Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
28 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 

Kiss in the box

The story goes that some time ago, a man punished his 3-year-old daughter for wasting a roll of gold wrapping paper. Money was tight and he became infurated when the child tried to decorate a box with the paper.

เรื่องมีอยู่ว่า ชายคนหนึ่งลงโทษลูกสาววัย 3 ขวบเพราะว่าเธอเอาม้วนกระดาษห่อของสีทองไปใช้ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เงินทองหามาได้ยากนัก ยิ่งเขาเห็นลูกสาวพยายามตกแต่งกล่องใบหนึ่งด้วยกระดาษนั่น เขาก็ยิ่งโกรธ

Nevertheless, the little girl brought the gift to her father the next morning and said,”This is for you, Daddy.” He was embarrassed by his earlier overreaction, but his anger flared again when he found the box was empty. He yelled at her,”Don’t you know when you give someone a present, there’s supposed to be something inside it?” The little girl looked up at him with tears in her eyes and said, “Oh! Daddy. It’s not empty, I blew kisses into the box. All for you, Daddy.” The father was crushed. He put his arms around his little girl, and he begged for her forgiveness.

แม้ว่าจะถูกลงโทษ แต่เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กน้อยก็ยังนำของขวัญมามอบให้พ่อ และกล่าวว่า
“นี่ค่ะ ของขวัญแด่พ่อ”
ชายผู้นั้นโอบกอดลูกสาวด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ
พลันความโกรธของเขาก็แล่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อพบว่าไม่มีอะไรในกล่องนั้น
เขาตวาดใส่ลูก “ แกไม่รู้หรือว่าเมื่อให้ของขวัญแก่ใคร คนนั้นย่อมหวังว่าต้องมีของอยู่ข้างใน”

เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองพ่อด้วยน้ำตาคลอเบ้า แล้วพูดว่า

“พ่อจ๋า...มันไม่ใช่กล่องเปล่านะ หนูพรมจูบใส่ลงไปในนั้น หนูมอบจูบทั้งหมดให้พ่อ”

ชายผู้เป็นพ่อรู้สึกผิด เขาทรุดตัวลงกอดลูกสาวและขอให้เธอยกโทษให้เขาด้วย

It is told that the man kept that gold box by his bed for years and whenever he was discouraged, he would take out an imaginary kiss and remember the love of the child who had put it there.

กล่าวกันว่าชายผู้นั้นเก็บกล่องทองนั้นไว้ข้างเตียงเป็นเวลาหลายปี เมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกท้อแท้ เขาจะนำกล่องออกมารำลึกถึงความรักที่ลูกสาวใส่ไว้ในนั้น



In a very real sense, each of us as humans, have been given a gold container filled with unconditional love and kisses from our children, friends, family or God. There is no more precious possession anyone could hold.

ในชีวิตจริง มนุษย์เช่นเราต่างก็เคยได้รับกล่องทองที่บรรจุ ความรักอย่างปราศจากเงื่อนไข และ จุมพิต จากลูก ๆ จากเพื่อน จากคนในครอบครัว หรือแม้แต่จากพระผู้เป็นเจ้า
นั่นเป็นสิ่งมีค่ายิ่ง เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว




 

Create Date : 28 มิถุนายน 2550
32 comments
Last Update : 28 มิถุนายน 2550 9:04:57 น.
Counter : 1871 Pageviews.

 

แปลเก่งมากๆคับ...และก้เป็นเรื่องที่เจ๋งดีด้วย..ขอชมจากใจจิงๆน้า

 

โดย: Kurt Narris 28 มิถุนายน 2550 9:59:15 น.  

 

ความรักอย่างปราศจากเงื่อนไข
"""""""""""""""""""""""""""""""""

ถ้าความรักปราศจากเงื่อนไขได้จริงๆ คงดีมาก ๆ เลย

 

โดย: goodpeople 28 มิถุนายน 2550 10:58:29 น.  

 

น่าประทับใจ

 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 28 มิถุนายน 2550 12:14:07 น.  

 

สวัสดีตอนเย็นๆครับคุณ endeavour ที่รัก

วันนี้สำหรับผม มันเป็นอีกวันที่ดีวันนึงเลยล่ะครับ

ฟ้าให้ฝนเย็นชื่นฉ่ำเป็นของขวัญ

และยังให้ช่วงเวลาที่แสนดีน่าจดจำ ....



ยิ่งเมื่อได้มาอ่านบล็อกของคุณ endeavour

ก็ทำให้วันนี้ในใจผมเป็นวันฟ้าสดใสเชียวล่ะครับ



อย่างนี้ต้องมอบดอกไม้หอมๆช่อใหญ่ๆเป็นของกำนัลซะแล้วสิครับ





ปล. บล็อกวันนี้งดงามและเปี่ยมคุณค่าในทุกๆด้าน

เหมาะสมและคุ้มค่าแก่การรอคอยทุกประการครับ

 

โดย: esprit_pawin 28 มิถุนายน 2550 15:39:40 น.  

 

เป็นกล่องของขวัญที่มีค่ามากค่ะ ซาบซึ้งจริงๆเลย

เป็นเรื่องราวที่ดีมากๆ เลยค่ะ

 

โดย: pataramin 28 มิถุนายน 2550 16:51:00 น.  

 



ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นส่วนตัวนิดนึงนะครับ

คือเคยอยู่ในบรรยากาศอย่างที่คุณว่า

ผมเรียนถาปัดมา 7 ปี ทำงานเป็นสถาปนิกได้ 1 เดือน
ถูกเรียกตัวกลับมาช่วยงานที่บ้าน
2 ปีแรกไม่มีความสุขในชีวิตเลย
2 ปีต่อมา ยิ่งเศร้าหนัก ผมถามตัวเองบ่อยๆว่า เราทนทำสิ่งที่เราไม่ชอบไปเพื่ออะไร
1 ปีต่อมา ผมค้นพบคำตอบบางอย่าง....

..............................

หลายคนถามผมว่าไม่เสียดายเหรอ เรียนมา 7 ปี
ผมตอบทุกคำถามนี้ว่า " เป็นหน้าที่ของลูกที่ดี"
เพื่อนหลายคนถามว่า ไม่เสียดายความฝันที่อยากเป็นครูเหรอ
ผมตอบไปว่า "ความกตัญญูสำคัญกว่าความฝัน"
แน่นอน....ผมไม่ได้มีความสุขมากนัก
กับการทำงานในระบบครอบครัว ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด
ทุกวิธีคิดที่เรียนมา เป็นแค่เรื่องทฤษฎีในตำรา
สนามการทำงานจริง ยากและหนักหน่วง
แต่ผมก็พยายามอย่างดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้

.....................................

4 ปีอันหม่นหมองในชีวิต
เปลี่ยนแปลงไป งานไม่เปลี่ยน คนแวดล้อมไม่เปลี่ยน
แต่ผมเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเองครับ
ผมไม่มองว่างานคือปัญหา ลูกน้องคือปัญหา
พ่อคือปัญหา ลูกค้าคือปัญหา
แต่มองทุกอย่างว่าคือ "หน้าที่" เราต่างทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
ลดความคาดหวังว่าทุกคนจะต้องเป็นอย่างที่เราต้องการ
เพราะวิธีคิดแบบนี้ทำให้เราหงุดหงิดที่ลูกน้องไม่เป็นอย่างที่เราต้องการ
เราจะมองพ่อเราด้วยสายตาที่เข้าใจว่าเขาหวังดีกับเรา
เพียงแต่วิธีสอนของเขาอาจไม่ใช่แบบที่เราคาดหวังว่าจะได้รับ
เวลาลูกค้างี่เง่า ก็พยายามเข้าใจว่าเขาก็ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขา
เรามีหน้าที่บริการก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

แน่นอน...มันไม่ใช่ทำได้ในวันสองวัน
รู้ทาง แล้วก็ค่อยๆปรับวิธีคิดของตัวเอง
ต้องเลือกว่าเราอยากใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดของเรา
ให้จมอยู่กับความไม่อยากทำ อยู่กับความขุ่นเคือง
อยู่กับความน่าเบื่อหน่าย อยู่กับความเซ็งนี้ไปจนตลอดชีวิตหรือเปล่า

ถ้าไม่...ลองมองดูว่า สำหรับสิ่งที่เราเป็นอยู่นี้
เราสามารถทำอะไรกับมันได้บ้าง
สามารถมองหาความสุขได้ไหม สามารถเรียนรู้วิธีคิดหรือมุมมองใหม่ๆได้ไหม
ฯลฯ

..............................


คุณเชื่อหรือไม่ว่า
แค่ผมเปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตผมก็เปลี่ยนไป
ผมรู้สึกว่าผมต้องตื่นขึ้นมาทุกเช้า ไม่ใช่เพื่อทำงานที่น่าเบื่อ
แต่เพื่อได้พบเจอพูดคุยกับผู้คน ตื่นขึ้นมาเพื่อทำงานให้มีความสุข
ตื่นมาเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์เพื่อรอวันที่ตัวเราจะต้องตาย
แต่ตายแบบมีคุณค่าสำหรับตัวเองและคนรอบข้าง
ทำมันอย่างที่ไม่ต้องมานั่งเสียใจเวลาใกล้ตาย
ทำชีวิตอย่างดีที่สุด

.................................

ผมไม่รู้คุณผ่านและพบเจอปัญหาหนักขนาดไหน
ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

ทางนั้นมีอยู่แน่นอน
แต่คุณจะมองเห็นมันหรือไม่
จะอยากเปลี่ยนวิธีคิดหรือไม่
ไม่ต้องคิดเรื่องออกนอกกรอบ นอกกรงหรอกครับ
เราอยู่ในนั้นก็ได้ แต่อยู่อย่างมีความสุขและมีคุณค่าในตัวเองก็พอ

ขออภัยที่เขียนยาวนะครับ


 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 28 มิถุนายน 2550 18:05:33 น.  

 

ผมทำงานที่ร้านมา 10 ปีเต็มพอดี
5 ปีแรกไม่มีความสุข
แต่ 5 ปีหลัง ผมมีแต่ความสุขในชีวิตครับ

ไม่มีอะไรเปลี่ยนครับ รอบตัวผมยังเป็นสิ่งแวดล้อมเดิม
มีแต่ตัวผมที่เปลี่ยนแปลง

 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 28 มิถุนายน 2550 18:07:16 น.  

 

จะบอกว่า ...

วันนี้ผมอัพบล็อค 3 บล็อคเลยนะครับ เป็นเรื่องราวของ" น้องตุ้งแช่" ทั้ง 3 ตอนครับ

โดยเป็นบล็อคเก่า 2 บล็อค คือเรื่อง "น้องตุ้งแช่" ตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ครับ แล้วก็มีตอนที่ 3 ที่เป็นตอนใหม่ล่าสุดครับ

อย่าลืมแวะเข้าไปที่บล็อคของผม แล้วเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ "น้องตุ้งแช่" ให้ครบทั้ง 3 ตอนนะครับ

อิอิ

 

โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) 28 มิถุนายน 2550 18:28:12 น.  

 

อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลย

ขอบคุณมากนะคะที่นำมาแบ่งปันกัน

 

โดย: เพียงแค่เหงา 28 มิถุนายน 2550 18:30:33 น.  

 


ซึ้งใจ

 

โดย: ใครกัน...นั่งอยู่ตรงนี้ 28 มิถุนายน 2550 19:04:54 น.  

 

หวัดดีครับคุณ endeavour เรื่องนี้น่าประทับใจมากครับ

อ่านแล้วซึ้ง อึ้ง ผมเห็นด้วยกะสรุปของข้อความนะครับ

 

โดย: พลายจันทร์ 28 มิถุนายน 2550 19:53:04 น.  

 

เฮียก๋าเยี่ยมจิงๆ

 

โดย: Kurt Narris 28 มิถุนายน 2550 20:48:36 น.  

 

เป็นเรื่องที่ดีจ้ะ คนเป็นพ่อเป็นแม่ เรียนรู้สิ่งดีๆมากมายในชีวิตก็จากลูกๆของพวกเขานั่นเอง พ่อแม่บางคนมีลูกมากแต่ไม่เรียนรู้และสร้างสรรค์ชีวิตของตนให้ดีขึ้นเลย

ตัวเองมาแอบเห็นแววตาของเขาเมื่อไรกันหนอ

น่าเห็นใจครอบครัวของนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีที่เสียชีวิต มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

ทำอย่างไรจึงเขียนเก่งแปลเก่งเหมือนตัวเองน่ะ

 

โดย: Lottelise 28 มิถุนายน 2550 22:06:45 น.  

 

จริงๆแล้ว
ทั้งคุณทั้งผมหรือใครทุกคน
คงมีบาดแผลส่วนตัวกันทั้งนั้น
แต่เรารอเยียวยาบาดแผลของตัวเอง
โดยวิธีของเราเอง

ใครเจอวิธีรักษาก่อนก็โชคดีไป
ใครโชคร้ายก็คงต้องเจ็บปวดไปตลอดชีวิต

ขอให้คุณโชคดีครับ

 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 29 มิถุนายน 2550 7:42:08 น.  

 

ขอบคุณครับ
จะส่งบิลค่ารักษาตามไปในภายหลัง
คิดค่าปรึกษา 2 บาทครับ
(บาทของทองคำนะครับ อะจึ๋ย )



มีความสุขมากๆนะครับ

 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 29 มิถุนายน 2550 10:22:25 น.  

 

แวะเข้ามาเยี่ยค่า..แล้วแว๊บไปทำงานต่อ อิอิอิ

มีความสุขกับทุกวันนะคะ

 

โดย: pataramin 29 มิถุนายน 2550 14:11:46 น.  

 

เป็นกล่องที่มีคุณค่าทางใจมากค่ะ

เอาเค้กมาฝากค่ะ มีความสุขมาก ๆ นะคะ


 

โดย: ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ 29 มิถุนายน 2550 17:12:06 น.  

 

ต่อไปนี้ขอให้ตัวเองมา อัพ บล๊อกแปลแบบนี้บ่อยๆน่ะจ้ะ ที่บ้านปฏิวัติใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษกันแล้ว และไม่พูดภาษาไทยด้วย แต่ถ้าเค้าออกไปข้างนอกกันสองคนกับลูกสาวเราจะพูดบ้าง แต่รู้ไรม่ะลูกสาวจะคุยแต่ภาษาเดนิช

เพราะมันเป็นความต้องการของเค้าเองแหละ เค้าอยากเข้าใจลึกซึ้งและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เค้าบอกพ่อบ้านมานานแล้ว แต่พ่อบ้านก็จะพูดแต่ภาษาอังกฤษ

เค้าจะได้เข้ามาอ่านออกเสียงดังๆที่บล๊อกตัวเองนี่ไง

อย่าว่าแต่ตัวเองรู้สึกอย่างนั้นเลย เค้าเห็นรูปของตัวเองแรกๆ เหมือนเคยรู้จักกันมานานแสนนานเชียวล่ะ หรือว่าเราจะเคยเป็นเพื่อนสนิทกันเมื่อชาติปางก่อนน่ะ ตัวเองเชื่อเรื่องแบบนี้ใหม ตัวเค้ามีประสบการณ์แบบนี้มากมาย แต่ไม่กล้าคุยกับใครนอกจากคนในครอบครัวที่นี่ และเพื่อนชาวเดนิชบางคน สักวันเราคงได้พบหน้ากันและใช้เวลาคุยเรื่องต่างๆนานา น่ะ เค้าไปนวดก่อนล่ะ

 

โดย: Lottelise 29 มิถุนายน 2550 18:18:57 น.  

 

พาน้องหมูมาเยี่ยมก่อนกลับบ้านค่ะ

 

โดย: เพียงแค่เหงา 29 มิถุนายน 2550 18:33:48 น.  

 

สักปีนึง ถ้ารักษาระดับอารมณ์ให้นิ่งได้โดยตลอด
รับรองสอบผ่านฉลุยครับ

เวลาโมโห หรือเริ่มจิตตก ก็เตือนตัวเองเร็วๆ
ว่า เฮ้ย...ฉันรู้ทันเอ็งนะ ฉันไม่หลงกลแกหรอก
ทำไปเรื่อยๆ รับรอง---แจ่ม

 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 29 มิถุนายน 2550 19:06:09 น.  

 

สวัสดีครับคุณ endeavour ที่รัก

มาดูกล่องสีทองที่มีของขวัญล้ำค่าอีกรอบครับผม



ปล. ที่บล็อกผม ผมไม่กล้าลงให้ครบทั้ง 10 อย่างจริงๆครับ

มันเครียดอ่ะ

 

โดย: esprit_pawin 29 มิถุนายน 2550 21:10:33 น.  

 

แบบนี้ก็รับทรัพย์เพียบเลยซิจ้ะ แต่ก่อนตอนเคยเป็นครูก็ต้องสอนพิเศษภาษาอังกฤษแหละ เงินเดือนครูมันน้อยไม่พอค่าฟุ่มเฟือย หลังจากเจอพ่อบ้าน อิอิ หายหมดเลย กลายเป็นติดดินสุดๆ และเป็นตัวของตัวเองมากๆ

น่าพักร้อนสักเดือนไปช่วยตัวเองติวเด็กน่ะ

ตัวเองเรื่องบ้างเรื่องเอามาเขียนไม่ได้หรอก มันเป็นความเชื่อที่หาเหตุผลไม่ได้ แต่ก็เชื่อ เหมือนความรู้สึกของเราสองคน และตามประสบการณ์ของเค้าเอง เหมือนเค้าได้พบคนมากมายที่เค้าเคยพบมาก่อน บ้างก็เหมือนคุ้นเคยกันมานาน บ้างก็พบเดี๋ยวเดียวเพื่อจากไป

แต่อย่างนึงที่เค้าเชื่อมั่นในตนเองมากเลยคือฝ่ามือของเค้าเอง หากใครได้ถูกสัมผัส เค้าจะบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคนนั้นได้ อิอิ เค้ารู้แม้กระทั่งเวลาที่ตัวเองส่งความคิดถึงมาหาเค้า

ฝันดีน่ะจ้ะ

 

โดย: Lottelise 29 มิถุนายน 2550 23:41:13 น.  

 

Good night

 

โดย: คนไกล...สุดขอบฟ้า 30 มิถุนายน 2550 0:22:10 น.  

 

มายิ้มทักทายในวันเสาร์ครับผม

 

โดย: esprit_pawin 30 มิถุนายน 2550 11:29:39 น.  

 


สวัสดีตอนค่ำๆของวันอาทิตย์ครับผม



แวะมาทักทายอีกครั้งครับคุณ endeavour ที่รัก

สบายดีไหมครับ??? หวังว่าคงสบายดีนะครับ

เสาร์-อาทิตย์นี้ไปเที่ยวไหนมาบ้างครับ???

กินข้าวเย็นกับอะไรครับ???

อร่อยไหม??? แล้วกินเผื่อผมป่าวเนี่ย???


พรุ่งนี้ก็วันจันทร์แล้วสินะครับ

ขอให้เป็นวันที่สดใสอีกวันนึง



ปล.ผมอัพบล็อกแล้วครับ แวะไปเจิมบล็อกให้ผมหน่อยนะครับ

 

โดย: esprit_pawin 1 กรกฎาคม 2550 22:09:29 น.  

 

 

โดย: สอระ (สอระ ) 2 กรกฎาคม 2550 11:03:31 น.  

 



แวะมาส่งความห่วงใย และเอาความหนุกหนานมาฝากค่า
ดูแลตัวเองนะคะ สู้ๆๆ อิอิอิ


 

โดย: pataramin 2 กรกฎาคม 2550 16:41:05 น.  

 

"ความรัก" เป็นหนึ่งในเรื่องที่คนเอาชนะได้ยากมากที่สุด
แต่บางทีถ้าเราไม่คิดเอาชนะ
แต่เลือกที่จะอยู่ร่วมกันอย่างเข้าอกเข้าใจ
นอกจากไม่ต้องเหนื่อยกับการมุ่งเอาชนะ
ยังรื่นรมย์มากขึ้นกับการเดินไปพร้อมๆกัน

 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 2 กรกฎาคม 2550 16:48:15 น.  

 

ตัวเองดีน่ะได้เฝ้าดูแลพ่อ ยามท่านเจ็บป่วย เค้าดิ โดนไล่ออกจากบ้าน ถึงขั้นให้เอาชื่อออกจากทะเบียนบ้านด้วย

วันสิบวันมานี่อากาศไม่ดี จิตใจของเค้ายิ่งพลอยหงอยเหงาไปด้วยถึงแม้ว่าจะนั่งอ่านๆตำรามากมาย และเข้าไปอ่านเรื่องขำๆ บ้างตามบล๊อก

ปวดหัวใจชอบกล

 

โดย: Lottelise 2 กรกฎาคม 2550 22:29:36 น.  

 


มากู๊ดไนด์ครับคุณ endeavour ที่รัก

 

โดย: esprit_pawin 3 กรกฎาคม 2550 0:13:26 น.  

 

 

โดย: สอระ (สอระ ) 3 กรกฎาคม 2550 8:09:00 น.  

 

มีความสุขกับทุกๆวันนะคะ

 

โดย: pataramin 3 กรกฎาคม 2550 9:20:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


endeavour
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




An eagle would never soar,
If he didn't believe he could fly,
You'll never know what you can do,
If you never try.
New Comments
Friends' blogs
[Add endeavour's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.