กันยายน 2558

 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
30
 
 
All Blog
ฉันมาทำอะไรที่นี่..?
  อย่างที่เคยกล่าวไว้ในบทความก่อนๆหน้านั้น

ถึงความน่ากลัวของ สังสารวัฏ หรือ วงเวียนแห่งทุกข์

ที่มีแรงดึงดูดมหาศาล ร้อยรัดผูกยึด สัตว์ ทั้งหลายเอาไว้กับมัน โดยที่เหล่าสัตว์ทั้งหลาย

แทบไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้ หรือต่อต้านอำนาจของมันเอาไว้ได้เลย..

เราท่านและเพื่อนร่วมทุกข์ทั้งหลาย จึงจำต้องเวียนเกิดเวียนตาย อย่างไม่รู้ต้นรู้ปลาย

ยอมเป็น นักโทษของความไม่รู้ ต่อไปอีกนานเท่านาน..



สังสารวัฏ ร้อยรัดยึดตรึงเราเอาไว้ด้วย มายา ที่สุดแนบเนียน

หากไม่มี พระศาสดา ผู้ค้นพบความจริงแท้ของ มายา นั้น

ก็คงยากที่จะมีใครลุกขึ้นมา ชี้นำทางออก จากวงเวียนแห่งทุกข์นี้ได้เลย..


มายาของมาร นั้นเล่นงานเราทุกบทบาททั้งทารุนโหดร้าย เหมือนตัวโกงในหนังละครหลังข่าว

หรือหอมหวาน นิ่มนวล อิ่มเอม อบอุ่น เหมือนพระเอกนางเอกซีรีย์เกาหลี บางทีก็ทุกข์ระทม

บ้างก็ชวนให้โหยหา กอบโกย แม้กระทั้งหยอดหยดเราด้วยสุขอย่างหยาบๆ

จนถึงอย่างละเอียดปราณีต..


ในเมื่อเรายังต้อง ทนก้มหน้าเดินตามเกมส์ของกรรม อย่างสัตว์ถูกล่ามโซ่ตรวน

ต้องถูกจับให้พลัดกันเล่น บทบาท ที่แตกต่างกันไปเรื่อยๆ

หากเป็นคน ก็เป็นพ่อบ้าง เป็นแม่ เป็นลูกบ้าง..

เป็นผัวเป็นเมีย เป็นเจ้านายเป็นบ่าว  บางครั้งเป็นเศรษฐี บางที่เล่นเป็นยาจกตกยาก

หรืออย่างแย่ๆก็ไปเล่นบท สัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรต อสูรกาย สัตว์นรก

หรือบางที่ก็เล่นบทเป็นเทวดา เทวบุตร นางฟ้า เป็นพรหม

วนเวียนซ้ำซากอยู่อย่างนี้เรื่อยไป..

และสุดท้ายที่ทุกบทบาทจะต้องเจอคือ ความพลัดพราก ทุกข์และโทมนัสจากสิ่งที่ตนรัก




สังสารวัฏ ช่างโหดร้ายนักที่ลบความทรงจำทั้งดีร้าย ออกไปจากสัตว์ทั้งหลายจนหมดสิ้น

ไม่เหลือเอาไว้ให้ระลึกเพื่อเป็นบทเรียนทรมานกันบ้างเลย

ทำให้ทุกชีวิตจะต้องมา เรียนรู้กันใหม่ มาลองผิดลองถูกกันใหม่ มารักมาชังกันใหม่

มาเบียดเบียนรังแกกันใหม่ มาก่อกรรมใหม่ๆเพื่อรอรับ วิบาก ใหม่ๆ

ทับถมหมักหมมพอกพูนมากขึ้นเรื่อยๆ จนคาดคะเนก่อนหลังไม่ไหว..



เพราะความไม่รู้ว่าอะไรคือ ทางออกจากทุกข์ อะไระคือ การก่อเชื้อแห่งทุกข์

เราจึงต้องมาเจอกันที่นี่ วันนี้ เวลานี้..

มารับวิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่ว ร่วมกันหรือจะเป็นแบบปัจเจกชน


หากเปรียบว่าภพชาตินี้ ชีวิตนี้คือ ศาลาริมทาง

นักเดินทาง อย่างเราท่านทั้งหลายต่างก็เข้ามาหลบร้อน หลบฝนร่วมกัน

ต่างก็มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เป็นพ่อเป็นแม่เป็นลูก เป็นมิตรเป็นศัตรูต่อกัน

เมื่อจบภาระกิจ ต่างก็แยกย้ายกันไป เดินทางกันต่อไปที่ ศาลาริมทาง หลังอื่น

อาจจะได้ไปเจอคนใหม่ๆ หรือคนหน้าเดิมก็ได้ แล้วก็เริ่มสร้างปฏิสัมพันธ์ต่อกันใหม่

แล้วก็แยกย้ายกันอีก เดินทางกันไปไม่หยุดหย่อน ไม่มีวันพัก ไม่มีทางออกได้เลย..




เราทั้งหลายต่างเป็นหนี้บุญคุณของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่พระองค์ทรงเมตตา ทุ่มเทเสียสละยอมเอาชีวิตและร่างกายเข้าแลกเป็นเดิมพัน 

เพื่อหาทางออกแห่งทุกข์นี้ และเมื่อทรงค้นพบแล้วพระองค์ก็ไม่เลือก ต้ดช่องน้อยแต่พอตัว

เอาตัวรอดไปเพียงลำพัง แต่ทรงเสียสละชี้ทางแก่สัตว์ทั้งหลายเพื่อ ออกจากสังสารวัฏนี้

และก็มีผู้ที่เห็นทางออกเหมือนที่พระองค์ได้เห็นแล้ว ได้ชี้ทางเอาไว้แล้ว

และเดินตามรอยเท้าพระองค์ออกไปอย่างไม่ว่างเว้น..



หากชาวโลกทั้งหลายยังลังเลสงสัย ในชีวิตที่กำเนิดเกิดมา

สงสัยในความแตกต่างของคนทั้งหลาย ที่มียากดีมีจน รูปงาม ทราม หยาบปราณีต

บางคนมีปัญญามาก มีปัญญาน้อย 

เกิดคำถามที่ผุดขึ้นในใจว่า ฉันมาจากไหน และมาทำอะไรที่นี่..?

ก็ขอให้ลองน้อมนำ ความรู้ที่พระพุทธองค์ค้นพบ

เอามาพิจารณาอย่างแยบคาย จนเริ่มเห็นคำตอบที่อยากรู้อยู่ลางๆ

หมดความสงสัยในเรื่อง กรรมและการให้ผลของกรรม 

หมดความสงสัยในพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ

ข้ามผ่านการถือวัตรปฏิบัติผิดๆ ความเชื่อโชคลางของขลังขมังเวทย์ 

ละความเห็นผิดในตัวตน เข้าใจความเป็นเช่นนั้นของธรรมชาติ

ก็นับว่า ท่านได้มาถูกทางแล้ว ทางออกแห่งทุกข์รอท่านอยู่ข้างหน้า

บันไดก้าวแรกแห่งการรู้แจ้งปรากฏแก่ท่านแล้ว..



อย่าได้เสียโอกาสอันดีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้มาเจอพระธรรมคำสอน

อย่ามามัวเสียเวลาถามใครๆว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ เลย

มาถามคำถามใหม่กันว่า ฉันจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร ก็นับว่าประเสริฐยิ่งนัก





ขอขอบคุณเจ้าของภาพสวยๆทุกภาพครับ









Create Date : 29 กันยายน 2558
Last Update : 29 กันยายน 2558 21:02:58 น.
Counter : 1839 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]