สวัสดีดีครับพี่ๆน้องๆทุกท่านที่กำลังวางแผนการเตรียมการสอบภาษาอักฤษเพื่อการติดต่อสื่อสารนั้น จริงๆ แล้วการอ่านหนังสือตอนที่อ่านเตรียมสอบ toeic ไม่ได้จัดตารางเลยครับ เพราะเคยทำแล้ว ทำไม่ได้ เคยเป็นมัยครับบทจะขยันก็ขยันหมดใจ บทจะขี้เกียจก็ขี้เกี่ยจจนเรียกได้ว่าอีกนิดเดียวตัวจะมีขนขึ้นแล้ว ทั้งนี้แล้วจะอ่านให้มีประสิทธิภาพทำอย่างไร จากคำถามดังกล่าวสามารถ ตอบได้คำเดียวครับ อ่านเมื่ออยากอ่าน แต่ต้องไม่ใช่ว่ามีแต่ไม่อยากอ่านนะ เพราะถ้าพูดแบบนั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นทศวรรษละรอบ ดังนั้นต้องทำให้อยากอ่านบ่อยๆ อยากอ่านมากๆ อยากรู้มากๆ ถ้ารู้แล้วก็อยากจะรู้ในสิ่งนั้นๆเพอ่มเติม และที่สำคัญขยันหาข้อมูลอ้างอิง หรือ TOEIC Tools เข้ามาช่วย เพื่อให้การอ่านมีประสิทธิภาพครับ อ่านทุกเวลาที่สามารถทำได้นั่นแหละดีที่สุด เพื่อนพี่เคยติดสูตรไว้ในห้องน้ำ พกสูตรติดตัว พกโน้ตย่อไว้ที่กระเป๋าเสื้อตลอดเวลา บางคนมีหนังสือติดตัวทุกที่ เพื่อให้ อยากอ่านเมื่อไร ก็หยิบขึ้นมาอ่านได้ทันที ไม่ต้องรอเวลา ไม่ต้องจัดตารางเอาละ แล้วถ้าจะจัดตารางเวลาอ่านหนังสือ จะทำยังไงดี พี่ขอว่าเป็นข้อๆ เลยดีกว่าครับ
1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
เวลาที่อ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ TOEIC เหมาะสมหมายความว่า เวลาที่ต้องการจะอ่าน เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ทุกคนได้เท่าๆกันโดยไม่มีใครได้มากหรือน้อยกว่ากันเลยคือ วันหนึ่งเรามีแค่ 24 ชม. นะ บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะครับ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงครับ วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก มีหลายๆ TOEIC Tools บอกไว้ว่าในทุกๆ 2 ชม.การอ่านหนังสือ หรือ ทบทวนข้อสอบโทอิคเก่าๆ คะแนนสอบ toeic ของคุณจะเพิ่มขึ้น อย่างน้อย 5 คะแนน อันนี่จริงนะผมเคยทำแล้ว
2. จัดวางลำดับเนื้อหา
ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก แต่ต้องไม่จดจ่อจนเกินกำลังนะครับ ไม่ใช่ว่าฉันชอบ Part Listening ก็เล่นแต่ Listening อยู่นั้นโดยไม่หันไปจับ Reading เลยอันนี้ขอบอกเลยว่า ร้อยทั้งร้อยคะแนนสอบมันก็ไม่ขึ้น ทำมัยเราถึงต้องเลือก อ่านสิ่งที่ชอบก่อน เพราะมันจะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะครับ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า การอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
3. ลงมือทำ
สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะถ้าคิดและวางแผนแต่ยังไง ถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง จดบันทึกไว้ด้วยจะดีมากว่าเราได้อ่านอะไรไป อย่าการสอบ
TOEIC มีด้วยกันทั้งหมด 7 Parts เราต้องจดไว้เลยนะครับว่าในแต่ละวันเราอ่านมันไปกี่ Part แล้ว และแนะนำนะครับว่า ๒ สัปดาห์สุดท้ายก่อนสอบจะต้องอ่านให้ครบทั้ง 7 Parts / วัน นะครับ (อันนี้ขอเถอะขอย้ำ) อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เหมือนกับที่พี่เคยเขียนไว้ว่า อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะครับ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ ทำอะไร ทำจริง แล้วกันนะครับ ทำให้ได้จริงๆ
4. ตรวจสอบผลงาน
การตรวจเช็คคือหาข้อสอบเก่าๆมาทำ อ่านเรื่องไหนก็ทำเรื่องนั้นไปก่อน ทั้งนี้หากอ่านครบทั้งหมด 7 Parts และก็ค่อยลงมือ จับเวลาเสมือนจริงบรรเลงทำข้อสอบ TOEIC ชุดเก่าๆโดยที่เราต้องจดบันทึกไว้ด้วยว่าทำอะไรไปบ้าง ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะครับ จะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
อยากจะบอกว่าช่วงนี้ยังมีเวลาเพียงพอสำหรับการเริ่มต้นที่ดี ยังไม่สายเกินไปหากคิดจะเริ่มอย่างจริงจัง อย่าอ่านเพียงแค่ได้เปิดหนังสือ อย่าโกหกตัวเองว่าได้อ่านแล้ว อย่าหลอกตัวเอง อย่าหลอกคนอื่น ความรู้ไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ หลอกคนอื่นอาจหลอกได้ หลอกตัวเองไม่ได้แน่นอน คนที่รู้จักเรามากที่สุดก็คือ ตัวเราเองนี่แหละ ตั้งใจทำ ทำเพื่ออนาคตของตัวเองนะครับ
