[บทความ]เพชร โอสถานุเคราะห์ – Let’s talk about love

เพชร โอสถานุเคราะห์ – Let’s talk about love

เวลา 20 ปีสามารถทำให้ผู้ชายหนึ่งคนเปลี่ยนไปได้ขนาดไหน??

ขอสมมติมนุษย์คนหนึ่งขึ้นมาเด็กผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง เขาชื่อ “ธรรมดา มันเป็นเรื่องธรรมดา”
20 ปีที่แล้ว เขาเป็นเด็กมองโลกในแง่ดี สดใส ชอบตื่นเช้า ที่มีมุมมองความรักแบบวัยรุ่นที่มีทั้งความขี้อาย เคอะเขิน แต่เมื่อเริ่มจริงจังและสลัดความเขินอายออกไป จะพบเด็กขี้อ้อน มีความรักที่จริงใจ มีความโรแมนติก และมีจินตนาการ เมื่อคราเด็กชายคนนี้อกหักพลัดพรากก็ยังคงแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ จนต้องถามคนอื่นเพื่อช่วยเหลือ
20 ปีต่อมา เด็กชายคนนี้โตเป็นหนุ่มใหญ่ เป็นวัยทำงาน ที่ผ่านโลกราตรีที่เติบโตขึ้นมา ทั้ง RCA รัชดา ทองหล่อ เอกมัย ทำให้ผู้ชายคนนี้เจนจัดในความรัก มีแง่มุมที่ลึกล้ำขึ้นกว่า 20 ปีที่แล้ว บางคนอาจมองว่าเป็นผู้ชายที่มีมุมมองทางด้านเพศมากขึ้นจนเกินเลยระบบสังคม แต่จริงๆแล้วเขาเป็นแค่ผู้ชายที่มองโลกตามความเป็นจริงในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา เลยทำให้เขาดูเติบโต แต่อย่าหาว่าเขาเป็นคนไม่จริงใจ ถึงจะมีความเจ้าชู้และเป็นเสี่ยหลุดมาจากตัวเขา แต่ภายในหัวใจเขายังมีความโรแมนติกในวัยรุ่นอยู่เสมอ ยังเป็นคนรักใครรักจริง มีลูกอ้อน และลูกง้ออยู่เหมือนเดิม จริงขอใช้คำว่า 20 ปีผ่านมาพัฒนาพอกพูนจนทำให้เขาเข้าใจความรักอันแท้จริง
ที่สำคัญ 20 ปีต่อมา เด็กชายคนนี้ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Let’s talk about love”

Let’s talk about love เป็นงานเพลงชุดที่ 2 ในรอบ 20 ปีของเพชร โอสถานุเคราะห์ ชายที่เคยสร้างความดังมากมายจากบทเพลงในชุด ธรรมดา...มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่กลายเป็นอัลบั้มที่อยู่เหนือกาลเวลามาแล้ว ด้วยงานเพลง synth pop ที่ล้ำสมัย และจับลูกเล่นทางดนตรีมากมาย แบบที่ไม่มีใครกล้าเท่าไรในยุคนั้น เพลงหลายเพลงเป็นที่กล่าวขวัญ จนทำให้มีคนรองานเพลงชุดต่อมาอย่างใจจดใจจ่อ นานถึง 20 ปี จนหลายคนแทบถอดใจเพราะคิดว่าเจ้าของเพลง “เพียงชายคนนี้(ไม่ใช่ผู้วิเศษ)” คงทิ้งวงการเพลงไปแล้ว
แต่จริงๆแล้ว เพชร โอสถานุเคราะห์ ไม่ได้ทิ้งวงการเพลงไปไหน เขายังคงคิดสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นศิลปะอยู่เสมอ รวมถึงงานดนตรี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สัมฤทธิ์ผลเสียที จนวันหนึ่งในปี 2001 พลง Let’s talk about love ถูกแต่งออกมา หลังจากนั้นไอเดียเรื่องความรักในรูปแบบต่างๆก็เกิดขึ้น เพลงเริ่มทยอยๆออกมาจนสำเร็จทั้ง 11 เพลง
ภายใต้คอนเซปต์จากเพลงและชื่ออัลบั้มที่มีชื่อเดียวกันว่า Let’s talk about love


1. Let’s talk about love
เพลง electronic pop ยุค 80 ที่มีลูกเล่นจาก synth ใสๆ เนื้อหาที่ชวนให้คนมาพูดถึงเรื่องรักกันน่าจะเป็นสิ่งที่ทันสมัยกับสังคมที่มีทั้งความแตกแยก การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น การแข่งขันในสังคม และลัทธิทุนนิยมได้อย่างดี อีกทั้งเพลงนี้ยังเป็นเพลงปูทางสื่อ 10 รูปแบบความรักในชุดนี้อีกด้วย
2. Man in Bangkok / ไอ้เชยที่บางกอก
ความรักที่ถูกพรากจากด้วยระยะทาง แต่ไม่อาจทำให้ความคิดถึงของไอ้เชยห่างและลดลงไปได้ ยังเป็น synth poใสๆ ต่อเนื่องกันมาจากเพลงที่แล้ว นอกจากนั้นยังสอนภาษาไทยเก่าๆไว้ให้หนึ่งคำคือคำว่า เดาะ แปลว่า ดัน
3. Night of love / คืนแห่งความรัก
เพลงนี้ได้ โหน่ง-พิมพ์ลักษณ์ กมลเพชร มาช่วยร้องในหลายท่อนจนแทบทั้งเพลงของเพลงนี้ด้วย กล่าวถึงการพบกันของชายหนุ่ม (ที่อาจจะดูแก่และห่าม หากเทียบจากน้ำเสียงที่เพชรพยายามดัดให้ออกแร็ป) และหญิงสาววัยรุ่นในยามค่ำคืน ณ สถานบันเทิง ตามที่ทำนองเพลงได้ปูออกมาด้วยความเป็นดิสโก้ และได้สร้างคืนแห่งความรักด้วยกัน ด้านเนื้อเป็นเพลงที่มีภาษาสลวยและสร้างจินตนาการ(ที่ติดเรท น.18)ได้อย่างดี
4. Stubborn / หัวใจดื้อ
กล่าวถึงชายที่มั่นคงในรัก และดื้อจนไม่คิดจะมีใคร แม้จะเป็นรักข้างเดียวก็ตาม ยังคงความต่อเนื่องจากตัวทำนองจากยุค 80 แต่ถูกปรับให้เบาลง และเนื้อที่ติดหู พร้อมวิธีการร้องลากเสียงแบบขาดแล้วต่อ เช่น ไหม จะร้องเป็น หมะ+ไห ที่เป็นต้นฉบับ และตัวตนในน้ำเสียงของเพชรมาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว
5. No one / ไม่มีใคร...นอกจากฉัน
เพลงนี้แค่ขึ้นต้นมาทำให้นึกถึง boy band ต่างชาติในยุคก่อนขึ้นปี 2000 และมีผลพวงยาวนานในไทยเช่นงานเพลงของ Triumph kingdom หรือ boy band วงอื่นๆร่วมยุคอย่างมาก ด้วยเพลง synth pop จังหวะหนักหน่วง เติมเต็มด้วยเนื้อร้องกระแทกกระทั้น เป็นคำกล่าวประชดประชันถึงคนที่กำลังจะจากลาเพราะมีคนรักใหม่ ว่ายังไงคงไม่มีทางหาใครดีเท่าฉันได้อีก
6. Carry / อุ้ม
หลายคนให้การยอมรับว่าเพชรคือคนที่สามารถเล่าเรื่องผ่านเนื้อเพลงได้ชัดเจน และเพลงนี้ก็คืออีกตัวอย่างหนึ่งของเขา หลังจากที่เห็นภาพสถานบันเทิงที่เร่าร้อนในเพลงคืนแห่งความรักมาแล้ว เพลงอุ้มได้นำพาคนฟังไปยังดินแดนเหนือจินตนาการ คู่รักหลบหนีปีศาจไปยังที่ต่างๆ และสุดท้ายก็จบแบบ happy erotic ending เพลงนี้นอกจากมีสัญลักษณ์ให้คิดในเชิงเพศได้แล้ว ยังมีสัญลักษณ์เชิงเปรียบเปรยกับมนุษย์มากมาย เช่นปีศาจในมาดผู้ดี ที่โปรยเงินให้ ภาคดนตรีมีความเป็นอาหรับคลุ้งทั้งเพลง
7. I still love you so
เพลงเนื้อภาษาอังกฤษที่ดำเนินดนตรีด้วยเปียโน มีเครื่องสายและกลองโปรแกรมเป็นตัวช่วย มีเนื้อหาพรรณนาอย่างเศร้าสร้อยถึงขั้นฟูมฟายวอนขอไม่ให้เธอจากไป ถ้าหากจินตนาการภาพได้คงเหมือนคุณกำลังอยู่บนเวทีแสดงเปียโน และคนรักกำลังจะเดินออกจากที่นั่น คุณจึงร้องเพลงนี้พร้อมเล่นเปียโนเพื่อขอร้องเขาทั้งน้ำตา
8. Come with me / มากับฉันสิ
เพลงนี้ได้ขันเงิน เนื้อนวลจาก Thaitanium มาช่วยเพิ่มความสนุกสาน ด้วยเพลง hiphop ผสม R&B ที่ทันสมัยและนิยมในปัจจุบัน แอบแทรกเสียงร้องแบบอินเดียไว้ด้วย
9. Fill me / มาเติมความรัก
เพลงโปรโมทลำดับ 2 ของอัลบั้มนี้ เพลงนี้มีกลิ่นอาย R&B เจือปนในท่วงทำนองและเนื้อหาที่กล่าวถึงคนที่รอคอยและค้นหาคนที่จะเข้ามาเติมเต็มหัวใจ
10. Because / เพราะฉันและเธอ
เพลง pop ช้าๆ เศร้าๆด้วย piano และเสียงเครื่องสาย กล่าวถึงความสัมพันธ์ของคนยุคปัจจุบันที่ไม่ให้ความใส่ใจกันเท่าที่ควร จึงทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน
11. Flashback love / หนังรัก
ทำนองขึ้นมาทำให้นึกถึงเพลงเก่าๆในอดีตในยุคเรนโบว์ทันที แต่มีการผสมผสานกับเครื่องสังเคราะห์สมัย เพลงพูดถึงความรักเก่าที่จบด้วยการร้างลา เศร้าสร้อยอย่างหนังรัก


ทั้ง 11 เพลงในอัลบั้มนี้ได้กล่าวถึงความรักมากมายหลายรูปแบบ ทั้งสุข เศร้า เหงา ทั้งชายผู้ยึดมั่น ชายผู้ห่ามและเจนจัดในความรัก ที่แตกออกมาทั้งเนื้อหาและแนวเพลงที่ต่างกันออกไป แม้เนื้องเสียงของเพชรจะออกมาต่างจากเดิมไปบ้าง แต่แนวความคิด การนำเสนอยังไม่เปลี่ยนไปเลย เพชรยังคงเป็นผู้เล่าเรื่องที่ดี หลายเพลงสามารถนึกภาพตามได้อย่างชัดเจน หลายเพลงเสนอแง่มุมออกมาอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นมุมสุข มุมเศร้า หรือมุมลึกจนต่ำเกินช่วงสะดือ และด้วยดนตรีหลากหลายที่ยังคงเปิดหูคนฟังได้อยู่เหมือนเดิมทั้งแนวเพลงยุค 80 แนว electronic และแนวอื่นๆที่สอดแทรกมา
แม้ไม่อาจยืนยันได้ว่างานเพลงชุดนี้จะเป็นตำนานเท่าชุดก่อนหรือไม่ แต่ Let’s talk about love ก็เป็นงานเพลงชุดหนึ่งในปีนี้ที่ไม่ควรมองข้าม

เวลา 20 ปี อาจทำให้ผู้ชายคนที่กล่าวมาข้างต้นเปลี่ยนไปมากมายเพียงใด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน
คือ ความอิสระในความเป็นมนุษย์


Create Date : 17 มิถุนายน 2550
Last Update : 17 มิถุนายน 2550 23:50:36 น. 5 comments
Counter : 549 Pageviews.

 
ตอนแรกผมก็โหลดมาฟังไปเรื่อยเปื่อยตามประสา

แต่ฟังไปฟังมาผมเริ่มรู้สึกว่า "นี่มันไม่ใช่เพลงธรรมดาๆ แล้วนะ"

ผมจึงไปหาซื้อแผ่น Let's Talk About Love มาจาก ม. กรุงเทพ ในราคา 250 บาท เมื่อฟังแล้วรู้สึกได้ว่าระบบเสียงนั้นเยี่ยมยอดมาก ถือเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่มีคุณภาพมากที่สุดที่ผมซื้อมาในปีนี้เลยครับ


โดย: sir keano วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:1:52:22 น.  

 
พี่ออฟเขียนบทความเองไหมเนี่ย

สุดยอดไปเลย

ถ้าพี่เหนมาบอกผมด้วยนะว่าเขียนเองป่าวอะครับ


โดย: batistuta IP: 202.151.41.2 วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:12:55:41 น.  

 
เป็นอัลบั้มที่เปรี้ยวมาก


โดย: strawberry machine gun วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:19:29:40 น.  

 
เเขาอยู่ค่ายไหนหรอค่ะ อยากได้มาเป็นเสียงรอสายมากเลยโดยเฉพาะเพลง i stil love you so


โดย: lhin IP: 124.120.183.218 วันที่: 21 ตุลาคม 2550 เวลา:3:57:14 น.  

 
เป็นะรรมดาของบทความที่พี่แต่อะนะ มันก็ดีอะนะ
ตอนแรกก็อ่านไปก็งั้นๆๆอะนะ แต่พอมาอ่านต่อไปเลื่อยอะก็สนุกดีอะโดนมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยอะ
ก็ oK สุดยอดเลยอะ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นะ


โดย: ไม่บอกนะจ๊ะ IP: 118.174.110.34 วันที่: 13 เมษายน 2551 เวลา:20:22:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

-นักเลงเพลงสยาม-
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
17 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add -นักเลงเพลงสยาม-'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.