ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A วันที่ 24 กันยายน - 10 ตุลาคม 2568

มาเล่าประสบการณ์เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (Influenzavirus A ) โรคนี้เกิดการติดเชื้อได้ในทุกช่วงอายุ พบได้ตลอดทั้งปี แต่มักระบาดมากในช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาว หากร่างกายไม่แข็งแรงหรือมีภูมิต้านทานไม่เพียงพอ อาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อได้ง่าย เรื่องของเรื่องคือช่วงนั้นไปเที่ยวหัวหิน 1 อาทิตย์ ตื่นตั้งแต่ตี 5 ทุกวัน ไม่รู้ว่าจะตื่นมาทำอะไรเหมือนกัน  แล้วประมาณ 7.00-7.30 น. ลงไปทานอาหารเช้าที่โรงแรมเวลานี้ทุกวัน จากนั้นก็ทำภารกิจอื่น  เรายังโชคดีที่เริ่มมีอาการตอนวันกลับกรุงเทพฯ แต่ยังไม่มีไข้

คืนวันพุธที่ 24 กันยายน 2568 ตอนประมาณ 20:00 น. มีอาการไอแค๊กๆ ไอแบบแห้งๆ แต่ยังไม่ได้เยอะมากก็ไอเกือบทั้งคืน เราก็นึกว่านอนห้องแอร์ที่โรงแรมแล้วปรับแอร์เย็นเกิน อากาศอาจแห้ง

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน 2568 ระหว่างทางขับรถกลับจากหัวหินไอแค๊กๆ เป็นช่วงๆ แต่ยังไม่มีไข้ ตอนเย็นเริ่มตัวรุมๆ มีไข้อ่อนๆ ไม่มีน้ำมูก ต้องไปซื้อยาแก้ไอที่ร้านขายยามาทานก็ดีขึ้นนิดนึง (คิดว่าตัวเองภูมิแพ้กำเริบ กินยาแก้แพ้อากาศไปด้วยอีกต่างหาก) ช่วงหัวค่ำไอจนเจ็บคอครั่นเนื้อครั่นตัวรู้สึกไม่สบายตัวเหมือนมีไข้รุมๆ ตอนกลางคืนกินยาไทลินอลไป 2 เม็ด แล้วดีขึ้น แต่ง่วงมากนอนหลับตั้งแต่ 21.00 น.
ตอนเช้ามืดก็เริ่มมีอาการไอมีเสมหะใสๆ ไอและขากเสมหะจนเจ็บคอ ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวไม่อยากจะตื่นมีไข้รุมๆ ตอนเช้าด้วย มีอาการหนาวๆ ร้อนๆ ปวดเมื่อยตามร่างกาย เริ่มคิดว่าเป็นหวัดแน่นอน



วันศุกร์ที่ 26 กันยายน 2568 มีไข้ตลอดทั้งวันก็กินไทลินอลไป 2 เม็ด ช่วงเช้าไปทำธุระที่ห้าง กลับมาบ้านตอนประมาณ 15:00 น. เริ่มมีน้ำมูกใสๆ ไหลออกมาและยังมีอาการไอแค๊กๆ อยู่บาง มีไข้ตัวรุมๆ เริ่มแบบไม่ไหวแล้วรีบไปหาหมอดีกว่า พอ 17:00 น. ตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาลทหารอากาศสีกัน เจ้าหน้าที่บอกให้ไปซื้อ ATK ตรวจก่อนสรุปขึ้น 2 ขีดบอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เข้าแผนกฉุกเฉินไปเลยจ้า รอคิวตรวจนานมากรอคิวตั้งแต่ 5 โมงเย็นกว่าจะได้ตรวจเกือบ 20:00 น. เพราะมีเคสฉุกเฉินเข้ามา 3 เคส และหมอมีแค่คนเดียว ระหว่างรอมีอาการไข้ขึ้น มีอาการหนาวๆ ร้อนๆ เพราะไม่ได้ทานยาลดไข้ตามรอบที่ต้องทาน (เพราะคิดว่ามาหาหมอไม่นานเลยไม่ได้ติดยามาด้วย) เริ่มคัดจมูกน้ำมูกใสๆ ไหลออกมาเริ่มหายใจทางปาก หมอตรวจแล้วบอกว่าปอดยังดีอยู่แสดงว่าแค่ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนต้น ไม่ได้ลงปอด หมอให้ยาต้านไวรัสมากิน ให้ยาขับเสมหะเม็ดฟู่ ให้ยาแก้แพ้มากินก่อนนอน และให้กินไทลินอลต่อเนื่องจนกว่าไข้จะลด จนถึง 22.30 น. ยังมีไข้ น้ำมูกใสๆ หยดย้อยต้องเอาผ้าเช็ดหน้ามาคอยเช็ดและต้องหายใจทางปาก หมอให้หยุดกักตัว 5 วันถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 กลางคืนน้ำมูกใสหยด แสบคอมาก เริ่มกลืนน้ำลายลำบาก มีเสมหะใสๆ ขุ่น ปนเลือดนิดๆ 

ซื้อที่ตรวจหน้าตาแบบนี้ค่ะจากเซเว่นในโรงพยาบาล กล่องละ 109 บาท



ด้านหลังกล่องมีวิธีอ่านค่าผล



ตรวจแล้วพบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A แบบจางมากจนแทบมองไม่เห็น



หมอจ่ายยามา 3 อย่าง



1. ยาต้านไวรัส เป็นแคปซูลสีเหลืองสลับน้ำตาล ขนาดเม็ดละ 75 มิลลิกรัม ทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหารเช้า และหลังอาหารเย็น ทานให้หมดทุกเม็ดห้ามขาด



2. ลอราทาดีน ขนาดเม็ดละ 10 มิลลิกรัม เป็นยาแก้แพ้ ทางครั้งละ 1 เม็ดก่อนนอน น่าจะช่วยเรื่องลดน้ำมูก คัดจมูก

 

แผงฉลากยาด้านหลัง



3. ฟลูมูซิล-เอ (Fluimucil A) เม็ดฟู่ละลายเสมหะ ขนาดเม็ดละ 600 มิลลิกรัม ละลายน้ำทานก่อนอาหารเย็น ครั้งละ 1 เม็ด รสชาติเปรี้ยวๆ อมขมนิดๆ ซ่าๆ เหมือนกินน้ำอัดลม



จ่ายเงินไปทั้งหมด 506 บาท








หมอให้กักตัวอยู่บ้าน 5 วัน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 26 ถึงวันอังคารที่ 30 กันยายน 2568 จะได้ไม่ไปแพร่เชื้อให้ผู้อื่น และให้สวมผ้าปิดปากเวลาอยู่ที่บ้านด้วย แยกจาน-ชามอาหารกับคนในบ้านให้หมด กลับมาจากเที่ยวก็ป่วยต่อเลยจ้า คาดว่าตอนไปหัวหินวันที่ไปเล่นสวนน้ำอากาศมีแดด สลับกันฝนตก และไปเล่นสไลเดอร์ด้วย



สรุปอาการแต่ละวันระหว่างไม่สบาย

***ช่วงที่เป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A มีอาการเหมือนท้องเสีย ถ่ายเหลวแทบจะทุกวันตอนช่วงเช้าๆ ถึงสายๆ พอบ่ายๆ อาการก็หายไป ***

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน 2568 
ตื่นเช้ามาแสบคอมาก เสียงแหบแทบจะไม่มีเสียงพูด หลังกินอาหารเช้ากินยาต้านไวรัส 1 เม็ด ยาแก้ไอ 1 เม็ด ตอนประมาณ 10 โมงครึ่งกินยาแก้ไข้ไทลินอล 2 เม็ด วันนี้มีไข้น้อยลงแต่ก็นอนหลับๆตื่นๆตลอดทั้งวัน หลังกินอาหารกลางวันกินยาแก้ไอ 1 เม็ด ยังมีอาการเจ็บคออยู่น้ำมูกใสๆ ไหลน้อยลง ไม่ค่อยอยากอาหาร มีอาการปวดเมื่อยตามตัว ตัวรุมๆ นิดๆ ก่อนกินอาหารเย็นกินยาเม็ดฟู่ละลายเสมหะ 1 เม็ด หลังกินอาหารเย็นกินยาต้านไวรัส 1 เม็ด และยาแก้ไอ 1 เม็ด ตลอดทั้งวันพูดได้ลำบากเพราะเจ็บคอแสบคอเสียงหายเสียงไม่ค่อยมี ทำอะไรนิดๆหน่อยๆก็จะเหนื่อยง่าย มึนๆ หัว
20.00 น. เหมือนเริ่มมีไข้นิดๆ เลยกินไทลินอลไป 2 เม็ด ถ้าโดนอากาศเย็นๆ จะเริ่มไอ แล้วมีน้ำมูกใสๆ ไหล
21.00 กินยาโรคประจำตัวเบาหวานไขมัน ก่อนนอนกินยาแก้แพ้ 1 เม็ดตามหมอสั่ง
ตีสี่ มีไข้ ตัวรุมๆ ยังมีไข้บ้าง และแสบคอ มีเสมหะใสๆ ปนเลือดด้วย
 
วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568
เจ็บคอ แสบคอ กลืนน้ำลายลำบาก หลังกินอาหารเช้ากินยาต้านไวรัส 1 เม็ด ยาแก้ไอ 1 เม็ด ช่วงสายๆ มีอาการไอเป็นบางช่วงยังเหมือนมีเสมหะอยู่ หลังอาหารกลางวันกินยาแก้ไอร้านมะกอกไป 1 เม็ด และกินไทลินอลอีก 2 เม็ด ไม่ได้มีไข้มากแต่เหมือนมึนหัว วันนี้ไม่ค่อยง่วง อาการเจ็บคอแสบคอกลืนน้ำลายลำบากเริ่มดีขึ้น เสียงยังแหบอยู่เหมือนเดิมแต่ดีขึ้นเยอะ
16.00 น. กินยาก่อนอาหารเย็นเม็ดฟู่ 1 เม็ด หลังอาหารเย็นกินยาต้านไวรัส 1 เม็ด และยาแก้ไอเม็ดสุดท้าย 1 เม็ด ถ้ากินอะไรที่ระคายคอจะไอ
20.00 น. กินยาไทลินอลไป 2 เม็ด ตัวรุมๆ นิดๆ พอนอนห้องแอร์ก็ไอตลอด รู้สึกคันคอ มีน้ำมูกใสๆ ไหลนิดๆ
21.10 น. กินยาโรคประจำตัวไขมันเบาหวาน ไอตลอดจนน่ารำคาญ ไอทั้งคืนจนนอนไม่หลับหลับๆ ตื่นๆ มึนๆ หัว
 
*** คุณสามีตรวจ ATK ยังไม่พบเชื้อ แต่วันนี้เริ่มมีอาการไอแค๊กๆ ตอนเย็นหลังอาหารเย็นเลยให้กินยาไทลินอลไป 2 เม็ด เพราะเห็นแกบ่นว่าเมื่อคืนนอนตัวรุมๆ เหมือนมีไข้ และตอน 20:30 น ให้กินยาฟ้าทะลายโจรไป 3 เม็ด ***

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568
ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า ไอทั้งคืนจนนอนไม่หลับ รู้สึกเหนื่อยเพลียสุดๆ
9.20 น. ทานอาหารเช้าและกินยาต้านไวรัส 1 เม็ด ยังมีอาการไออยู่บ้างอาการเจ็บคอแสบคอลดลงเยอะเสียงเริ่มกลับมาบ้าง หลับเกือบทั้งวัน ตื่นมาอีกทีเที่ยง
15.54 น. รู้สึกเหมือนมีไข้อ่อนๆ มึนหัว เลยกินไทลินอลไป 2 เม็ด 
17.00 น. กินยาก่อนอาหารเย็นเม็ดฟู่ 1 เม็ด หลังอาหารเย็นกินยาต้านไวรัส 1 เม็ด
21.00 น. กินยาโรคประจำตัวไขมันเบาหวาน ไอเป็นช่วงๆ จนน่ารำคาญ ยิ่งกินยาอมยิ่งไอ
 
วันอังคารที่ 30 กันยายน 2568
ตื่นมาตอน 6.10 น. รู้สึกร้อนก็เลยอาบน้ำสระผมเพราะเมื่อคืนไม่ได้สระผม
7.00 น. ลงไปกินข้าวเช้า หลังกินข้าวต้มกินยาต้านไวรัส 1 เม็ด สักประมาณครึ่งชั่วโมงเริ่มปวดท้องเข้าห้องน้ำและมีอาการถ่ายเหลวอีกแล้ววันนี้ถ่ายเหลวอยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง เฉพาะช่วงเช้าพอช่วงกลางวันถึงเย็นก็จะไม่มีอาการถ่ายเหลวอีกแล้ว อาหารกลางวันวันนี้กินสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาไก่แบบเผ็ดพอสมควรแต่ก็ไม่ได้ท้องเสียไม่มียาหลังอาหารและไม่มียาก่อนอาหารกลางวัน
วันนี้ไม่ค่อยง่วงแต่นอนไปพักนึงเกือบครึ่งชั่วโมงได้ มีอาการนอนมากจนมึนหัวปวดหัว และน่าจะดูหนังมากเกินไป มีไอเป็นช่วงๆ อาการเจ็บคอดีขึ้นเยอะกลืนน้ำลายได้ปกติ ไม่มีแสบคอแล้วแต่ยังมีเสียงแหบบ้างเป็นบางครั้งและมีการคัดจมูกบางครั้ง
ก่อนอาหารเย็นกินยาเม็ดฟู่ละลายเสมหะ 1 เม็ด หลังอาหารเย็นกินยาต้านไวรัสอีก 1 เม็ด
 
*** คุณสามีไอมาประมาณ 3 วันแล้วแต่ไม่ได้มีไข้อะไร ไม่พบเชื้อ ***
 
วันพุธที่ 1 ตุลาคม 2568 (ไปทำงาน)
เช้าหลังอาหารกินยาต้านไวรัสที่เหลืออีก 1 เม็ดสุดท้าย
อาการเจ็บคอไม่ค่อยมี แต่เสียงยังกลับมาอู้อี้มีเสมหะใสๆ และปนเลือดออกมา ช่วงบ่ายๆ มีไอแค๊กๆ เวลาโดนแอร์และอากาศเย็น
ตอนกลางวันไม่มียาก่อนอาหารและหลังอาหาร 
ก่อนอาหารเย็นกินยาเม็ดฟู่ละลายเสมหะ 1 เม็ด จมูกยังไม่ค่อยได้กลิ่นดีเท่าที่ควร ลิ้นยังรับรถได้ไม่ดีเท่าที่ควร กินอะไรก็ไม่ค่อยเจริญอาหาร
 
วันที่ 2-4 ตุลาคม 2568
ยังคงมีอาการคัดจมูกเป็นบางครั้งมีน้ำมูกใสๆ นิดเดียว เสียงยังแหบอู้อี้ถ้าอยู่ในห้องแอร์ มีอาการไอบ้างแต่พอมาวันที่ 4 ตุลาคม 2568 อาการไอน้อยลงแต่ยังมีเสมหะใสๆ ปนเลือดสีแดงๆ อยู่ คุณสามีเอายาคามิโลซานพ่นคอมาให้ เอายาแน็กลอง ยาเม็ดฟู่ละลายเสมหะมาให้ วันที่ 3-4 ตุลาคม กินยาแน็กลอง ยาเม็ดฟู่ละลายเสมหะหลังอาหารเช้าคนละ 1 เม็ด กันไว้ก่อน โดยรวมอาการดีขึ้นเยอะ
 
วันที่ 5-6 ตุลาคม 2568
เสียงยังอู้อี้เวลาอยู่ในห้องแอร์หรือกินน้ำเย็น (ก็กินน้ำเย็นกับน้ำแข็งไป 2 วัน) เสียงก็เลยยังอู้อี้อยู่มีแค่น้ำมูกใสๆ แล้วก็เหมือนมีเสมหะอยู่ในลำคอบางครั้ง ไม่มีอาการไข้อะไรแล้ว ตอนกลางวันกินกาแฟเย็นใส่น้ำแข็งกลางคืนก็เลยเหมือนมีไข้ตัวรุมๆ นิดนึงแต่ไม่ได้มาก กลางคืนนอนคว่ำหน้าเรามีน้ำมูกใสๆ ไหลออกมาทางจมูก มีอาการไอด้วยน่าจะเป็นผลจากการกินน้ำแข็งและยังไม่หายดี
 
วันที่ 7-9 ตุลาคม 2568 พออยู่ในห้องแอร์เสียงยังมีอาการอู้อี้และเหมือนมีเสมหะใสๆ เหนียวๆ อยู่ในลำคอ งดกินน้ำแข็งกับน้ำเย็น เสียงไม่แหบแล้ว จมูกรับกลิ่นเหมือนเดิม ลิ้นรับรสชาติอาหารดีขึ้นเยอะ

วันที่ 10 ตุลาคม 2568 มีแค่เสมหะใสๆ เหนียวนิดๆ อย่างเดียว

Create Date : 10 ตุลาคม 2568		5 comments
Last Update : 10 ตุลาคม 2568 11:54:13 น.
Counter : 309 Pageviews.
(โหวต blog นี้)  Share Tweet