เกี่ยวกับการเปิดร้านค้าในเฟสบุ๊ค
ช่วงนี้ผมเห็นคนไทยเริ่มทำ app สร้างหน้าร้านขายสินค้าออนไลน์บนเฟสบุ๊คกันแล้ว มีบางบริษัทเปิดรับทำหน้าร้านเป็นกิจจะลักษณะกันเลยทีเดียว แต่ถ้าจะถามความเห็นของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมว่าบางทีเราก็รีบตามกระแสกันเร็วเกินไป เมื่อไม่นานมานี้ แบรนด์ดังๆ อย่าง GameStop, Gap, JCPenney, และ Nordstrom ต่างพากัน "ปิด" ร้านของตนในเฟสบุ๊คตามๆ กันไป ... ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะทิ้งเฟสบุ๊คนะครับ เขายังเปิดแบรนด์ในเฟสบุ๊คเพื่อเอาไว้ติดต่อกับลูกค้าอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ยกเลิกการขายสินค้าในเฟสบุ๊คต่างหาก ใช่ว่าการเปิดหน้าร้านออนไลน์ในเฟสบุ๊คจะไม่ดี เพราะก็มีบางร้านและบางธุรกิจที่ไปได้ดีกับการขายของบนเฟสบุ๊ค ซึ่งทำให้หลายๆ คนเริ่มอยากทำตามบ้าง แต่แปลกไหมครับ ร้านค้าเล็กๆ บางร้านกลับทำธุรกิจในเฟสบุ๊คได้ดี แต่แบรนด์ใหญ่ๆ ที่กล่าวมากลับทำแล้วไปไม่รอด คนเก่งด้าน SEO บางคนอาจสนใจอยากมาลองตลาดในเฟสบุ๊ค แต่ผมขอเตือนไว้ว่า แพลตฟอร์มของเฟสบุ๊คนั้นอยู่ได้ด้วยกลุ่มคนและความสัมพันธ์ระหว่างคน การจะสร้าง like และ share และสร้างกระแสในโลก social media นั้นมันแตกต่างกับการทำ SEO พอสมควร เพราะว่าโลกโซเชียลเป็นโลกที่เชื่อมต่อกันด้วย "ความสัมพันธ์" ไม่ใช่ anchor link และ keyword เหมือนในโลกของเว็บ ดังนั้นสินค้าที่น่าจะสร้างกระแสในเฟสบุ๊คได้ ก็น่าจะเป็นสินค้าที่สามารถให้เพื่อนๆ เข้าไปพูดคุย แลกเปลี่ยนความเห็นด้วยกันได้ ที่ผมเห็นชัดๆ ก็คือพวกเสื้อผ้าผู้หญิง หรือไม่ก็เครื่องประดับอ่ะนะ สาวๆ เขาชอบกันมากเลย ประมาณว่า "อุ๊ย สวยจังนะเธอ เริ่ดมากอ่ะ ขอแชร์ให้เพื่อนๆ ดูหน่อยนะ" อะไรแบบนั้นเลย ใช่ว่าสินค้าแบบอื่นจะสร้างกระแสไม่ได้นะครับ แต่อย่างน้อยผมก็แนะนำว่าควรสร้างฐานความสัมพันธ์ให้ดีเสียก่อนที่จะเปิดตัวด้วยการขายๆๆ เพียงอย่างเดียว มีสถิติบ่งบอกไว้ชัดเลยว่าเฟสบุ๊คหรือแฟนเพจที่มีหน้าร้านขายของเพียงอย่างเดียวนั้นมีอัตราการซื้อขายต่ำ ... อย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับ เฟสบุ๊คนั้นมีจุดเด่นหลักคือ "ความสัมพันธ์" และการที่จะแปลงมันเป็น "sale" ให้ได้นั้น แค่สร้างหน้าร้านในเฟสบุ๊คเฉยๆ นั้นทำไม่ได้หรอกครับ ถ้าจะถามผมว่า เราควรเปิดหน้าร้านในเฟสบุ๊คไหม ผมคงตอบให้ชัดเจนไปเลยไม่ได้ในตอนนี้ เนื่องจากมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ถ้าคุณเป็นร้านใหม่ที่ยังไม่มีแฟนในเพจมากนักหรือยังมีเพื่อนน้อยๆ อยู่ ผมแนะนำว่าอย่าพึ่งเปิดหน้าร้านในเฟสเลยครับ หลักฐานสนับสนุนที่ชัดเจนก็คือ เวลามีคนมา add friend ผม แล้วผมเห็นเขาแทบไม่มี profile อะไรเลย ข้อมูลใน wall ก็น้อย มีคอมเม้นต์น้อย เพื่อนก็น้อย แล้วเขาก็โพสต์แต่เรื่องสินค้าๆๆๆๆ เพียงอย่างเดียว ผมก็เริ่มให้ความสนใจคนๆ นั้นน้อยลงไปแล้ว แต่ถ้าเขามีเพื่อนเป็นหมื่นๆ แล้วมีการพูดคุยเรื่องสินค้าระหว่างเขากับแฟนในเพจ อันนั้นจะกลับกลายเป็นน่าสนใจมากขึ้นแทน ลองเอาไปคิดดูนะครับ ------------------------------------------------------------------------ ช่วงนี้ผมจะเขียนบทความทั้งเรื่อง E-Commerce เรื่องภาษาอังกฤษ และเรื่องอื่นๆ อีกที่อยากคุย ใส่ไว้ใน fan page ก่อนแล้วก็อปมาวางไว้ที่บล็อกครับ ดังนั้นถ้าใครสนใจ ก็สามารถตามไปที่ //www.facebook.com/dr.ekkasit ได้เลย หรือแวะไปดูสัมมนาการตลาดออนไลน์ที่ผมทำกับสถาบันปัญญาธุรกิจของเครือเนชั่นได้ที่ //www.nation-education.com/enews/SocialBeauty-Jun8/Outline.pdf
Create Date : 09 เมษายน 2555 |
Last Update : 9 เมษายน 2555 11:12:55 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2174 Pageviews. |
|
|
เรามีร้านอยู่แล้ว ใช้เฟสเป็นตัวแจ้งข่าวสารเท่านั้นเองค่ะ