ในยุคที่การสื่อสารฉับไวอย่างปัจจุบันนี้ บริการด้านการสื่อสารแบบดั้งเดิมหลายๆ อย่างก็ถูกผลกระทบอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าจำกันได้ บริการโทรเลขก็ถูกปิดไปเพราะว่าการสื่อสารด้วยโทรศัพท์มือถือ อีเมล์ แฟกซ์ และข้อความ SMS นั้นรวดเร็วและสะดวกกว่ามาก

และในเมื่อการใช้อีเมล์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันเราแทบไม่เคยเห็นจดหมายที่ถูกเขียนด้วยลายมืออีกเลย แต่สิ่งที่เราเห็นในซองจดหมายเป็นประจำโดยมากแล้วจะเป็นพวกบิลเก็บค่าบริการ ข่าวประชาสัมพันธฺ์ต่างๆ ซึ่งก็มีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ เช่นกัน เนื่องด้วยหลายหน่วยงานเริ่มหันมาส่งข้อมูลให้ลูกค้าผ่านทางอีเมล์แทน

ประเทศไทยยังไม่ค่อยเจอผลกระทบตรงนี้เท่าไหร่นักเนื่องจากอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตของประชากรในประเทศยังอยู่ที่ 27% ทำให้การสื่อสารผ่านอีเมล์เพียงอย่างเดียวนั้นยังไปไม่ทั่วถึง แต่ในประเทศที่มีอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตสูง ประชากรสามารถรับข้อมูลข่าวสารได้แทบจะทันทีผ่านอีเมล์และสมาร์ทโฟนล่ะ สงสัยกันไหมว่าเกิดอะไรขึ้น

อัตราการส่งจดหมายทั้งในอังกฤษและอเมริกาลดต่ำลงอย่างเรื่อยๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการปิดสาขาย่อยๆ ของที่ทำการไปรษณีย์หลายแห่งในอเมริกามาแล้ว ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือ ขาดทุนจากการใช้บริการที่ลดลง และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง ทางอังกฤษก็ได้เพิ่มราคาของแสตมป์ถึง 70% ด้วยกัน

หลายคนอาจมองว่า ถึงไม่มีจดหมาย แต่ก็ยังมีพวกการขนส่งพัสดุ แต่ในความเป็นจริงแล้ว อัตราการส่งพัสดุก็เริ่มน้อยลงแล้วเช่นกัน เนื่องจากสินค้าบางอย่างได้กลายเป็นดิจิตอลมากขึ้น เช่น หนังสือ เพลง และหนัง อีกทั้งไปรษณีย์ยังมีการแข่งขันจากบริษัทอย่าง FedEx และ DHL อีกด้วย

และในอนาคตอันใกล้นี้ อนาคตที่ประเทศไทยจะมีคนใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การเล่นอินเทอร์เน็ตมากขึ้นผ่าน 3G รวมไปถึงบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ที่จะกระจายไปในวงกว้างขึ้น ประเทศไทยเราก็จะเริ่มเห็นผลกระทบของอินเทอร์เน็ตกับไปรษณีย์เพิ่มขึ้นเช่นกัน

สิ่งที่น่าจะตามมาก็คือค่าบริการขนส่งที่อาจจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นใครก็ตามที่ใช้บริการไปรษณีย์ในการส่งสินค้าอยู่ ก็มีโอกาสจะได้เห็นผลกระทบตรงนี้ก่อนใครๆ เลยครับ อ้อ และสำหรับคนที่กำลังสนใจเรียนปริญญาโท ผมมองว่าสาขาโลจิสติกส์นี่แหละที่น่าสนใจมากๆ เลย

ในช่วงที่โทรเลขใกล้จะหมดลมหายใจ ผมเห็นหลายคนพากันไปส่งโทรเลขในวันสุดท้ายเป็นที่ระลึกกันใหญ่ แต่เรื่องบริการส่งจดหมายนี่ผมคาดเดาอนาคตไม่ออกเลยจริงๆ เนื่องจากมันคงไม่ถึงกับหายสาบสูญไปเลยทั้งหมดแน่ๆ ... คิดแล้วก็ตื่นเต้นดีนะครับว่าอีกสัก 5-6 ปีข้างหน้าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง :-)

------------------------------------------------------------------------
ช่วงนี้ผมจะเขียนบทความทั้งเรื่อง E-Commerce เรื่องภาษาอังกฤษ และเรื่องอื่นๆ อีกที่อยากคุย ใส่ไว้ใน fan page ก่อนแล้วก็อปมาวางไว้ที่บล็อกครับ ดังนั้นถ้าใครสนใจ ก็สามารถตามไปที่ //www.facebook.com/dr.ekkasit ได้เลย

หรือแวะไปดูสัมมนาการตลาดออนไลน์ที่ผมทำกับสถาบันปัญญาธุรกิจของเครือเนชั่นได้ที่ //www.nation-education.com/enews/SocialBeauty-Jun8/Outline.pdf

หรือถ้าสนใจสัมมนาการตลาดสถานพยาบาล ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ที่ผมทำร่วมกับรุ่นพี่ที่เป็นที่ปรึกษาการตลาดให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ //www.exitcorner.com ได้เลยครับ

Create Date : 28 เมษายน 2555
Last Update : 28 เมษายน 2555 15:03:02 น.		1 comments
Counter : 1141 Pageviews.
Share Tweet