# The incredible Hulk # มหัศจรรย์แห่งฮัลค์ สร้างสรรค์พลังอันยิ่งใหญ่ แต่....(อาจมีสปอย)

ช่วงนี้มีโอกาสได้หมกตัวอยู่กับ DVD อยู่หลายเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะยืมจากเพื่อนมาทั้งสิ้น หากช่วงนี้จะเจอกระทู้ผมหลายอันอย่าแปลกใจ เพราะขณะที่ผมเริ่มเขียน review อันนี้ใน MS.word เมื่อคืนวาน ผมเพิ่งได้ดูหนังตระกูล Grindhouse จบไปทั้งสองเรื่อง ส่วน The incredible Hulk ผมดูเมื่อวานซืน พร้อมกับ No country for old men ซึ่งพอดูแล้วมันคันปากอยากเล่าทั้งนั้น เลยอาจจะมีกระทู้รีวิวเล็กๆโผล่มาหลายกระทู้ครับ


เริ่มด้วยภาพยนตร์ที่ผมได้ดูก่อนใครในช่วงนี้ คือพี่เบิ้มยักษ์เขียวจอมพลัง ที่กลับมารอบนี้ ทางผู้สร้างอย่าง Marvel Studio นั้น หมายมั่นปั้นมือว่าจะ "สร้างหนังพี่เบิ้มใหม่"โดยไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดต่อตัวหนังฉบับเก่าของ อั้งลี่ เลยนอกจากใช้โครงร่างเก่าๆจากการ์ตูนเดิม ว่าพี่เบิ้มเกิดมาจากใคร ตัวละครสำคัญที่มีเอี่ยวในเนื้อเรื่อง แต่จุดเชื่อมโยงระหว่างภาพยนตร์ 2 ภาค แทบจะไม่มี ฉะนั้นภาคนี้จึงไม่ใช่ภาค 2 ฉะนั้นเมื่อผู้สร้างไม่ได้อยากให้เราย้อนรอยอั้งลี่ ผู้เขียนจึงไม่ขวนขวายหา "พี่เบิ้มฉบับอั้งลี่" มานั่งดู และเริ่มต้นนับหนึ่งไปพร้อมกับ Marvel ที่จะนับหนึ่งใหม่กับหนังชุดนี้เหมือนกัน


โดยหนังเริ่มต้นเกริ่นเพียงเล็กน้อยด้วยการย้อนอดีต ถึงจุดกำเนิดของพี่เบิ้ม เริ่มจากการทดลองรังสีแกมม่าของบรูซ เบนเนอร์ (Edward Norton) แต่เกิดความผิดพลาด ทำให้ตัวเองกลายเป็นพี่เบิ้ม ทำลายห้องทดลอง เบ็ตตี้ (Liv Tyler) คนรักก็โดนลูกหลงบาดเจ็บ พี่เบี้มอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งและหลบหนีไป

หลังจากนั้นหนังก็เริ่มเดินเครื่องถึงชีวิตของการหลบซ่อนกายนอกอเมริกา พร้อมทั้งหาวิธีรักษาตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วเนื้อเรื่องก็ขมวดให้มีเหตุการณ์ให้ตัวเองต้องกลับบ้านเก่า ไปเจอเบ็ตตี้ ที่ดันมีพ่อเป็นนายพลใหญ่ และอยากได้ตัวเบนเนอร์ใจจะขาด ที่มาพร้อมลูกกะจ๊อกฝีมือระดับพระการ


หนังพยายามกรุยทางสู่ความเป็นแอคชั่นอย่างเต็มที่ จึงทำให้เราพบฉากเดินทาง ฉากลุ้นระทึก และไล่ล่าสุดมันตั้งแต่ตัวหนังเริ่มเดินมาไม่นานนัก และดำเนินไปเรื่อยๆ โดยตัดสลับกับการเล่าถึงตัวละครต่างๆให้เราพักหายใจหายคอกับฉากลุ้นบ้าง แต่ไม่เยอะมาก เราจึงพบความแหว่งโหว่ และความอ่อนบางของหลายตัวละคร ที่แข็งสุด เข้าใจง่ายสุดก็คือพี่เบิ้ม เบนเนอร์ ตัวดำเนินเรื่องของเรา ที่ได้ระดับ Edward Norton มาแสดง และคุมในหลายจุด ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เพราะข่าวการเข้าไปมีส่วนร่วมในตัวบทของ Norton นั้นมีข่าวมาหลายเรื่องตั้งแต่ American History X แล้ว แต่ถึงขนาดตัวแสดงเองคุมทิศทางให้ตัวเอง เรายังคงเห็นมิติของเบนเนอร์ที่ไม่ลึกมากนัก อาจเพราะหนังไม่ต้องการกรุยทางเป็นดราม่ามาก จึงต้องให้ตัวละครเบนเนอร์เดิน เดิน และเดิน เพื่อหาทางคืนร่างเดิมต่อไป โดยไม่มีโอกาส มองซ้ายขวา มองกลับหลัง แม้กระทั่งมองตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่เราเดินตามชีวิตของเบนเนอร์ และตัวพี่เบิ้ม เราก็ยังพบความหม่นหมองของตัวละครนี้เสมอ ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของตัวละครนี้ที่ผู้สร้างและนักแสดงทำได้


ตัวละครหลักอื่นๆ ก็อ่อนบางไม่แพ้กัน เช่น เบ็ตตี้ (Liv Tyler) ที่เราไม่สามารถรับรู้ถึงเหตุผลของการคบชายใหม่ และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้มากนัก เพราะพอเบนเนอร์กลับมา เบ็ตตี้ก็เบนเข็มกลับทิศเดิมทันที ซึ่งถ้าหา DVD แบบ 2 แผ่นมาดู คงจะร้องเสียดายเหมือนผมที่ส่วนนี้อ่อนด้อย เพราะการตัดต่อ ทำให้บทสนทนา การพูดคุย ระหว่าง เบนเนอร์ เบ็ตตี้ และจิตแพทย์ แฟนใหม่ของเบ็ตตี้น้อยลงจนน่าใจหาย โดยเฉพาะฉากปิด ที่จิตแพทย์โทรหาเบ็ตตี้นั้น ทำให้เราเข้าใจแต่ละตัวละครมากขึ้น แต่มันกลับหายไปอยู่ใน deleted scene ซะงั้น แต่ในบทที่เป็นยาใจเบนเนอร์ ที่คอยดูแลในยามหมองหม่นนั้น เธอก็ทำได้ดี ทำให้เราเชื่อได้บ้าง ส่วนพ่อของเธอ นายพลรอสนั้น เราจะเห็นเขาเป็นแค่แกนนำในการไล่ล่า โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอะไรทั้งนั้น เราจึงเห็นตัวละครนี้มีมิติเดียว คือความกระหายในพลังเบิ้ม (แต่จริงๆแล้วตัวละครนี้มีมิติลึกกว่านี้ แต่ดันไปซุกใน deleted scene อีกแล้วซะงั้น) ซึ่งความมีมิติเดียวนั้นก็ไม่พ้นจะหล่นไปยังลูกกะจ๊อกอย่าง บลอนสกี้ ที่มีมิติเดียว คือความกระหายพลังเช่นกัน ทำให้เราไม่รู้ถึงเหตุผลของตัวละครนี้ในบางฉาก เช่น ฉากที่ตัวเองเข้าไปยืนพูดยั่วยุพี่เบิ้มซึ่งๆหน้า ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นความกระหายพลังตรงไหน และบลอนสกี้เองก็ไม่ได้ไปโกรธแค้นพี่เบิ้มเป็นการส่วนตัวด้วย


แต่สิ่งที่หนังต้องการใส่ และทำได้ดี คือ ฉากแอคชั่น ฉากลุ้นระทึก ซึ่งหนังสามารถดึงให้เราลุ้นตามได้เรื่อยๆ เรื่อยๆ ไปจนจบ เหมือนสูตรหนังแนวนี้ทั่วไป รวมถึงหนังรุ่นพี่ที่ฉายก่อนหน้าในโรงภาพยนตร์ แต่วางแผ่นใกล้เคียงกัน อย่าง Iron Man แต่สิ่งที่ Iron Man เหนือชั้น และเราสนุกกับมันมากกว่า ก็คือความแน่นของตัวละคร และบท ซึ่งแต่ละตัวละครมีอารมณ์ชัดเจน การนำเสนอตัวตน ความคิดของแต่ละคน การรับส่งอารมณ์ การดำเนินเรื่องที่ทำได้ดี ทำให้อารมณ์ในฉากต่อสู้นั้นเข้มข้นขึ้นตามไป ทำให้ดูน่าลุ้นตามมากกว่า แต่กับรุ่นน้องอย่างยักษ์เบิ้มนั้น ก็ไม่ถึงกับแย่แต่ถ้าหากใส่ใจกับบทมากกว่านี้สักนิด
หนังเรื่องนี้จะดูลุ้นกว่านี้มาก

สรุปแล้ว
หนังเรื่องนี้จัดเป็นหนังแอคชั่นที่ดี แต่มีช่องโหว่แหว่งแทรกอยู่ให้เราคิดตามอย่างตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังสนุกกับฉากบู๊จนจบ
ถ้าหากสนใจจะซื้อหนังเรื่องนี้สะสม ผมแนะนำว่าควรจะซื้อแบบ 2 แผ่น เพื่อมาเสริมในบทที่ขาดหายไปด้วย Deleted Scene ครับ


Create Date : 11 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2551 3:12:34 น. 1 comments
Counter : 778 Pageviews.

 
สงสัยต้องๆไปหาแผ่นมาดูบ้าง

อยากดู ฉากที่ถูกตัดออกน่ะ


โดย: เด็กม.ปลาย (Onlineza ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:29:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

-นักเลงเพลงสยาม-
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
11 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add -นักเลงเพลงสยาม-'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.