะเห็นเลยนะคะว่ามีพวกโปสเตอร์

ของไคยูคังแปะอยู่ตลอดระหว่างทางเลยทีเดียว

นอกจากโปสเตอร์แล้ว....ที่เห็นได้ตลอดทางอีกอย่างก็คือ

ตู้กดน้ำหยอดเหรียญค่ะ.....

น้องเงาเองก็เพิ่งสังเกตนะคะ

เรื่องราคาของน้ำในตู้หยอดเหรียญค่ะว่า

ตู้ที่อยู่บนสถานีรถไฟ...หรือ...บริเวณสถานที่ท่องเที่ยว

ราคาของน้ำจะแพงกว่าตู้ที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว

หรือตู้ที่อยู่ข้างทางธรรมดาค่ะ

นี่ค่ะเราเดินลงสถานีกันมาแล้ว

สังเกตเห็นอะไรกันบ้างมั๊ยคะที่ป้าย

ที่น้องเงาก็บอกไว้ข้างต้นน่ะค่ะเรื่องของป้ายรถไฟ

อันนี้จะเห็นได้ว่าเป็นป้ายสีเขียวแล้วก็มีเขียนว่า “Chou Line”

คือสาย Chou จะเป็นสีเขียวค่ะ ส่วน C11

ให้เดานะคะก็คือ C มาจากสาย Chou

ส่วนเลข 11 คือ สถานีที่ 11 ค่ะ

ดังนั้น C11 ก็คือ เป็นสถานีที่ 11 ของรถไฟสาย Chou

ที่มีชื่อสถานีว่า “Osakako” นั่นเองค่ะ

ซึ่งเจ้าสัญลักษณ์พวกนี้นะคะ

ก็จะเจอได้ทั้งในแผนที่และสถานีรถไฟค่ะ

อ๊ะ! ลืมบอกไปอีกอย่างค่ะ

คือว่าบนรถไฟ หลายคนอาจจะกลัวว่าจะ ขึ้น-ลง ไม่ถูกสถานี

อันนี้ไม่ต้องกลัวเลยนะคะ

เพราะว่าบนสถานีเนี่ยเค้าจะมีป้ายไฟแสดงสถานีที่จะถึงบอกอยู่ค่ะ

ซึ่งมีบอกทั้งภาษาจีนภาษาญี่ปุ่น(ฮิรางานะ) ภาษาเกาหลี และภาษาอังกฤษค่ะ

ดังนั้นไม่ต้องห่วงนะคะว่าจะลงไม่ถูก

หรืออาจจะลองดูตามที่น้องเงาบอกก็ได้ค่ะ

ดูว่าเป็นสถานีที่ C11 อะไรอย่างงี้น่ะค่ะ

อ่ะ...พอเดินลงจากสถานีมานะคะ

เราก็จะเจอแผนที่ค่ะ...จุดสีแดงคือ จุดที่เรายืนอยู่ตอนนี้

วิธีไปก็คือ....เดินตรงไปเรื่อยๆค่ะ

แล้วก็จะเจอแยกไฟแดงใหญ่....ก็ให้ข้ามแล้วเดินตรงไป

จนมองเห็นชิงช้าสวรรค์แล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ

ก็จะถึงจุดหมายปลายทางของเรา

แผนที่เหมือนจะเดินเยอะนะคะ

แต่ว่าจริงๆแล้ว...ไม่ได้ไกลขนาดนั้นเลยค่ะ

ตรงนี้ก็คือสี่แยกไฟแดงใหญ่ที่เราเห็นในแผนที่มะกี้ค่ะ

ก็....เดินข้ามไปค่ะ

เนื่องจากว่าน้องเงามาเช้ามากค่ะ

ตอนนี้น่าจะประมาณ 8 โมงได้

จะเห็นได้ว่า....เงียบมากเลย

((แต่ว่าที่สถานีรถไฟคนพลุกพล่านมากเลยนะคะ))

ระหว่างทางก็แอบเห็นใบแปะก๊วยร่วงหล่นอยู่บ้าง

เพราะมาตอนหน้าหนาวแล้ว

บนต้นไม้เหลือแต่กิ่งไม้แห้งๆ

จะรู้ว่าเป็นต้นอะไรเนี่ยก็ดูจากใบไม้ที่ร่วงนี่แหละค่ะ

แหม่....ถ้าได้มาดูตอนใบแปะก๊วยมันเหลืองเต็มต้นก็คงจะดีล่ะน้า

พอเดินมาเรื่อยๆก็จะเจอกัน นี่ค่ะ....

ตู้กดน้ำหยอดเหรียญ....

ตู้นี้นะคะอยู่ข้างทางธรรมดาเลยค่ะ

ราคาทั้งตู้แค่100 เยนเท่านั้นเอง

น้องเงาก็จัดมาเลยค่ะ1 กระป๋อง

เป็นโกโก้ร้อนค่ะ.....แหม่อากาศหนาวแบบนี้

ได้ดื่มโกโก้อุ่นๆม้นช่าง....รู้สึกดีจริงๆ

แล้วเนื่องด้วยที่น้องเงามาถึงที่นี่เช้ามากเนี่ย

ก็ไม่ใช่อะไรนะคะ....

คือน้องเงาจำเวลาเปิดผิดค่ะ 5555+

น้องเงาเข้าใจว่าไคยูคังเปิดเวลา 8.00 น. ค่ะ

เลยรีบแหกขี้ตาออกมาจากโรงแรม

ฝ่าลมหนาวออกมาแต่เช้าตรู่

แล้วก็มาพบว่า....ตัวเองจำเวลาผิด

ต้องมารอแกร่วอยู่แถวนี้ค่ะ

แล้ว.....คิดดูนะคะ....

บริเวณนี้เป็นบริเวณริมอ่าวค่ะ

ริมน้ำด้วยค่ะ....ทำไมน่ะเหรอคะ....

คือ ลมโคตรแรงเลยค่ะ.....ที่หายากกว่าที่นั่งพัก

ก็คือที่หลบลมหนาวนี่แหละค่า 5555+

คือข้างนอกอากาศก็หนาวแถมลมก็แรง

จะหลบเข้าไปในอาคารก็ไม่ได้เพราะเค้ายังไม่เปิดทำการ

ที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียวของน้องเงาในตอนนั้นคือ

ซุปเปอร์มาร์เก็ตตรงสี่แยกนั้นแหละค่ะ 555+

ก็เดินเข้าไปหาอะไรกินด้วย

แล้วก็ถือโอกาสเดินดูของฆ่าเวลาเพื่อหลบลมหนาวไปด้วย

มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างค่ะ

อันแรกค่ะ....นี่เรย“เมล่อนปัง” ราคา 100 เยน

คือตอนที่น้องเงาเรียนอยู่เนี่ย

น้องเงาทำโปรเจคเกี่ยวกับเมล่อนปังค่ะ

แต่ไม่เคยกินเมล่อนปังแท้ๆเลย วันนี้มีโอกาสละลองซะหน่อย

ชิ้นใหญ่มากเลยค่ะ....

แต่ถามว่าอร่อยมั๊ย...ชิ้นเดียวพอค่ะไม่เอาละ 555+

ส่วนอันนี้....พุ่งมาดูเพราะว่า....มันน่ารักม๊ากกกก

ลูกชิ้นลายการ์ตูนค่ะ.....โอยจะน่ารักไปไหนเนี่ย

น้องเงาไม่ได้ซื้อมานะคะคือ ณ ตอนนี้คงไม่สะดวกต่อการกินค่ะ

ฉะนั้น....เอาวางไว้ที่ตู้แช่เหมือนเดิม

ส่วนอันนี้.....ลองซื้อมาใช้แท่งนึงค่ะ

พอดีน้องเงาลืมเอาลิปมันมา

อันนี้นะคะเป็นลิปมันเปลี่ยนสีได้ค่ะ

พอทางแล้วจะออกเป็นสีชมพูระเรื่อค่ะ

แล้วก็กัน UV ได้ด้วยแน่ะ

ตอนนี้ก็ยังเก็บไว้ใช้อยู่เลย...ใช้ดีอยู่นะคะ

ส่วนอันนี้.....ขนมแสนน่ารักกกกกก

น่าจะเป็นขนมเค้กนะคะ...แต่ก็ไม่ได้ซื้อมาค่ะ

ตอนนี้ยังไม่อยากของหวานเช่นกันค่ะ

จริงๆแล้วคือ...เจอเมล่อนปังก้อนนั้นไปก็จอดเลยค่ะ 555+

อันนี้......ชอบมากค่ะ

อยากให้มีขายที่ไทยจัง

ที่ชอบนี่...ไม่ใช่รสชาติหนะคะเพราะว่าไม่ได้ลองชิม

แต่เดานะคะว่าเป็นวิปครีม

ที่ชอบเพราะว่าเป็นไซส์เล็กๆค่ะแล้วก็มีหัวบีบให้ด้วย

คือที่ไทยอ่ะวิปมีขายแต่กล่องใหญ่ๆ

กล่องเล็กไม่ค่อยมีขายเห็นมีอยู่ยี่ห้อเดียวเอง

น่าจะมียี่ห้องอื่นให้เลือกใช้บ้าง

เพราะบางทีทำขนมบางอย่างก็ไม่ได้ใช้เยอะแยะมากมาย

ใช้กล่องเล็กก็เพียงพอแล้วงี้

และสุดท้ายที่น้องเงาสอยมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตนะคะ

อิอิ....นิตยสารค่ะ....หน้าปกอาราชิ5555+

น้องเงาเปนสาวกอาราชิค่ะแฮร่....แต่ถามว่าอ่านออกมั๊ย

บอกเลยค่ะว่าไม่!!!!ที่ซื้อมานี่สนอง Need เห็นๆ ค่ะ 555+

ยืนเลือกอยู่นานมากเพราะมีขายหลายเล่ม

จะซื้อหมดก็กลัวจะไม่มีตังค์เที่ยว

เรยขอมาสักเล่มเป็นที่ระลึกละกันนะคะ^^

พอใกล้ถึงเวลาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจะเปิด

เราก็เลยเดินออกมาเตรียมไปต่อแถวซื้อตั๋วกันค่ะ

ที่บอกว่าจากสี่แยกไฟแดงแล้วเดินตรงมาเรื่อย

ก็จะเห็นชิงช้าสวรรค์....ตั้งอยู่สูงเด่นอยู่เลย

เด๋วเราก็จะมาขึ้นกันด้วยค่ะ

เป็นชิงช้าที่สูงใหญ่มากเลย

จากนั้นพอเห็นชิงช้าสวรรค์

เราก็เลี้ยวซ้ายมาค่ะ

ก็จะเจอ “Tempozan Market Place”

ตอนกลางวันเราจะมาทานข้าวกันที่นี่ค่ะ

ด้านในก็จะมีอาหารขาย

เป็นแนว Food Court ค่ะ

ราคาก็กลางๆค่ะ ประมาณ 700 -1,000 เยนค่ะ

เดี๋ยวในจะเอามาเล่าให้อ่านกันนะคะ

((พบกันในตอนตอนที่ 16 : เที่ยวป่วนๆ ที่ ไคยูคัง 3.....ภาคหาอาหาร))

จาก “Tempozan Market Place” เดินตรงมาเรื่อยๆ ค่ะ

ก็จะเจอพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังกันแล้วค่ะ

ตอนนี้น้องเงาก็มายืนรอซื้อตั๋วค่ะ

ยังไม่มีใครมาเลยค่ะเปิด 10.00 – 20.00 น.

ก็ยืนรอไป...

วันที่น้องเงาไปลมค่อนข้างแรง

และคลื่นก็ค่อนข้างที่จะแรงมาก

โปรแกรมเรือซานต้ามาเรียก็เลยงดไปค่ะ

อยากเข้าไปข้างในแล้วสิ

อยากเจอน้องฉลามวาฬตัวเป็นๆดูสักที

เดี๋ยวด้านในไคยูคังมีอะไรบ้าง

จะมาเล่าต่อให้ฟังในตอนหน้านะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ

****ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ....ภายในของไคยูคังค่ะ