Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
25 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
[AF Story] Friendship: เพื่อน << รัก >> เพื่อน === ตอนที่ 4

======


รถยนต์ฮอนด้าแอคคอร์ดสีบรอนซ์ทองกำลังแล่นบนทางด่วนด้วยความเร็วสูง สมาชิกภายในรถหลับไปเกือบครบทุกคนแล้ว เหลือก็แต่กฤตที่นั่งหลังพวงมาลัย หลับไม่ได้แน่นอน และลูกสาวหน้าเหมือนเขาอย่างกับถอดแบบกันมาก็ยังคงง่วนอยู่กับโจทย์คณิตศาสตร์สุดจะหินอยู่ หลับไม่ได้เช่นกัน


“มิ้น”


“คะ คุณพ่อ” มิ้นเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ “เรียกทำไมเอ่ย...”


“ไม่มีอะไรหรอก” กฤตยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอาใจไปจดจ่อกับทางข้างหน้าเหมือนเดิม “พ่อเช็คดูเฉยๆ ว่ายังมีใครอยู่เป็นเพื่อนพ่อรึเปล่าน่ะ นึกว่านอนไปกันหมดแล้ว”


“อ๋อ ค่ะ” มิ้นพยักหน้า แล้วกลับไปจมอยู่กับหนังสือเหมือนเดิม


แต่พอสมาธิหลุดไปที่อื่นปุ๊บ มิ้นก็กลับเข้ามาได้ยากเสียแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่อะไร เพราะคนตัวเล็กที่เพิ่งเดินทางมาบอกจะของีบสักพักนั้น ตอนนี้เอนมาซบเธอเฉยเลย


เป็นใครก็สมาธิไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแทบทั้งนั้น...


แถมอาการงอนเล็กๆ ของมิ้นที่มีกับซาร่าเมื่อตอนอยู่สนามบินก็ถึงกับหายไปหมดสิ้น...


คิดได้ดังนั้นมิ้นเลยปิดหนังสือ ถอดแว่นสายตาเก็บ แล้วหลับมั่งเสียเลย เพราะการที่จะให้ทำโจทย์ด้วยสมาธิแตกซ่านแบบนี้ ชะรอยจะทำผิดหมดอย่างแน่นอน


พอกฤตมองกระจกหลังแล้วเห็นลูกสาวตนเองนอนอิงหัวกับว่าที่ลูกสาวอีกคนได้แบบนี้ เขาซึ่งเป็นพ่อก็โล่งใจไปได้มาก


มิ้นดูเข้ากับซาร่าได้ดีเหลือเกิน ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเหมือนกัน...


======


ในที่สุด รถก็มาสงบนิ่งในโรงจอดรถเสียที กฤตร้องปลุกทุกคนด้วยเสียงเรื่อยๆ


“ตื่นได้แล้วครับทุกคน ถึงบ้านแล้ว” ต้ากับพัดตื่นขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขา แต่ลูกสาวสองคนนั้นยังคงหลับลึกต่อไป กฤตจึงส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้ต้าปลุกให้หน่อย


“สาวๆ จะนอนไปจนพระจันทร์ขึ้นเลยเหรอครับ” ว่าพลางสะกิดน้องสาว “เจ้ามิ้น ตื่นได้แล้ว”


หมวยตาหยีพยายามจะลืมตาอย่างยากลำบาก สงสัยเป็นเพราะเมื่อคืนคงดูหนังสือหนักไปหน่อยอย่างไรก็ตามแต่ เธอก็ตื่นก่อนอีกคนที่นอนพิงเธออยู่


“ร่า ถึงบ้านแล้ว...” มิ้นเอาแขนข้างที่เป็นอิสระแตะเบาๆ เพราะอีกข้างนั้นโดนซาร่าเกาะไว้ (นี่นอนพิงอย่างเดียวยังไม่พอ) “ตื่นได้แล้วนะ”


ซาร่าตื่นจนได้ ที่เพลียหนักคงเป็นเพราะการเดินทางบวกกับการเดินหากระเป๋า พอลืมตาแล้วเห็นว่าเธอทั้งนอนพิง ทั้งเกาะแขนเพื่อนใหม่อยู่นั้น ก็ต้องรีบปล่อยพร้อมกับเด้งศีรษะขึ้นจากไหล่มิ้นทันที


“เราขอโทษ...ตะกี้มิ้นได้นอนรึเปล่าน่ะ”


“ได้นอนสิ” มิ้นขำอาการของซาร่า “แต่หัวร่าหนักมากเลยนะ ไหล่มิ้นนี่ถึงกับชาเลยล่ะ”


“แถมยังหลับลึกด้วย แล้วคืนนี้จะนอนหลับมั้ยเนี่ย ฮึ?” มิ้นพูดไปยิ้มไปตลอด ข้อนี้พัดเองก็สังเกตเห็น เธอนึกดีใจ เพราะตั้งแต่เธอบอกกับลูกสาวว่าให้เตรียมตัวสอบเข้าเศรษฐศาสตร์นะ มิ้นก็กลายเป็นคนยิ้มยากไปเลยทีเดียว


แต่พอมีซาร่าเข้ามาเท่านั้นล่ะ ลูกสาวเธอก็กลับมามีดวงตาที่ยิ้มได้ตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว


ขอบคุณนะกุ๊ก ขอบคุณจริงๆ...


======


ตัวบ้านของมิ้นใหญ่โตไม่หยอกทีเดียว...ซาร่าคิด


อีกทั้งอาณาบริเวณบ้านก็กว้างขวาง ไหนจะสวนที่จัดไว้ได้อย่างสวยงาม ต้นไม้ใบหญ้าล้วนอยู่รวมกันอย่างลงตัว เห็นแล้วเขียวสบายตาดีจริงๆ


“แล้วบ้านอีกหลังนั่นล่ะมิ้น” ที่ซาร่าถามเพราะเห็นในบริเวณนั้น มีบ้านใหญ่หนึ่งหลัง บ้านเล็กอีกหนึ่งหลัง บ้านใหญ่ ซาร่าคิดว่าคงเป็นของครอบครัวมิ้นแน่ๆ เพราะดูจากขนาดแล้วพอเหมาะกับสมาชิกสี่คน แล้วอีกบ้านนั่นล่ะ ของใคร


“อ๋อ หลังนั้นเคยเป็นของญาติมิ้นน่ะ แต่ตอนนี้เค้าย้ายออกไปแล้ว เลยปิดเอาไว้” มิ้นว่า พลางเดินไปยกกระเป๋าของซาร่าออกจากหลังรถ แล้วเตรียมจะยกเข้าไปในบ้าน “ปัจจุบันก็ไม่มีใครอยู่”


ซาร่าพยักหน้า แล้วเดินตามมิ้นไปเอากระเป๋ามาถือเอง ทำให้คนที่ถืออยู่ก่อนหันมามองอย่างแปลกใจ


“ร่าเอาไปถือทำไม...” ก่อนจะดึงกลับมาถือเอง “ร่าเป็นแขก มิ้นต้องถือให้ดิ”


แล้วอาศัยเรื่องที่ตัวเองตัวสูงกว่าถือกระเป๋าวิ่งหนีซาร่าไปเสียอย่างนั้น เล่นเอาตัวเจ้าของที่ตัวเล็กนิดเดียววิ่งตามไม่ทัน พอคนตาตี่ขายาวมองกลับมา ก็หัวเราะชอบใจใหญ่


คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างกฤตและพัดมองเห็นลูกสาวร่าเริงอย่างนี้ก็ดีใจ


“พ่อว่ามั้ยว่าวันนี้มิ้นยิ้มเยอะขึ้นนะ”


แทนที่กฤตจะตอบกลับไปอย่างปกติ เขากลับหาทางกวนอารมณ์ภรรยาอีก ด้วยการ...เอามือไปแตะหน้าผากพัด แล้วทำหน้าสงสัย


“แม่ ตอนนี้ไม่สบายอยู่ใช่มั้ย”


พัดมองกลับด้วยสีหน้าที่...งงกว่า “เปล่า สบายดี มีอะไรเหรอ”


“อ้าว ก็เมื่อกี้เห็นพูดกับพ่อดี๊ดี...ไม่เห็นเหมือนปกติน่ะ ก็เลยสงสัยไง...” พูดเสร็จปุ๊บ ก็ต้องวิ่งหลบกระเป๋าถือใบยักษ์ของภรรยาปั๊บ เพราะมิฉะนั้น วันนี้อาจอดไปสังสรรค์กับเพื่อนเก่าได้


ส่วนพัดก็ต้องเป็นฝ่ายวิ่งไล่


“หยุดเดี๋ยวนี้นะ มาให้จัดการซะดีๆ”


“ถ้าหยุดก็หัวแบะน่ะสิ ไม่เอาด้วยคนหรอก ฮ่าๆ”


ทั้งๆ ที่อายุก็ห่างจากลูกสาวเยอะนะ แต่สองคนนี้เล่นกันเหมือนที่ดูลูกเล่นไปเมื่อกี้ไม่มีผิด


======


ถึงกับล้มทั้งยืนเลยเมื่อเห็นป้ายติดประกาศหน้าหอพักที่อยู่ประจำว่า ‘เซ้งด่วน’
ชายหนุ่มหน้าตี๋ตัวสูงคน ตัวเล็กคนยืนมองลังกระดาษ โต๊ะเขียนหนังสือ ตู้เสื้อผ้าและของอื่นๆ ของพวกเขาอีกมากมายซึ่งถูกขนออกมาวางไว้ที่พื้นคอนกรีตตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง


คีย์บอร์ดของคนตัวเล็กเกือบหลุดจากมือเลยทีเดียว


“เจ๊ ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ” คำถามหลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มคนสูงกว่าซึ่งสุภาพอยู่ตลอดเวลาแม้แต่ช่วงที่อารมณ์ขึ้นเช่นนี้ “แล้วพวกผมจะไปอยู่กันที่ไหนล่ะ”


แต่เจ้าของหอพักที่หน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่แล้วกลับตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา


“มันไม่ใช่กงการอะไรของเจ๊ พวกเธอก็ไปหาที่อยู่กันเอาเอง” แต่เมื่อหล่อนเห็นสีหน้าของทั้งสองหนุ่ม ก็เริ่มอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตอบให้ตรงคำถาม “จะให้เจ๊ทำยังไงล่ะบอย ก้อ ทุกวันนี้หอพักเจ๊ขาดทุนจะแย่ คนเช่าก็น้อย แถมพวกติดค่าเช่ามันก็ไม่ยอมจ่าย” หน้าเจ้าของหอพักเริ่มหมองลง “จริงๆ เจ๊ก็ไม่อยากปิดหรอกนะ แต่ทำไงได้ เงินเจ๊หมดแล้ว...”


จากอารมณ์โกรธเมื่อตอนแรก บอยและก้อก็กลายเป็นเย็นลงทันทีเมื่อได้รับรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงของเจ้าของหอ


“ผมเข้าใจครับเจ๊...” ก้อพูดออกมาบ้าง “แต่จะให้พวกผมไปหาที่อยู่ใหม่ มันก็คงไม่ทันคืนนี้หรอก”


“ขอพวกผมนอนคืนนี้ก่อนไม่ได้เหรอครับ” บอยช่วยพูดอีกคน “แล้วพรุ่งนี้เดี๋ยวผมจะไปหาที่อยู่ใหม่ นะครับเจ๊...”


พอเจอเด็กมีสัมมาคารวะและน่าเอ็นดูอย่างสองคนนี้อ้อนเข้า เจ้าของหอพักก็เริ่มใจอ่อน ก่อนจะหันไปยกลังกระดาษ แล้วหันมาพูดกับบอยและก้อที่ยืนลุ้นอยู่ว่า


“ก็ได้...งั้นสองคนมาช่วยเจ๊ขนของเข้าไปก่อน”


เท่านั้นล่ะ บอยกับก้อถึงกับกระโดดตัวลอย


“ขอบคุณมากครับเจ๊” แล้วรีบไปจัดแจงยกโต๊ะเขียนหนังสือทันทีด้วยความดีใจ
ถึงอย่างไรก็ตาม...บอยก็แอบคิดหนักในใจ...แล้วจะไปหาที่อยู่ใหม่ได้ยังไงให้ทันพรุ่งนี้เนี่ย เอาเถอะ ให้พ้นวันนี้ไปก่อนก็แล้วกัน


======


ในที่สุดกระเป๋าทั้งหมดก็ถูกยกเข้าไปในบ้านได้อย่างทุลักทุเล ที่ยากเย็นเช่นนี้ก็เพราะการวิ่งไล่จับไปมาของมิ้นกับซาร่านั่นล่ะ... “เฮ้อ...เล่นเอาเหนื่อย” นี่เป็นเสียงบ่นของสาวน้อยตาเล็ก ที่เป็นตัวต้นคิดในการเล่นครั้งนี้ “แต่ก็ดี ได้ออกกำลังกาย” แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาใหญ่หน้าทีวีจอยักษ์


“ก็ใครเป็นคนนำล่ะ” ซาร่าหายใจทางปากเพื่อคลายความเหนื่อย ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวเดียวกันแล้วบ่นเสียงอ่อย “มิ้นอ้ะ เธอสูงจะตาย เล่นวิ่งลิ่วๆ แบบนั้นใครจะไปตามทัน”


“เอาน่าร่า...ถือเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่” ไม่พูดเปล่า แต่มิ้นกลับหยิบหมอนอิงใบเบ้อเริ่มขว้างไปที่ตัวซาร่าเต็มๆ เล่นเอาคนโดนปาใส่ถึงกับจุก


“โหย มิ้น” ซาร่าพูดโกรธๆ พลางกุมท้อง “เล่นกันแบบนี้เลยเรอะ” ว่าแล้วก็หยิบหมอนอิงอีกใบที่ใหญ่ไม่แพ้กันมาขว้างกลับไปในทันที...


กิจกรรมต้อนรับสมาชิกใหม่ที่มิ้นถือโอกาสจัดขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจนั้น จึงกลายเป็นการปาหมอนไป... โชคยังดีที่หมอนใบยักษ์ไม่ลอยละลิ่วไปซัดใบหน้าของคนเป็นพ่อเป็นแม่เข้า


“สาวๆ จ๊ะ หยุดแป๊บนึง เดี๋ยวแม่ขึ้นไปดูห้องให้ซาร่าก่อน”


พัดยกมือขึ้นเบรก และมิ้นกับซาร่าก็หยุดลงในทันที


เพราะมิ้นรู้ดีว่า ถ้าเกิดปาต่อแล้วไปโดนแม่เข้า อะไรจะเกิดตามมา เธอก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลย บอกได้แค่เพียงว่า มันน่ากลัวมาก...


และเมื่อคล้อยหลังพัดไป สงครามปาหมอน(ยักษ์) ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง...


จริงๆ การเล่นอะไรแบบนี้กับคนเพิ่งรู้จักกันไม่ใช่นิสัยปกติของมิ้นเลย ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนคุยเก่งแค่ไหนก็ตาม และไอ้การปาหมอนโครมๆ กับคนไม่คุ้นเคยนั้นก็เป็นครั้งแรกของมิ้น ซึ่งก็ไม่เชื่อในตัวเองเหมือนกันว่าทำลงไปได้อย่างไร


แถมยังทำแบบไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธด้วยซ้ำ


ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะนอกจากซาร่าจะไม่โกรธแล้ว ยังเล่นตอบด้วยแววตาที่มองดูก็รู้ว่ารู้สึกสนุกสนานไปกับเธอด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย


ทำให้สงครามปาหมอนยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด...หรือถ้าหยุดก็คงเพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกเหนื่อยจนไม่มีแรงปานั่นล่ะ


แต่เรื่องบางเรื่อง มันก็มักจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมายเสมอ เพราะสาเหตุที่การปาหมอนต้องหยุดลงอย่างกะทันหัน ก็เพราะว่า...


ตุ้บบบบบบ!!


“เย้ย พี่ต้า” ก็หมอนที่หลุดจากมือมิ้นมันไม่รักดีน่ะสิ ลอยออกนอกทิศทางไปชนตู้มเข้ากับใบหน้าของพี่ชายที่เพิ่งเดินเข้าบ้านมาพอดีเข้าเต็มๆ “เจ็บมั้ย?” ก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง


“พี่ไม่เจ็บหรอกมิ้น” เอามือกุมหน้าอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอาลง “แค่มึนจนเห็นดาวเท่านั้นเอง...”


======


พัดชาถึงกับกุมขมับ เมื่อห้องที่จัดเตรียมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเพื่อให้ลูกสาวที่เพื่อนฝากฝังมานั้น... เครื่องปรับอากาศกลับไม่เย็นเอาดื้อๆ!


แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?


“พ่อ แอร์ห้องซาร่ามันเสียน่ะ เอาไงดี” คิดอะไรไม่ออกเลยหันมาพึ่งสามีที่ยืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะทำอะไรอยู่พอดี จริงๆ แล้วก็อยากจะทำแหละ แต่กลัวว่าถ้าทำไปแล้วไม่ถูกใจคนข้างตัว เขาอาจโดนดีได้


“ไม่เห็นยากเลยแม่” กฤตยิ้มด้วยความยินดี อย่างน้อยๆ ความคิดของเขาครั้งนี้ พัดต้องไม่ยกมือค้านอย่างที่เคยเป็นมาตลอดแน่ “ก็ให้ซาร่าไปนอนห้องเจ้ามิ้นก่อนสิ เตียงลูกเราก็ออกจะกว้างขนาดนั้น พ่อรับรองได้ว่า...” ว่าพลางนึกย้อนไปถึงภาพที่ลูกสาวนอนอิงกับซาร่าในรถ “...ว่าเจ้ามิ้นคงยินดีและเต็มใจอย่างแน่นอน เด็กมันออกจะสนิทกันเร็วขนาดนั้น”


พอพูดจบ ก็เห็นพัดมองตรงมาที่ตัว...


สายตานั้นทำเอากฤตกลืนน้ำลายดังเอื้อกเลยทีเดียว...


“เอ่อ แม่ไม่โอเคกับไอเดียนี้เหรอ” กฤตละล่ำละลักบอก “ถ้าไม่ผ่าน เดี๋ยวพ่อคิดให้ใหม่ก็ได้” แล้วหันขวับหนีดวงตานั้น พลางเหลือบมองขึ้นเพดานคิดหาหนทางอื่น


“เดี๋ยวพ่อ...”


เอาแล้วไง ไม่พอใจจริงๆ ด้วย กฤตเหงื่อแตกพลั่กเมื่อจินตนาการถึงภรรยาเวลาอะไรต่างๆ ไม่ได้ดั่งใจ


“ใครบอกว่าแม่ไม่ชอบ ฮึ?”


นั่นไง ซวยแล้วตู ชะตาถึงฆาตแล้ว... เอ๊ะ เดี๋ยว ตะกี้พัดพูดว่าอะไรนะ


“เดี๋ยวๆ แม่ แม่พูดอีกทีซิ”


“ใครบอกว่าแม่ไม่ชอบ” ตอนนี้สายตาพัดเปลี่ยนไปแล้ว ดวงตาดูอ่อนลง พร้อมกับรอยยิ้มที่ระบายอยู่เต็มใบหน้า... เอ้อ อย่างนี้ถึงค่อยเหมือนตอนสาวๆ หน่อย “ที่แม่มองอย่างนั้นเพราะอึ้งไง...”


“อึ้งอะไร?”


“ก็นานๆ ทีคนอย่างพ่อจะคิดอะไรที่มันฟังดูเข้าท่ากับเค้าบ้าง น่าอึ้งจะตาย” พอพูดจบก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ปากนี่อ้าจนเห็นลิ้นไก่เลยทีเดียว


กฤตยิ้มเจื่อน...


ใช่ซี่ ใครมันจะคิดอะไรก็ถูกไปหมดอย่างเธอล่ะ เฮอะ!


======


“มิ้นจ๊ะ” พัดค่อยเดินลงบันไดมา “แม่มีเรื่องจะขอร้องลูกหน่อย”


คนที่จะถูกขอร้องกำลังคุยเล่นกับซาร่าอยู่พอดี แต่เมื่อแม่เรียก มิ้นก็หันมาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีอิดออด


“อะไรเหรอคะคุณแม่”


“ก็...” พัดเว้นวรรคนิดหนึ่ง “แอร์ห้องที่เตรียมไว้ให้ร่ามันเสียน่ะจ้ะ แม่ก็เลยอยากจะ...” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ลูกหมวยสี่คิ้วของเธอก็ตอบทะลุกลางปล้องขึ้นมาด้วยอาการเริงร่าผิดปกติ


“งั้นให้ร่ามานอนห้องมิ้นได้เลยค่ะ...” มิ้นตกปากรับคำแบบไม่ต้องคิด “เตียงมิ้นกว้างจะตาย...นอนคนเดียวมันวังเวงค่ะ” พูดแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะนึกได้ หันมาถามซาร่า “ร่าไม่ขัดข้องใช่มะ...งั้นโอเค” มิ้นเห็นซาร่าได้แต่ยิ้ม ไม่ยอมตอบ เธอเลยรวบรัดตัดความตามใจตัวเอง “เอาน่า ยังไงก็ดีกว่านอนห้องเก็บของ หรือว่านอนห้องที่ไม่มีแอร์นะร่า...” คราวนี้ไม่แค่ชักแม่น้ำทั้งห้าแล้ว แต่เหมือนยกมหาสมุทรทั้งโลกมาอ้างเลยทีเดียว “ช่วงเนี้ย มันหน้าร้อน กรุงเทพร้อนมากเลยล่ะร่า ไม่มีแอร์อยู่ไม่ได้หรอก เหนียวตัวตายเลย...”


นี่ตัดมาเพียงบางส่วน ที่มิ้นสาธยายให้ซาร่าที่นั่งยิ้มฟังอย่างเดียว


“โอเคจ้ะ งั้นมิ้น...” พัดเดินมานั่งข้างๆ ลูกสาว “เดี๋ยวหนูเดินนำซาร่าขึ้นไปที่ห้องเลยนะจ๊ะลูก ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย หรือจะนอนพักก็ได้นะ... เดี๋ยวตอนเย็น” พัดมองนาฬิกา “ประมาณหกโมงเย็นน่ะค่ะลูก เราจะได้ไปสังสรรค์กัน”


“ค่ะ คุณแม่” มิ้นรับคำด้วยรอยยิ้ม แล้วรี่ไปหยิบกระเป๋าทุกใบของซาร่ามาไว้กับตัว
ไม่ต้องตั้งใจสังเกตก็เห็น เพราะรอยยิ้มของมิ้นที่คงอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาตั้งแต่รู้ว่าเครื่องปรับอากาศห้องซาร่าเสียนั้นมันแสดงออกมาอย่างเด่นชัดเสียเหลือเกิน


“พอมีเพื่อนใหม่ เห่อจนออกนอกหน้าเชียวนะคะคุณลูกสาว” พัดเห็นเลยอดแหย่ไม่ได้ ก่อนจะแกล้งทำเป็นมีอาการน้อยใจ “วันเนี้ย ยังไม่เห็นมากอดคุณแม่เหมือนทุกๆ วันเลย” แล้วทำเป็นมองไปทางอื่น...


แหม แสดงได้ครบทุกอิริยาบถจริงๆ


พอเห็นดังนั้น มิ้นจึงวางกระเป๋าซาร่าลงก่อน แล้วเข้ามากอดเอวพัดพร้อมทั้งหอมแก้มอีกหนึ่งที


“คุณแม่หายงอนยังคะ” ยิ้มแบบกระต่ายๆ ที่ถ้าเห็นเมื่อไร คนเป็นแม่ก็ต้องอดยิ้มตามไม่ได้ “ยิ้มแป้นยังงี้ หายงอนแล้วล่ะสิ งั้นมิ้นพาซาร่าไปออนทัวร์บ้านเราก่อนนะคะคุณแม่” แล้วเดินสลับเท้าไปยกกระเป๋าซาร่า วิ่งปรู๊ดขึ้นบันไดไปอย่างไว


“ร่า เร็วๆ เวลามีน้อย” มิ้นวิ่งไปพูดไป “เดี๋ยวนอนไม่ทันนะ”


คนถูกเรียกที่ยังคงนั่งอยู่กับพัดก็หัวเราะออกมาเบาๆ คิดในใจว่า...


สงสัยมาอยู่กรุงเทพ เราคงจะไม่เหงาอย่างที่คิดแล้วล่ะ ถึงแม้ว่าตอนนี้เรายังไม่ค่อยกล้าพูดก็ตาม แต่อีกไม่นานหรอก มิ้นก็มิ้นเถอะ พูดไม่ทันเราแน่ๆ


======


Create Date : 25 ตุลาคม 2550
Last Update : 25 ตุลาคม 2550 3:46:16 น. 0 comments
Counter : 220 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Diagonal
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Diagonal's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.