ผมนั่งเฉย ๆ ในวันว่าง ๆ ก็เลยรู้สึกทึ่ง
ในการสร้างเวลาให้กับการใช่ชีวิตประจำวัน
คนเราต้องนั่งมองพระอาทิตย์ขึ้นจนพระ
อาทิตย์ตกดิน จึงจะรู้ว่าเวลาไหนกลางวัน
เวลาไหนกลางคืนและจะรู้ว่าวันหนึ่งมันนานสัก
เท่าไหร่ แล้วถ้าเป็นหนึ่งปีหล่ะ คนใน
อดีตจะต้องสั่งเกตุดูมากกว่า 365 วัน
แล้วก็เอา 365 วันไปเปรียบเทียบกับข้อมูล
เก่าที่เก็บเอาไว้ จึงจะมั่นใจว่า 365 วันมันใช่
นอกจากดูดวงอาทิตย์แล้วยังดูดวงจันทร์
แล้วดันรู้อีกว่าระดับของดวงจันทร์มีผลต่อ
การขึ้นลงของน้ำในแม่น้ำน้ำในทะเล แม่เจ้าคนเรา
เก่งขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ก็เลยลองคิดเล่น ๆ
ถ้าผมไปอยู่ในสมัยที่ยังไม่มีเลา ไม่มีนาฬิกา
ผมก็จะได้สูตรลับจากรุ่นพ่อ...รุ่นปู ถึงการ
มองดู ดวงจันทร์ มองดูดวงอาทิตย์ การสูด
ดมกลิ่นของอากาศ ชื่น แห้ง เปียก
การสร้างอาวุธสำหรับล่าสัตย์ การสร้างที่อยู่
อาศัย รวมไปถึงการปรุงอาหาร อันนี้เป็น
เพียงแค่มุมมองเล็กของผมเท่านั้น บางทีน่ะ
ผมเองก็อยากจะฉลาดแต่ความฉลาดมันสืบ
ทอดจากกรรมพันธุ์จริง ๆ น่ะ แต่ผมก็ไม่
ได้โทษตัวเองหรอกที่ไม่ได้ฉลาด แต่ผมจะ
รู้สึกไม่ดีเลย ที่ผมถูกเรียกออกไปหน้าชั้นเรียน
แล้วผมไม่สามารถตอบโจทย์บนกระดานดำได้
ผมถูกตำหนิ ต่อหน้าเพื่อน ๆ ในห้องเรียน
นั้นมันก็ความทรงจำในวันเด็กของผม
ผมไม่อยากเกิดมาโง่เลยแฮะ แต่มันก็ช่วยไม่
ได้จริง ๆ ความไม่ฉลาดของผมก็เลยกลายเป็น
คนที่มักสุ่มอยู่ในซอกของความเงียบงัน...
ไม่มีการแสดงความเห็น ไม่มีความกล้ามาก
พอจะออกไปแสดงอะไรบางอย่างต่อหน้าผู้คน
ความคิดเห็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผุดขึ้นก็เลยกลาย
เป็นเพียงแค่ความคิดที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปกับตัวเอง
ผมรู้สึกมีอะไรบางอย่างคล้ายกับ ฮิวงะ ฮินาตะ ใน
การ์ตูนเรื่องหนึ่ง เขาไม่มีความกล้ามากพอที่จะพูด
ไม่มีความกล้ามากพอที่จะแสดงออก การพูดแต่
ละครั้งของเขาต้องคิดแล้วคิดอีก ย้ำความคิดในความคิด
ก่อนที่จะพูดออกมา