E-r-o-s-a-g-a-p-e : Unlimited Love ^_^
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
1 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
++..ขอความสุขกลับมา (เอาความทุกข์กลับไป)..++

-ขอความสุขกลับมา (เอาความทุกข์คืนไป)-

ได้รับฟังข่าวการโต้เถียงกันทางโซเซียลเน็ตเวิร์กของคุณโจ จิรายุส กับคุณดี้ นิติพงษ์ ที่มีการจุดประเด็นเรื่องชื่อเพลง "ขอความสุขกลับมา" ของดี้ที่แต่งขึ้นในแคมเปญ "รักกันไว้เถิด" ตั้งแต่มีข่าวค่อนแคะว่าคุณดี้เอา "คำพูด" จากคนเสื้อแดงมาแต่งเป็นเพลง จนกลายเป็นการตอบโต้กันไปมาอย่างรุนแรง แล้วก็ได้เห็นความจริงบางอย่างว่า แม้แต่วงการบันเทิงก็ยังมีการแตกแยกทางความคิดไม่ต่างกัน อีกทั้งมันก็ได้แสดงให้เห็นว่าความแตกแยกนี้ร้าวลึกไปจนเกินจะเยียวยาแล้วในทุกสังคม เมื่อคุณโจได้ติดสินไปแล้วว่าคุณดี้นั้นเอียงไปทางเสื้อแดง เหตุอาจเป็นเพราะคุณดี้นั้นยังได้พูดถึง "ผู้เสียชีวิต" ที่ดาราหลายๆ คนมักจะเลี่ยงที่จะกล่าวถึง โดยมักจะเน้นแต่ความเสียหายทางอารมณ์จากการขาดสถานที่ช๊อปปิ้งกันเท่านั้น และพร้อมที่จะเป็นศัตรูกับคนที่คิดต่างกันทันที ทั้งๆ ที่ผมก็เห็นว่าผู้ที่มี "วุฒิภาวะ" ก็สมควรที่จะพูดเช่นนั้นให้ครบทั้งสองด้าน ซึ่งคุณดี้ก็ได้พูดอย่างเหมาะสมแล้ว แต่ก็ยังแปลกใจที่เห็นคุณโจออกมาตำหนิคุณดี้อย่างรุนแรง

ทั้งนี้ผู้เขียนมองว่า ทั้งคุณดี้ทั้งคุณโจ ก็เป็นดาราที่มีภาพพจน์ว่ารักสถาบันเช่นเดียวกับคุณพงษ์พัฒน์ทั้งสิ้น แต่ความจริงก็คือ คุณโจพยายามผลักใสคุณดี้ให้กลายเป็นคน "ไม่รักในหลวง" เพียงเพราะคุณโจไม่ชอบในสิ่งที่คุณดี้พูดและทำ โดยลืมไปว่า คุณดี้เองก็ได้แต่งเพลงให้กับในหลวงมากกว่าคุณโจเสียอีก นี่ก็เป็นเรื่องเศร้าที่น่าขบขัน ที่คนในวงการบันเทิงที่ได้ชื่อว่่าเป็นตัวอย่างที่ดีของประชาชน ที่ร้องเพลง "รักกันไว้เถิด" อยู่ปาวๆ กลับไม่มีทีท่าว่าจะ "รักกันได้" จริงๆ แม้เพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ยิ่งได้ฟังความเห็นของ "นุ้ย สุจิรา" ที่มีต่อสถานการณ์การชุมนุมแล้วยิ่งทำให้เข้าใจ "เปลือกนอก-เนื้อใน" ของผู้คนในกรุงเทพและคนชั้นกลางที่ไม่ใช่เสื้อแดงส่วนใหญ่ได้ดีขึ้นและชัดเจนยิ่งไปอีก อีกทั้งได้กระเทาะเปลือกอันฉาบฉวยของดาราได้ทันทีว่า คนไหนกลวง คนไหนของจริง คนไหนมีใจยุติธรรม คนไหนมีใจเห็นแก่ตัว

เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบในสิ่งที่ใครบางคนกระทำไม่ถูกใจเรา มีสิทธิ์ที่จะเกลียดชังหรือโกรธเขา แต่ก็ไม่สมควรที่จะแสดงออกเป็น "กริยา" หรือ "การกระทำ" ใดๆ ที่เป็นการคุกคามหรือทำลายเขาโดยอ้างความชอบธรรมจากการตัดสินตามความคิดของเรา ผมยกตัวอย่างกรณีของคุณโกวิท วัฒนกุลกับลูกสาว "น้องเมย์ AF6" ที่ถูกกระแสเล่นงานในกรณีที่ไม่ได้ร่วมร้องเพลง "ความฝันอันสูงสุด" หลายๆ คนออกมาประนามโดยไม่ฟังคำชี้แจงและเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น และพร้อมกันผลักใสทั้งครอบครัวคุณโกวิทให้เป็น "พวกแดง/พวกล้มเจ้า" อย่างน่าทุเรศ แค่นี้ก็บ่งบอกถึงสภาวะจิตใจอันผิกเพื้้ยนขั้นเทพของผู้คนที่เรียกตัวเองว่าเป็น "ชนผู้มีอารยะ" ได้อย่างดี ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้ บางคนก็เข้าไปดูหนังหลังจากข่าววอจบ บางคนก็เปลี่ยนช่องทีวีไปดูเคเบิลเมื่อมีสารคดีในหลวง บางคนก็จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์สถาบันได้ทันทีที่มีคนจุดประเด็นขึ้น แต่กระนั้นก็ยังมาติดสโลแกน "เรารักในหลวง" กันให้เกร่อทั้ง MSN และ FB เพื่อ Present ถึงความ "รักชาติรักสถาบัน" ทั้งๆ ที่ความจริงก็แค่กลัวตกกระแส เพราะคนที่เค้า "รัก" จริงๆ ที่เขาไม่จำเป็นที่จะต้อง "เสนอหน้าเกินเหตุ" และ "แสดงออกเกินงาม" เพียงแค่เราเป็น "คนดี"จากเนื้อในก็เพียงพอแล้ว ดังที่คุณดี้ได้พูดกับน้องโจไว้ใน FB

ทำไมความ "ชิงชัง" คนอีกกลุ่มหนึ่งถึงเกิดขึ้นอย่างรุนแรงแบบนี้ เหตุเพราะลึกๆ แล้วพวกเขาเหล่านั้นล้วน "แคร์" แต่เพียงความสะดวกสบายของตัวเองเท่านั้น พวกเขาจะรู้สึกถูก "คุกคาม" ทันทีหากวิถีชีวิตของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเมื่อมันไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขาต้องการ ดังจะเห็นได้จากการแสดงออกทางเฟสบุ๊กและเว็บเด็กดีในหลายๆ ครั้ง ที่มีการสาบแช่งด่าผู้ชุมนุมอย่างหยาบคายจากผุ้ที่เรียกตัวเองว่า "ปัญญาชน" และการสนับสนุนให้รัฐบาล "ทำอะไรสักอย่าง" เพื่อกำจัด "ภัยคุกคาม" เหล่านี้โดยเร็วที่สุด และพวกเขาเหล่านี้ก็ยังมีเวลามาสำแดงตัวตนอีกด้านหนึ่งว่า "เป็นพวกรักประเทศมากเสียเหลือเกิน" และเรียกร้องให้ "คนไทยทุกคนรักกัน" เรียกร้องให้ "อย่าใช้ความรุนแรง-สันติ-อหิงสา" แต่เมื่อไรที่พวกเขาพบเห็นหรือเจอคนที่มีความเห็นไม่ตรงกับเขา เขาก็พร้อมที่จะผลักใสขับไล่ให้กลายไปอยู่คนละเมืองคนละประเทศ ดังไม่ใช่คนไทยเหมือนกันทันที ตามวาทกรรมของ "พงษ์พัฒน์โมเดล" ที่ได้กลายเป็นการตอบโต้ยอดนิยมไปแล้ว

เมื่อมีกระแสอย่างรุนแรงมา การโต้กลับมาก็จึงรุนแรงไปดุจกัน ผู้ชุมนุมบางคนที่ผมเคยสัมผัสเคยพูดคุยเค้าบอกว่า "เมื่อมันเห็นเราไม่เป็นคน เราก็จะมองไม่เห็นมันเป็นคนเช่นกัน" ตอบคำถามถึงแนวความคิดเรื่อง "ความอดทนที่มาถึงขีดสุด" ได้เป็นอย่างดี นี่แหละคือผลของการนำเอาความเกลียดชังมาเป็นแรงผลักดันให้เกิดการกระทำเพื่อให้บรรลุผลของความเกลียดชังนั้น ดังจะได้เห็นจากปรากฏการณ์เสื้อเหลืองต้านทักษิณและเสื้อแดงเผาเมืองที่เราทราบๆ กันมาว่าเป็นผลจากการขยายความเกลียดชังออกมาเป็นการกระทำทั้งสิ้น

ผมมองว่า ต่อให้มีการประโคมโหมกระแสอย่างมันมือของสื่อต่างๆ ที่พร้อมใจกันนำเสนอแคมเปญ "ขอความสุขกลับมา" สักเท่าไร มันจึงเป็นแค่การ "ขอคืนความสุขสะดวกสบายใจที่พวกฉันเคยมีกลับมา" เท่านั้่น ซึ่งแน่่นอนว่ามันก็ไม่รวมถึง "ความสุขสบายใจของพวกเธอ" หรือ "ความทุกข์ทรมานของพวกเธอ" ด้วยแต่อย่างใด เพราะพวกเขาพร้อมที่จะโยนความทุกข์และความเจ็บปวดของ "พวกเธอ" ไปเสียจากจิตใจของพวกเขา เหตุผลก็เพราะ "พวกเธอมันไม่ใช่พวกฉัน" พวกเธอมันไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง พวกเธอไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นพวกเธอต้องกลับไปที่ๆ พวกเธอควรอยู่

สิ่งที่ถูกต้องก็คือ แทนที่คุณจะบอกว่า "ขอความสุขกลับมา" จะพูดว่า "เรามาแชร์ความสุขและความทุกข์ร่วมกัน" จะดีกว่าไหม หรือว่ามันกระอักกระอ่วนที่จะต้องใช้ความสุขร่วมกันกับคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในชนชั้นเดียวกัน น่าคิดนะครับ

เพราะในเมื่อเราพร้อมที่จะจับมือกันแต่พวกที่ "มีความคิดเห้นเหมือนกัน" กับเรา แต่เราไม่เคยคิดแม้แต่ชำเลืองมอง "ผู้ที่เห็นต่าง" แถมยังไม่เคยแม้แต่จะสงสารเห็นอกเห็นใจ "ผู้ทีเดือดร้อนกว่า" ก็อย่าหวังเลยว่า พวกเขาจะ "เห็นใจ" ในสิ่งที่เรียกว่า "ความสุข" ของพวกเราที่สูญหายไปตามแคมเปญที่โหมกระหน่ำอยู่ในขณะนี้ ดังทุภาษิคว่า "ไม่เอาใจเราไปใส่ใจเขา ก็อย่าหวังเลยว่าจะเขาจะมาใส่ใจเรา"

วาทกรรม "ขอความสุขกลับมา" เนื้อแท้มันก็คือ "เอาความทุกข์ของเธอกลับไปไกลๆให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้" ตามความเข้าใจของชาวบ้านผู้ทุกข์ทรมานจากการกระทำของรัฐบาลและผู้สนับสนุนที่ทำกับพวกเขาเหมือนไม่ใช่คน มันก็คือเหรียญอีกด้านหนึ่งของเทวดาที่แท้จริงก็คือซาตานที่แฝงความอาฆาตพยาบาทไว้ในรอยยิ้มอย่างเลือดเย็น พวกเขาบอกว่า "ฉันรักเธอนะ แต่ถ้าเธอไม่รักฉัน เธอต้องตาย" ดังนั้น ทางเลือกของคนที่เห็นต่างไปจากพวกเขามีเพียงสองทางก็คือ "ต้องตาย-ไม่ก็ต้องมาเป็นพวกของฉัน"

ผมนึกถึงคำพูดของแม่ชีเทเรซ่าที่กำลังจะได้รับการประกาศเป็นนักบุญที่ว่า

"พระเยซูสอนฉันว่า ..ความรักที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อเราพร้อมที่จะแบ่งปันความทุกข์ร่วมกันกับผู้อื่น"
"ฉันพบความสุขที่แท้จริงดังอยู่ในสวรรค์เมื่อเห็นรอยยิมและแววตาของพวกเขา..ช่างอิ่่มใจอย่างเหลือเกิน"

อย่าให้เรา "รักกัน" แต่เพียง "คำพูด" สวยหรูเลยครับ
เพราะมันก็แค่การ "หลอกตัวเอง" ทั้งๆ ที่ในใจ "เกลียดมันยิ่งกว่าอะไรดี"

คุณบอกว่าคุณขอความสุข แต่แน่ใจแล้วหรือว่าสิ่งที่ได้กลับมา มันไม่ได้แลกด้วยความทุกข์ของเขาดุจกัน
เราจะมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นได้นานสักเท่าใด


อย่าให้ "ขอความสุขกลับมา" เป็นเพียงแค่ "เพลง" ของพวกคุณบางคนเท่านั้นที่จะร้องได้
มันควรจะต้องเป็นเพลงที่ทุกคนสามารถที่จะ "เข้าถึง" ได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

จะดีกว่าไหมครับ?

---ขอความสุขกลับมา--คำร้อง/ทำนอง นิติพงษ์ ห่อนาค--

เราเคยมีรอยยิ้ม ยิ้มให้กัน ยังจำได้ไหม
เจอคนไทยที่ไหน ก็ยิ้มให้กัน
เรา เคยมีน้ำใจ บ้านเราเหมือนเมืองในฝัน
อยู่ตรงไหนสุขใจทั้งนั้น บ้านคนไทย

จน ไม่นานมานี้ เหมือนมีลมแห่งความขัดแย้ง
คอยพัดความแห้งแล้ง เข้ากลางใจ
ลม ยังคงพัดพา ความสุขและความสดใส
กับรอยยิ้มจากใจคนไทย ไม่มีเหลือ

ขอความสุขของเราจงคืนกลับมา
ขอความสุขรอยยิ้มที่เคยเหลือเฟือ
คืนน้ำใจที่แน่นหนัก
คืนความรักที่จุนเจือ
กลับมาเป็นเมืองไทยสงบดังเดิม

ลองมองดูดอกไม้ หลายพงศ์พันธุ์ตระการต่างสี
ในสวนเดียวกันนี้คละเคล้าไป
มัน จึงดูงดงาม เพราะความที่ต่างความหมาย
ต่างก็สวยแตกต่างกันไป ไม่เดียดฉันท์

เรายังมีหนทาง ถ้าเราต่างยังมีน้ำใจ
ยังคงไม่สายหากเริ่มวันนี้
เรา จะผ่านเรื่องราว ที่มันบาดใจไปด้วยดี
ยังมีความหวังกลับมาสดใส

กลับมาเป็น เมืองไทยสงบดังเดิม..
กลับมา เป็น เมืองไทยสงบ.. ดังเดิม..



Create Date : 01 มิถุนายน 2553
Last Update : 1 มิถุนายน 2553 14:15:41 น. 4 comments
Counter : 393 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:16:33:08 น.  

 
ข้อความข้างบนถูกใจมากเลย คนที่เกลียดเสื้อแดงเพราะว่า ทำให้ตัวเองลำบากในการเดินทางและช๊อปปิ้ง แต่คนจน คนบ้านนอกแท้ เขาลำบากกว่าคนกรุงเทพร้อยเท่า ถนนหนทางเอย ราคาข้าวตกต่ำ การเกษตรที่รอฟ้ารอฝน สารพัดปัญหาเกี่ยวกับการหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง พวกคุณเงินเดือนสูงๆ จะซื้อหา จะค้าขายอะไรก็ร่ำรวย แต่คนบ้านนอก อาศัยการเกษตร ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนพวกคุณๆ ทั้งหลาย เห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมประเทศบ้างก็ดี อย่าเอาแต่ได้ให้มันมากนัก เสื้อแดงตาย คนบางคนก็หัวเราะ เยาะเย้ย ถากถาง เออ สมน้ำหน้า ตายเสียได้ก็ดี รัฐบาลทำถูกต้องแล้ว บ้านเมืองจะได้จะสงบสุข รำคาญจริงๆ คนพวกนี้ คนที่คิดแบบนี้ ไร้มนุษยธรรมมากๆ คนที่ตายพวกเขาผิดมากนักหรือไง พวกเขาไม่มีคุณค่าเลยเหรอ คนตายร้อยกว่า พวกคุณเห็นเป็นเรื่องสะใจ คนที่สูญเสียพ่อแม่พี่น้องไป จากรัฐบาลที่หลงอำนาจนั้น พวกคุณคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องงั้นสิ เราคิดแค่ว่าคนตายตั้ง 100 กว่า เนี่ย รัฐบาลออกมารับผิดชอบหน่อย อย่าพูกดว่า ผมเสียใจ แต่ผมไม่ขอโทษ


โดย: บราซิลนัท วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:19:03:01 น.  

 


โดย: nuyza_za วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:19:48:23 น.  

 
เห็นด้วยอย่างแรง

ของพวกนี้ต้องคิดลึกๆ


โดย: นายแมมมอส วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:20:05:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

The Prophet
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนบ๊องๆ คนหนึ่ง..
รักดนตรี เสียงเพลง
เตบอยากเป็นครูบ้านนอก
แต่ดันเป็นโปรแกรมเมอร์เมืองหลวง
ชอบใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ
ฝันอยากจะเป็นบาหหลวง
แต่ดันแอบหลงรักสาวอยุ่ร่ำไป
ใครๆ บอกว่าเป็นคนดี แต่ตัวเองบอกว่าคงไม่ดีเท่าไร
อย่างน้อยก็หน้าตาหละ...
แต่เห็นหน้าตาอย่างนี้ ก้อจบปรัชญาราม นะคร้าบบบ
Friends' blogs
[Add The Prophet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.