Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2554
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
1 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 

พวงวิวาห์ (พวงแก้วมณี) : การวิวาห์ของซินเดอเรลล่า





อากาศช่วงนี้เป็นที่พอใจจริงๆเลยครับ กลางวันแดดออก กลางคืนฝนตก ให้มันได้อย่างนี้สิ ไอ้แบบฝนตกตอนเช้ากับตอนเลิกงานนะไม่ไหว เสียแค่ร้อนตับแตกเท่านั้นหล่ะ ก็คงชินๆกันแล้วมั้ง

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลายๆคนอาจกำลังฝันหวานถึงความรักแบบเทพนิยายที่ปรากฏออกมาเป็นภาพจริงให้ได้สัมผัสกัน สำหรับวันงานพิธีเษกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลี่ยม กับ เคท มิดเดิลตัน ซึ่งดูว่าจะมีผู้คนทั่วโลกเฝ้าชมกันมากกว่าบอลโลกเสียอีก แค่คนไทยก็เห็นเปิดดูกันทุกบ้าน ถ่ายทอดสดกันหลายช่องเหมือนมีงานสำคัญของชาติประมาณนั้น เพื่อสานต่อภาพฝัน ก็เลยเอาพวงวิวาห์ที่บ้านมาให้ชมกันครับ



พวงวิวาห์ หรือ พวงแก้วมณี มีชื่อวิทยาศาตร์ว่า Clematis terniflora DC. อยู่ในวงศ์ Ranunculaceae ก็วงศ์เดียวกันกับพวงแก้วกุดั่นกับรักในสายหมอกที่หลายคนคลั่งไคร้กันนะครับ เป็นไม้เลื้อยดอกสีขาวงาช้างสะอาดตา งดงามเหมือนชุดวิวาห์ของเคท มิดเดิลตัน (ว่าไปนั่น) เป็นพันธุ์ไม้นำเข้าที่มาแพร่หลายในเมืองไทยเมื่อไม่กี่ปีมานี้นี่เอง เป็นพันธุ์ไม้ดั้งเดิมของประเทศนิวซีแลนด์ สามารถปลูกงอกงามในสภาพอากาศร้อนๆแบบบ้านเราได้เป็นอย่างดี



พวงวิวาห์ ออกดอกทั้งปี แต่จะให้ดอกดกมากที่สุดก็ช่วงหน้าหนาว กับปลายฤดูร้อนนี่หล่ะครับ ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ แต่เสน่ห์สูงสุดของพรรณไม้ชนิดนี้คือ ดอกที่ดกมาก เวลาออกดอกขาวพราวไปทั้งเถา หากปลูกเป็นซุ้มจะสวยสดงดงามมากๆ ยังแอบคิดเลยว่า งานแต่งงานของใครถ้ามีซุ้มพวงวิวาห์อยู่ด้วย จะเข้ากันได้ขนาดไหน



การปลูกและดูแลรักษาไม่ยากอะไรเลยครับ ก็อย่าให้ขาดแดดขาดน้ำละกัน แค่นี้ดอกตรึมแล้ว การขยายพันธุ์ใช้เมล็ด ต้นนี้จำได้ว่าคนที่แจกเมล็ดในเน็ตเป็นคนแรกก็ป้าน้อย น้ำค้างรุ่งอรุณ ซึ่งตอนเอาภาพมาเผยแพร่ครั้งแรกรู้สึกว่าคนจะฮือฮากันมาก กับความงามของพวงวิวาห์



กลับมาที่งานวิวาห์เทพนิยายบันลือโลกกันบ้างนะครับ เพราะที่ว่างๆไม่รู้จะเขียนอะไร ข้อมูลพวงวิวาห์น้อยนิดเหลือเกิน เพราะดูแลง่ายไม่ยุ่งยากอะไร

จริงๆเรื่องของเจ้านายอังกฤษ ก็ไม่น่าจะอะไรนักหนาหรอกนะ แต่ทำไมกันผู้คนทั่วโลกจึงให้ความสนใจ ถ้าจะให้ผมวิเคราะห์ ก็คงจะมาจากสามสาเหตุใหญ่ๆ ข้อแรกเพราะราชวงศ์คือชิ้นส่วนของอดีตคือเทพนิยายมีชีวิตที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ราชวงศ์จึงเป็นจุดเชื่อมระหว่างความหวังและความฝันในใจของผู้คนกับความโลกแห่งความเป็นจริง และนั่นเองกระมังที่ทำให้สถาบันกษัตริย์ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง ในโลกที่ไม่ยอมรับบทบาทการปกครองแบบกษัตริย์อีกต่อไปแล้ว



ประการที่สอง เพราะอังกฤษนั้นเคยเป็นมหาอำนาจของโลก ดินแดนอาณานิคมของอังกฤษยุควิตอเรียนั้นกว้างไหญ่ทั่วโลก จนอังกฤษได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่พระอาอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เพราะไม่ว่าแสงอาทิตย์จะสาดส่องไปยังมุมใดของโลก ที่นั่นจะมีแผ่นดินของอังกฤษอยู่ และถึงแม้วันนี้อังกฤษจะหลงเหลือเพียงดินแดนเกาะเล็กๆอันห่างไกล แต่ก็ยังมีประเทศเครือจักรภพอังกฤษ (The British Commonwealth of Nations) คืออดีตอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่งหลายๆประเทศยังให้กษัตริย์อังกฤษเป็นประมุขของประเทศตนเองด้วย อย่างแคนาดา ออสเตรเลีย นั่นทำให้ผู้คนมากมายในโลกยังคงให้ความสนใจต่อราชวงศ์อังกฤษ



ประการสุดท้ายที่ผมคิดก็คงเป็นเพราะสื่อ ความเป็นซุปเปอร์สตราร์ของราชวงศ์นี้ ทำให้ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ บุคคลในราชวงศ์ปรากฏในสื่อต่างๆมากมายไม่ต่างจากดาราดังระดับโลกคนหนึ่ง และยิ่งกว่ายิ่งกว่ามากมาย กับดาราเรายังสนใจติดตาม แล้วประสาอะไรกับบุคคลที่ดังยิ่งกว่าดารา โดยเฉพาะเจ้าชายวิลเลี่ยม ซึ่งพระมารดาก็ดังระเบิดเสียเหลือเกิน พระองค์ก็ปรากฏตัวในสื่อตั้งแต่แบเบาะ อยู่ในสายตาผู้คนทั่วโลกตั้งแต่เล็กๆจนเป็นหนุ่ม ซึ่งบางคนบอกว่าเหมือนลูกเหมือนหลานเพราะเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จะมาห่างหายจากสื่อไปบ้างก็หลังจากการตายของเจ้าหญิงไดอาน่าที่เกิดจากการติดตามทำข่าวของปาปารัชชี่ จนอังกฤษออกกฏหมายควบคุมการทำข่าวส่วนบุคคล ภาพข่าวต่างๆที่เรียกว่าออกมาแทบจะทุกอาริยาบทจึงหายไป



ความรักเทพยิยายครั้งนี้ของเจ้าชายเจ้ากับหญิงสามัญชน กลายเป็นที่จับตาของโลกอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะล่มเหมือนความรักของพระราชบิดากับเจ้าเรดี้ไดอาน่าอีกรึเปล่า ก็คงต้องรอดูกันต่อไป แต่แนวโน้มอาจจะยั่งยืนเพราะว่า ทั้งคู่เคยทดลองอยู่ด้วยกันมาก่อนแล้วก่อนแต่งาน ไม่เหมือนสมัยเลดี้ไดที่เจอกันก็แต่งกันเลย แต่งทั้งที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ก็มีคนรักอยู่แล้วคือนางคาเมล่า แล้วจะแต่งกันทำไม นั่นสิครับแต่งกันทำไม เรามามองการแต่งงานของจ้าวในมุมทางรัฐศาสตร์กันดูบ้างนะครับ



ปกติแล้วเจ้านายก็มักจะแต่งงานกับเจ้านายด้วยกัน และเหตุของการแต่งงานนั้นไม่เหมือนกับคนทั่วๆไปแบบเรา ถ้าจะดูง่ายๆก็ดูจากละครเกาหลีชอนชูและอีกหลายๆเรื่องดูนะครับ ประมาณนั้นหล่ะ เนื่องจากเจ้านายเกี่ยวข้องกับอำนาจทางการเมืองโดยตรง การแต่งงานจึงต้องโยงใยกับอำนาจและผลประโยชน์มากพอสมควร น้อยนักที่จะแต่งกันเพราะรัก ผมเพิ่งเขียนเรื่องการเสกสมรสกับสนมมากมายในสมัยรัชการที่ 5 มาแล้วว่าเกี่ยวข้องกับความพยายามรวบอำนาจการปกครองอย่างไร การแต่งงานนั้นมักเพื่อการรวมอำนาจ ซึ่งมาจากสองส่วนคือเจ้านายพยายามหาแนวร่วมของอำนาจ ก็จะแต่งกับบุตรของแนวร่วม หรือผู้มีอำนาจเหนือเจ้านายหรือกษัตริย์บีบให้เจ้านายรับคนของตนเองไปเป็นคู่สมรสเสียเอง เพื่อให้สตรีนั้น หรือบุตรที่เกิดกับสตรีนั้นครองอำนาจเสียเอง เหตุนี้เกิดขึ้นบ่อยๆจนบางยุคบางสมัยได้ชื่อว่าสตรีครองอำนาจทางการเมืองก็บ่อย และเหตุนี้เองทำให้กฏมณเทียรบาลของหลายๆรัฐโบราณ กำหนดไม่ให้สตรียุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะสตรีในการเมืองนั้น มักเป็นกลไกลของเกมส์แห่งอำนาจเสมอ และสุดท้ายมักนำพาบ้านเมืองสู่หายนะ ทำไมนะหรอครับ ไม่ใช่เพราะผู้หญิงไม่เก่งเรื่องการปกครอง แต่เพราะว่าผู้หญิงในฐานะตัวแทนแห่งอำนาจการปกครองแท้จริงของขุนนางต้นตระกูล ที่แอบแฝงมาแต่งงานกับกษัตริย์เพื่อใช้อำนาจนั้นอย่างแท้จริง แต่ถึงจะมีอำนาจทางการเมืองแท้จริง แต่ทว่าไม่ใช่เป็นผู้มีหน้าที่ปกครอง



เข้าใจนะครับ ระหว่างผู้มีหน้าที่ปกครอง กับผู้มีอำนาจ เหมือนในระครซอนต็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน นะหล่ะ คือกษัตริย์มีหน้าที่ปกครอง แต่มีเซียมกุมอำนาจ และถึงมีเซียมจะเก่งกาจฉลาดเฉลียวกว่ากษัตริย์เพียงใด แต่มีเซียมก็เป็นตัวถ่วงความเจริญของแผ่นดินวันยังค่ำ เพราะว่าเธอไม่ได้มีหน้าที่ปกครอง เธอจึงไม่ต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมือง แต่พระราชาเป็นผู้มีหน้าที่ปกครอง ความไม่ต้องรับผิดชอบต่อนโยบายการปกครองนี่เอง ทำให้ผู้กุมอำนาจหลังม่านการปกครองมักกลายเป็นคนที่เห็นเพียงประโยชน์ของตนเท่านั้น ในขณะเดียวกันพระราชาที่มีหน้าที่ก็ขาดอำนาจ จึงไม่อาจวางนโยบายเพื่อการพัฒนาประเทศได้ เพราะนโยบายต่างๆที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง มันต้องขัดผลประโยชน์ของกลุ่มอำนาจใดกลุ่มอำนาจหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมกลุ่มของมีเซียมไว้ด้วย เพราะการที่จะมีอำนาจของคนพวกนี้ได้นั้น จำเป็นต้องหาการสนับสนุนจากกลุ่มอำนาจต่างๆ และนั่นหมายถึงต้องรักษาผลประโยชน์ของผู้สนันสนุนเอาไว้ การปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มอำนาจต่างๆเอาไว้นี่เอง ทำให้ผลประโยชน์ไม่ตกแก่ประชาชน ประเทศจึงไม่พัฒนา และนั่นทำให้รัฐโบราณมากมายกำหนดห้ามสตรียุ่งการเมืองอย่างเคร่งครัด แต่ก็หนีไม่พ้นอยู่ดี รวมถึงประเทศไทยในวันนี้ด้วย ลักษณะของความด้อยพัฒนาเรื้อรังของประเทศไทย ก็เกิดจากระบบอำนาจที่ผู้ปกครองไม่มีอำนาจ ผู้มีอำนาจไม่ได้ปกครองนี่หล่ะ และก็เป็นเหตุของความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันด้วย



แล้วปรากฏการเทพนิยายซินเดอเรลล่าของเจ้าชายกับสามัญชนนี่หล่ะ มันเกิดได้อย่างไร ก็แบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนที่เกิดจากความพ่ายแพ้ต่ออำนาจแห่งความรัก ซึ่งใครที่เคยเป็นแบบนั้น (ผมละคนหนึ่ง) จะทราบดีว่าอำนาจแห่งรักนั้นมีมากกว่าเหตุผลทั้งหลายทั้งปวง เหมือนที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 สละราชสมบัติเพื่อแต่งงานกับวอลลิซ ซิมสัน หญิงม่ายลูกติดชาวอเมริกัน ซึ่งแก่ก็แก่ สวยก็ไม่สวย แต่ความรักไร้เหตุผลเสมอครับ อย่าไปหาเหตุผลจากความรักเลย

อีกส่วนก็เกิดจากเหตุผลทางการเมืองเฉกเช่นเดิม เจ้านายที่แต่งงานกับลูกหลานของบุคคลที่ไร้อำนาจสนับสนุนทางการเมือง หรืออำนาจบีบบังคับให้ต้องแต่งงานนั้น บางส่วนเกิดจากความพยายามบางอย่างเพื่อหวังผลทางการเมือง จากหลายเหตุผลด้วยกัน เจ้านายบางคนที่เป็นหนึ่งในตัวเลือกการขึ้นครองอำนาจทางการเมือง แต่ต้องการสื่อให้เห็นว่าตนเองนั้นหลีกทางให้ และไม่แสวงอำนาจนั้น ก็มักแต่งงานกับหญิงสามัญเสียเพื่อประกาศตัวให้ชัดเจน บ้านเราก็มีนะลองไปหาข้อมูลดูไกล้ๆนี่หล่ะ แต่บ้านเรานิยมการบวชหนีตายท่ามกลางการแข่งขันทางอำนาจมากกว่า อันนี่้ก็ไปหาข้อมูลดูว่ามีกษัตริย์ไทยพระองค์ไหนบ้างที่สงวนตนด้วยการบวชเป็นระยะเวลานานเพื่อรักษาตนให้พ้นภัย ในละคนชอนชูก็ส่งหลานชายไปบวชเพราะเป็นผู้มีสิทธิในราชบังลังเพราะพระราชชาไม่มีผู้สืบทายาท ซึ่งตามประวัติศาสตร์ว่าพระองค์สมสู่แต่กับบุรุษด้วยกัน เลยไม่มีทายาท



กรณีเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับเลดี้ไดอาน่านั้น ผู้เชี่ยวชาญการเมืองหลายๆท่าน ก็ลงความเห็นว่าเป็นการแต่งงานการเมืองด้วยเช่นกัน เพราะดูเหมือนว่ามิได้เกิดจากความรัก การคบหาเพียงระยะสั้นๆคงอธิบายอะไรไม่ได้มากนักในเรื่องความรัก แล้วทำไมถ้าเป็นการแต่งทางการเมืองจึงเลือกสามัญชน ทั้งๆที่เจ้าชายก็เป็นมกุฏราชกุมารซึ่งได้ครองราชแน่ๆอยู่แล้วไม่ต้องแสดงเจตจำนงค์หลีกทางให้ใคร คำตอบคงเป็นเรื่องการปรับตัวของราชวงศ์อังกฤษเพื่อรักษาปฏิสัมพันธ์กับประชาชนเอาไว้ เรียกง่ายๆก็คือเอาใจประชาชน ซึ้งกลายเป็นสิ่งจำเป็นของกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยไปเสียแล้ว เพราะหลายๆประเทศที่พัฒนาแล้ว ได้ถอดถอนอำนาจของระบอบกษัตริย์ลงเพื่อเปิดทางให้การพัฒนาประเทศ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าการปกครองโดยตัวบุคคลภายใต้ระบบการสืบสันตติวงศ์เป็นการถ่วงการพัฒนาประเทศ เพราะเราไม่สามารถเลือกบุคคลที่เหมาะสมได้ และไม่อาจถอดถอนบุคคลนั้นได้ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อประชาชนยังต้องการตัวเชื่อระหว่างโลกปัจจุบันกับความฝัน จึงต้องรักษาราชวงศ์เอาไว้ แต่เมื่อราชวงศ์ไม่จำเป็นต้องแสวงหาอำนาจทางการเมืองอีกต่อไป สิ่งที่จำเป็นเพียงประการเดียวก็คือการแสวงหาความนิยมจากประชาชน และการสร้างเทพนิยายให้ประชาชนได้ติดตามจึงเป็นหนทางหนึ่งในการสร้างความนิยมชมชอบต่อราชวงศ์



นางซินเดอเรลล่าจึงเป็นตัวเชื่อมระหว่างประชาชนกับราชวงศ์ ให้ประชาชนรู้สึกว่าเขาสามารถสัมผัสกับตำนานแห่งความหวังและความฝันในจินตนาการได้ เลดี้ไดอาน่าที่ก้าวขึ้นเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลล์ จึงกลายเป็นตัวละครในเทพนิยายที่ผู้คนทั้งโลกติดตาม เธอเป็นตัวละครที่เลือกสรรมาแล้วว่าสวยงามเหมาะสมกับบทบาทนี้ แต่ปัญหาคือ คนจริงๆไม่อาจเชิดได้เหมือนหุ่นกระบอก แทนที่เธอจะเข้ามาเพื่อเสริมบทบาทของราชวงศ์ เธอกับสร้างบทบาทของเธอเอง จนโดดเด่นแย่งซีนใครต่อใครไปหมด ผู้คนทั่วโลกติดตามเธอ และลูกๆของเธอ และหลงลืมคนในราชวงศ์อื่นๆ และแม้เธอต้องอย่าขาดจากเจ้าชาย กลับไปเป็นสามัญชน เธอก็ยังเป็นดาวเด่นที่ผู้คนยังสนใจติดตาม จนสุดท้ายนำมาซึ่งความตายของเธอ



เรื่องราวของซินเดอเรลล่าที่ชื่อเลดี้ไดอาน่า ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องสะเทือนต่อความคงอยู่ของราชวงศ์อังกฤษ ที่ยืนอยู่ได้ด้วยความปราถนาของประชาชน แต่ตรงกันข้าม เรื่องดังกล่าวกลับสร้างความแข็งแกร็งให้กับราชวงศ์มากขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงย่อมก่อให้เกิดการปรับตัวเสมอ สามัญชนคนนี้เข้าไปทำลายกรอบที่กีดกั้นระหว่างคนธรรมดากับเทพนิยายมีชีวิตลง ในขณะที่คนในราชวงศ์ไม่สัมผัสสามัญชนด้วยมื่อเปล่า (ต้องสวมถุงมือก่อน) แต่เลดี้สวมกอดผู้ป่วยโรคร้ายด้วยมือเปล่าอย่างไม่รังเกียจ และเรื่องราวแหวกประเพณีต่างๆอีกมากมายที่เธอทำ ที่ราชวงศ์เก่าแก่ไม่ชอบ แต่ประชาชนชอบ ถึงวันนี้สิ่งต่างๆที่เธอทำกลายเป็นสิ่งที่ราชวงศ์ลอกเรียนแบบ ขนบประเพณีต่างๆถูกงดเว้นปละปรับเปลี่ยน เพื่อให้ราชวงศ์เป็นที่นิยมเหมือนที่เลดี้ได้รับความนิยม



จนวันนี้ในงานพิธีเษกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลี่ยม กับ เคท มิดเดิลตัน ผู้คนสองแสนกว่าคนที่แห่มาร่วมงาน และผู้คนกว่าสองพันล้านคนทั่วโลกที่ร่วมติดตามการถ่ายทอด และผลการลงประชามติของประเทศในเครือจักรภาพที่จะยังคงให้กษัตริย์อังกฤษเป็นประมุขของประเทศตนเองต่อไป คงเป็นสิ่งยืนยันว่าราชวงศ์เก่าแก่นี้จะยังคงอยู่ต่อไป

ทั้งๆที่ก่อนหน้าราชวงศ์นี้ได้รับการวิภาควิจารณ์อย่างหนัก และคำตอบอยู่ที่การปรับตัวครับ การจะหลีกหนีต่อความเสื่อม จำเป็นต้องปรับตัว และการจะปรับตัวได้นั้น ต้องเริ่มจากการเปิดทางให้เกิดการวิภาควิจารณ์ เพราะถ้าปิดทางนี้เสีย ราชวงศ์ก็จะอยู่กับคำสรรเสริญเยินยอโกหกตอแหล การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่าเหมาะสมกว่าก็จะไม่เกิดขึ้น

เหมือนที่เกิดขึ้นกับผู้นำเผด็จการของประเทศในตะวันออกกลางในตอนนี้ ซึ่งปิดทางประชาชนในการวิภาควิจารณ์ตนเสียสิ้น และในทางรัฐศาสตร์แล้วสิ่งเหล่านี่้จะก่อให้เกิดแรงกดดันทางการเมือง รอวันประทุ และวันนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าหลักทางรัฐศาสตร์เป็นจริง

ผมคงไม่เขียนถึงเมืองไทย แต่อยากให้ทุกคนที่รักในราชวงศ์ไทยได้ตั้งคำถามกับตนเองว่า "เราจะทำอย่างไรเพื่อรักษาสถาบันเอาไว้" การปิดกั้นไม่ให้แสดงความคิดเห็นต่อสถาบันนั้น เป็นการส่งเสริมความสง่างามของสถาบัน หรือทำลายโอกาสในการปรับตัวเพื่อความคงอยู่ของสถาบันไป

และสุดท้ายก็หวังว่า ความรักและการแต่งงานของเจ้าชายวิลเลี่ยมคงเป็นเรื่องที่เกิดจากความรัก มิใช่การเมือง และก็มีแนวโน้มเช่นนั้นนะครับ และหากคู่นี้ไปกันรอด ก็คงเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการใช้เวลาศึกษาคนที่จะมาใช้ชีวิตร่วมกันกับเรา ให้ใช้เวลาศึกษากันนานๆเหมือนคู่นี้ เพราะการประคับประคองให้คนสองคนอยู่ร่วมกันได้ยาวนานนั้น ยากยิ่งกว่าการทำให้คนรักกันมากมายนัก และการแต่งงานไม่ใช่ตอนจบของเทพยิยาย แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นเอง








 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2554
22 comments
Last Update : 1 พฤษภาคม 2554 12:26:47 น.
Counter : 1520 Pageviews.

 

สวยอะ สวยมาก อยากได้จัง

 

โดย: ตะวันเจ้าเอย 1 พฤษภาคม 2554 15:21:57 น.  

 

พวงวิวาหรอ ถ้าติดเม็ดขอบ้างนะ เดี่ญวเราส่งที่อยู่ไปให้หลังไมด์ถ้ามันติดเม็ดนะถึงจะส่งไปให้ อิอิ เอาจริงนะไม่ใช่พูดหยอก อยากได้จริง สวย

 

โดย: ตะวันเจ้าเอย 1 พฤษภาคม 2554 15:47:55 น.  

 

ความจริงที่อยู่คุณมินแม่มี แต่ไม่แน่ใจว่ายังใช้อันเดิมรึเปล่าค่ะ

แล้วแม่จะไปจิ๊กของน้องชายมาให้นะคะ

คอยรับแล้วกัน อาจจะขอแลกกับกล้วยไม้นะคะ

น้องชายเขาก็เล่นกล้วยไม้บ้างนิดหน่อย เผื่อๆค่ะ อาจจะได้เฟิร์นหลายอย่างหน่อยเผื่อว่าแลกกันค่ะ

ถ้าไปจิ๊กเขาหลายต้นเกินไปเกรงใจเขาเพราะเขาทำขายอยู่ค่ะ น้องชายไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ แม่เกรงใจไปเอง แต่ที่แน่ๆจะจิ๊กมาให้ซักสองอย่างก่อนค่ะ

 

โดย: ซองขาวเบอร์ 9 1 พฤษภาคม 2554 16:04:50 น.  

 

สวยจริง ๆ ค่ะ

เคยได้เมล็ดมาเพาะ แต่ไม่งอกเลยค่ะ

 

โดย: หนูเมเปิล 1 พฤษภาคม 2554 16:13:12 น.  

 

ดอกไม้สวย เพลงก็เพราะ เพลินเลยค่ะ

 

โดย: นอบิเล่ย์ 1 พฤษภาคม 2554 17:19:08 น.  

 

สวยมากมายใจละลายเลยค่ะ เป็นหนึ่งในไม้ดอกในดวงใจที่ต้องเสาะหามาปลูกให้ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะรูปสวยมากๆค่ะ

 

โดย: พุดตาน IP: 115.87.179.42 1 พฤษภาคม 2554 18:06:05 น.  

 

ดอกสวยจังค่ะ ถ้าอยู่รวมกันเยอะ ๆ คงสวยมากมาย
หน้าตาคล้าย ๆ พวงแก้วกุดั่น เหมือนกันนะคะ

อ่านเรื่อง ดอกพวงแก้วกุดั่น ที่บล็อกได้ที่นี่ค่ะ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=fasaiwonmai&month=26-11-2010&group=2&gblog=12

ปล. ภาพสวยมากค่ะ

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 1 พฤษภาคม 2554 19:01:51 น.  

 

พวงแก้วมณีสวยดีนะครับ เป็นไม้อีกต้นที่เห็นขายมาตั้งแต่เด็กๆเลย แต่ก็ไม่เคยเอาเข้าบ้านมาลองปลูกซักกะที

พูดเรื่องแต่งงาน ถามเพื่อนที่นี่ว่าดูกันทำไม เค้าก็บอก เพราะมันไม่มีอะไรจะดู จริงๆเค้าก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกันมากขนาดนั้นนะพี่ แถมการแต่งงานยังดูจืดๆชืดๆอีกต่างหาก

ดูแลสุขภาพด้วยนะครับพี่ ขอบคุณสำหรับเพลงเพราะๆอีกครั้งครับ

 

โดย: Fiyero_Akitia IP: 202.171.168.100 1 พฤษภาคม 2554 19:36:20 น.  

 

เพลงเพราะครับ ผมออกขวดมัจฉาเหลือง x ม่อนไข่เหลี่ยมไว้ครับเดี๋ยวโตอีกสักหน่อยแ้ล้วจะส่งไปให้เลี้ยงครับ

 

โดย: Patteera 1 พฤษภาคม 2554 19:51:19 น.  

 

ชื่อ พวงวิวาห์.. โรแมนติกจังเนอะ

อ่านเนื้อหาในบล๊อกแล้ว
นึกว่าเข้ามาห้องราชดำเนินซะอีก..

 

โดย: VELEZ 1 พฤษภาคม 2554 20:54:58 น.  

 

เข้าบล็อควันนี้แล้วชักอยากแต่งงานแฮะ ทั้งเพลงทั้งดอกไม้ เข้ากั๊นเข้ากัน

.....เพราะการประคับประคองให้คนสองคนอยู่ร่วมกันได้ยาวนานนั้น ยากยิ่งกว่าการทำให้คนรักกันมากมายนัก และการแต่งงานไม่ใช่ตอนจบของเทพนิยาย แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นเอง.....ใช่เลยล่ะมิน

 

โดย: coji 1 พฤษภาคม 2554 21:50:59 น.  

 

ไม่ว่าจะเรียกอะไร...พวงวิวาห์ หรือ พวงแก้วมณี ก็ชื่อน่ารักทั้งคู่เลย...สาวๆควรนำไปปลูกที่บ้านเยอะๆเลยนะนี่ อิ อิ

 

โดย: พายุสุริยะ 1 พฤษภาคม 2554 21:54:40 น.  

 

แวะมาทักทายบ่ายวันหยุด
เพลงเพราะมากค่ะ

 

โดย: หนูเมเปิล 2 พฤษภาคม 2554 14:20:23 น.  

 

-ตั้งใจเขียนผูกเรื่องราวน่าสนใจ
และถ่ายภาพได้ดีจริงค่ะ

-ภาพดอกไม้สวยประกอบเพลงน่ารักอีก
ไม่เคยเห็นต้นจริงสักที
เดาว่าไม่มีกลิ่นหอม
เพราะดอกไม้สีขาวที่อมตะมักเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม

 

โดย: mcayenne94 2 พฤษภาคม 2554 20:33:48 น.  

 

คล้ายกับ เอื้องผึ้งเหมือนกันนะครับ...อิ...อิ

 

โดย: พายุสุริยะ 2 พฤษภาคม 2554 22:34:36 น.  

 


พวงวิวาห์ สวยจัง

 

โดย: newyorknurse (newyorknurse ) 3 พฤษภาคม 2554 0:50:52 น.  

 


สวยสะอาดสมชื่อจริงๆค่ะ คุณมิน

อยากปลูกเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะไปไว้ตรงไหนอ่ะ
ฝากคุณมินเลี้ยงให้ชมก่อนแล้วกัน นะคะ อิอิ

รักษาสุขภาพมากๆด้วยค่ะ

 

โดย: lastmoon 3 พฤษภาคม 2554 14:56:22 น.  

 

เคยได้ยินแต่ชื่อ เพิ่งจะเคยเห็นนี่แหละ
สวยมากมาย ยิ่งสีขาวยิ่งถูกใจ ยิ่งหอมยิ่งชอบ ^ ^

 

โดย: ดอกแก้ว (tanH2O ) 3 พฤษภาคม 2554 16:18:36 น.  

 

ดอกไม้น่ารักจังเลยค่ะ ทั้งชื่อ ทั้งหน้าตา ยิ่งสีขาวแบบนี้ ดูแล้วสบายตาสบายใจจริงๆ เลย^^

 

โดย: namfaseefoon 3 พฤษภาคม 2554 20:07:28 น.  

 

ได้เห็นทั้งต้นน่าจะน่ารักเต็มต้นรึป่าว

 

โดย: mutcha_nu 3 พฤษภาคม 2554 22:06:23 น.  

 

ชื่อกิ๊บเก๋ แถมดอกก็ให้อารมภ์ สีขาว ๆ บริสุทธ์
แอบนึกไปถึงงานวิวาท เย้อออ งานวิวาห์สวยหรู
ชื่อเป็นมงคลแบบนี้ น่าเอามาแซมที่มวยผมเจ้าสาว
เห็นใช้แต่ดอกยิบโซ่ และคัทลียาสีขาว น่าเบื่อคะ
ต่อไปน่าเอาดอกนี้มาใช้กับงานวิวาห์น๊ะ จะได้สมชื่อ
ดอกไม้ก็วยงามอยู่แล๊น ได้สีมือการถ่ายภาพ
ที่ไม่ธรรมดาอีก ทำให้ดอกไม้ดูดี มีสกุลมากคะ

 

โดย: บ่งบ๊ง 4 พฤษภาคม 2554 11:10:19 น.  

 

แฮ่.....


ลืมราคา ไปแล้วครับ ทำไงดี

 

โดย: หนอนตะไคร้ 13 พฤษภาคม 2554 19:19:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


endless man
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




Friends' blogs
[Add endless man's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.