www.englishgang.bloggang.com ยินดีต้อนรับ ผู้สนใจในภาษาอังกฤษทุกๆท่าน ชอบ-ไม่ชอบติชมประการใด คอมเม้นท์อย่างสุภาพนะครับ
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
13 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
ทำอย่างไรให้เก่งภาษาอังกฤษ


คำถามที่ได้ยินบ่อยมาก จากปากของคนไทยเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ก็มักจะเป็น คำถามประมาณว่า "ทำอย่างไรถึงจะเก่งภาษาอังกฤษ" หรือ "มีวิธีลัดที่จะช่วยให้เก่งภาษาอังกฤษ" ได้ไม๊
สำหรับผมคำตอบก็คือ "ไม่มี" ไม่มีในที่นี้ไม่ได้หมายถึงไม่มีวิธี นะครับ แต่มันขึ้นอยู่กับ วิธีการ+ความสามารถ ของการเรียนรู้ และ ambition ของแต่ละคน บางคนขอแค่พอพูดได้สื่อสารได้ ก็พอใจ แต่บางคนอาจจะอยากที่จะเป็นถึงระดับ Mastery of language ก็มี และเวลากับทรัพยากร(หรือทรัพย์) ที่จะต้องทุ่มเท(devote) ลงไปก็แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดี ไม่ว่าคุณต้องการที่จะเก่งภาษาอังกฤษในระดับไหนก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เวลา และความตั้งใจทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น คำตอบของคำถาม ข้างต้น สำหรับผมจึงมีแค่ "keep on studying all the time"




แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ ทุกคนก็มีคำถามแบบนี้ในใจทั้งนั้นแหละ เพราะผมก็เคยสมัครเรียนภาษากับโรงเรียนสอนภาษามาเยอะ 10 กว่าปีมาแล้ว แต่ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมเฝ้าถามตัวเองตลอดว่าเมื่อไหร่จะเก่ง แต่ปัจจุบันหลังจากที่เราได้จัดตารางในการศึกษาภาษานอกเหนือจากเวลาทำงาน ผมก็ได้เกิดคำถามใหม่ในใจว่า อะไรคือ เก่งภาษาอังกฤษ เช่นการพูดแค่ไหน ถึงจะเก่ง สื่อสารได้ หรือต้องถูกไวยกรณ์100% หรือ Fluency คือสื่อสารได้ ไวยกรณ์ถูกต้อง และลื่นไหล แล้วการเขียนล่ะ สื่อสารได้ หรือถึงขั้นสามารถเขียนหรือดึงสำนวนสวยๆ เช่นที่เราเคยเห็นใน Textbook เล่มใหญ่ๆ หรือในจดหมายธุรกิจ ถ้าเราตั้งเป้า และพยายามเดินไล่ตามไป ในความคิดผมคือ "เหนื่อย"เพราะมันไกลมาก ต้องลองคิดเปรียบเทียบว่า มนุษย์ที่ไปเกิดในซีกโลกตะวันตก เขาใช้เวลาศึกษาภาษาพ่อภาษาแม่ของเขาเองนานเท่าไหร่กว่าจะไปถึงขั้น Mastery of language แล้วเราเป็นใคร อยู่ที่ไหน ใช้ภาษาของเขา วันละกี่ชม. "เหนื่อย" นะครับ แต่ผมมี ข้อเสนอแนะคือ ให้เปลี่ยนแนวความคิดใหม่ จากทำยังไงจึงจะเก่งภาษา มาเป็นวันนี้ชั้นจะเรียนรู้อะไรในภาษาอังกฤษ ตามที่กล่าวมาข้างต้นนั่นแหละ คือ keep on studying all the time และคิดอยู่เสมอว่า วันนี้จะเรียนอะไรดี และคิดแบบนี้ให้ได้ตลอด ความสำเร็จมันจะเกิดขึ้นต่อเนื่องตราบนานเท่าที่คุณยังคงคิดแบบนี้ไปได้เรื่อยๆน่ะครับ

Related topics
สาเหตุที่คนไทย...อ่อน อังกฤษ




Create Date : 13 สิงหาคม 2552
Last Update : 24 กันยายน 2555 13:04:54 น. 13 comments
Counter : 2121 Pageviews.

 
Thanks for your comment, really appreciate it.

It was my first time in China and I wish to visit US but still...

I think learning English is about understanding, just like maths or something like that. Anyone can get it then use it their own way.

till then


โดย: daisy (maydaisy ) วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:16:18:01 น.  

 
เข้ามานั่ง (อ่าน) หลังห้อง เงียบๆ

จะพยายาม จะพยายามค่ะ ไม่รู้ทำไมมันไม่จำ เฮ้อ...


โดย: คนสองภาค วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:19:16:40 น.  

 
ผมว่ามันไม่เหมือน คณิต ซะทีเดียวน่ะครับ ภาษามันไม่ใช่เรื่องของเหตุผล Logical mind แต่มันเป็นเรื่อง ความถนัดที่เกิดจากประสบการณ์ ไปครอบเรื่องของเหตุผล(Grammar) อีกทีนึงแล้วกลายเป็นภาษาอังกฤษน่ะครับ แล้วผมก็พบว่าถ้าฝึกฝนบ่อยๆ เราก็จะลืม Grammar ไปเลย ไม่ได้หมายถึงลืมเนื้อหาหรือความถูกต้อง Grammar น่ะครับ แต่หมายถึงว่า ประโยคที่เราพูดหรือเขียน นี่มันคืออะไร Tense ไหน มันออกมาเอง เหมือนฝรั่งบางคนที่ไม่ใช่ครูภาษาอังกฤษ ไปถามเขาทำไม ต้อง participle ทำไม participle ต้อง have + v3 เขาคงงงน่ะครับ อาจจะงงว่า เราถามอะไร หรือ ถามทำไม แล้วก็อาจจะคิดไม่ออกว่าจะตอบยังไง จะตอบแม่ชั้นสอนให้พูดอย่างงี้ตั้งแต่ชั้นจำความได้ดีหรือเปล่านะหรือยังไงดี เพราะฉะนั้นผมจึงบอกว่ามันเป็นเรื่องของการฝึกฝนครับ อย่าไปตั้งโจทย์ว่าเราจะเก่งเมื่อไหร่ เปลี่ยนความคิดใหม่ครับ จะฝึกอย่างไร จะเรียนอะไร จะทบทวนอะไร คิดทุกวัน ทำทุกวัน แล้วความสำเร็จจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง as long as you still do that.


โดย: Anglo วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:15:37:05 น.  

 
ออกจะเห็นด้วยกะ จขบ. ค่ะ คนสองภาคเป็นคนที่ไม่เอาดีด้านนี้เลยอะ ทุกวันนี้พูดได้บ้าง อ่านได้ แปลได้ แต่ให้เขียน ... เทียบได้กะอนุบาล หุ หุ


ขอบคุณที่ไปเยี่ยมค่ะ และขอบคุณเพิ่มขึ้นไปอีกที่แปลเป็นอังกฤษให้ด้วย จำเป็นประโยคเอาอะค่ะ

ขอบคุณค่ะ


โดย: คนสองภาค วันที่: 5 กันยายน 2552 เวลา:18:54:11 น.  

 
เก่งจังนะคะ เราไม่ได้เรื่องเลย พยายาม(นิดหน่อย)สุดท้ายก็ไม่เอาดีกว่า ชาตินี้ก็คงคุยกะฝรั่งไม่รู้เรื่องแน่ๆ (หัดตอนแก่นี้ยากจัง)อิอิ จะเข้ามาดูบ่อยๆเลยนะ


โดย: nunjoy วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:17:41:23 น.  

 
อ่ะอ่ะอ่ะ ผมก็หนุ่มตายละครับ แต่ก็ยังเรียนนะครับ เผอิญผมโชคดีหน่อยตรงที่ ถึงแม้ หุ่นไม่ให้ วัยไม่อำนวย แต่ยังมีตัวช่วย คือใจมันรัก เนี่ยละครับ แล้วยังมีตัวช่วยอื่นๆอีกเช่น โรงเรียนสอนภาษาเนี่ยเขามีการจัดการที่ดีไม๊ สร้างสถานที่สภาพแวดล้อมที่น่าสนใจไม๊เนี่ย สำคัญครับ เดี๋ยวนี้จะทำอะไรก็แล้วแต่จะได้ยินคำว่า "เครือข่าย" เยอะมาก คำนี้สำคัญครับ เครือข่ายมันมันก็คือ Social สังคมอย่างนึง ที่คนมารวมกันโดยมีจุดมุ่งหมายคล้ายๆกัน เหมือนอย่าง Bloggang ก็เป็นเครือข่ายเหมือนกัน และพวกเราก็เป็นคนรักภาษา ได้มาพบปะพูดคุยกันผ่านสื่อ ซึ่งถ้าโรงเรียนไหนสร้างสังคมอย่างนี้ขึ้นมาได้เนี่ย โรงเรียนจะประสบความสำเร็จก่อนเพื่อนเลย แล้วนักเรียนก็จะเป็นคนถัดไปที่ประสบความสำเร็จไปด้วย Win Win ด้วยกันครับ
ส่วนเรื่องความแก่เนี่ย Everyone can probably old or ill but never too old to learn ครับ


โดย: Anglo วันที่: 6 ตุลาคม 2552 เวลา:23:26:18 น.  

 
ขอบคุณครับที่แวะไปเยี่ยมเยียนกันพร้อมกับแง่คิดดี ๆ Holier than thou นี่เพลงของวง Metallica นะนี่เป็นชุดสุดท้ายที่ผมติดตามฟัง


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:21:13 น.  

 
มีกำลังใจในการฝึกภาษาขึ้นเป็นกองเลยค่ะ


โดย: minjung วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:17:45:45 น.  

 
ง่ะ เราก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วก็เซหลังไปอีกสิบก้าว


โดย: คนสองภาค วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:23:21:21 น.  

 
ในการเรียน จริงๆถ้าเรารู้ตัวว่าเราเซหลัง 1 ก้าว ก็ต้องนับเป็น 2 ก้าวครับ คนที่รู้ตัวว่าถอยหลังลงไป กับคนที่ถอยไปแบบไม่รู้ตัวต่างกันครับ คนรู้ตัวว่าถอยหลังไปจริงๆไม่ใด้ถอยครับ แต่คนๆนั้นได้เดินไปทั้งหมด 2 ก้าวแล้วแม้จะดูเหมือนหยุดอยู่กับที่แต่จริงๆ คือความชำนาญได้เพิ่มพูนขึ้น การถอยหลังอันนี้จึงเทียบได้กับการทบทวน
ต่างกับการถอยหลังที่เกิดจากการละเลยทอดทิ้งการเรียนการทบทวน นะครับ


โดย: Anglo วันที่: 11 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:19:23 น.  

 
ฝรั่งเขาก็พูดภาษาของเขาแบบที่พ่อแม่เขาสอนกันมา พูดด้วยทุกวัน ก็เหึม่ืนเราพูดภาษาไทย เราก็ไม่รู้เรื่องไวยากรณ์กันเท่่าไร เสียงสูงมีอะไร เสียงต่ำมีอะไรเวลาพูดจรืงๆ ไม่มีใครมัวแต่นึกหรอกจริงไหมคะ ก็พูดไป เดี๋ยวก็ออกมาเอง อย่ากลัวผิด จะมีคนช่วยแก้ไขให้เองแหละค่ะ ก็จดจำไว้ว่าพูดให้ถูกอย่าวเจ้าของภาษาเขาพูดอย่างไง เราก็พูดตามเขาไป เดี๋ยวก็เก่งเองแหละค่ะ

สมัยเรียน เวลาสอบเลข ครูที่โน่นยังต้องมาช่วยอธิบายโจทย์เลขให้ฟังเลย เพราะเราไม่เข้าใจ ก็ทำไม่ได้ พอเขาอธิบายให้เข้าใจว่าโจทย์เขาต้องการอะไร เราก็ทำได้

จะมีคนที่รู้เข้ามาช่วยแก้ไขให้เองแหละค่ะ ขอให้รู้จักถามแล้วกัน
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ตัวเองก็ไม่ได้แตกฉานอะไร แค่อ่าน เขียน และคุยพอรู้เรื่องเท่านั้นเอง เอาตัวรอดก็ OK แล้วค่ะ ถ้าไม่คิดเป็นครูสอนภาษา

ภาษาเราเอง เรายังไม่เลอเลิศเลย




โดย: ธารน้อย วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:2:58:35 น.  

 


โดย: onceuponintime (sinbkk ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:17:35:01 น.  

 
คุณ ธารน้อย ผมก็ประมาณนั้นแหละครับ คุณธารน้อย เมื่อก่อนตอนที่เราเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพูด อ่าน เขียน ฟัง เราจะจับใจความได้น้อย ต้องเปิดพจนานุกรมมาก ...แต่ยิ่งฝึกฝนยิ่งเรียนรู้ ก็จะค่อยเปลี่ยนเป็น จับใจความได้มากขึ้น เปิดพจนานุกรม น้อยลงๆ เรื่อยๆ สำคัญคือเราต้องเรียนๆๆๆและเรียน อย่าหยุดยั้งอย่าท้อถอย และอย่าคิดว่าแก่เกินไปครับ


โดย: Anglo วันที่: 30 ธันวาคม 2554 เวลา:12:26:19 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Anglo
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





free counters
Search blogs
Friends' blogs
[Add Anglo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.