เมื่อนู๋ admit รพ.ครั้งแรก ด้วย " โรคลำไส้กลืนกัน " จ้ะ

ไส้จ๋าไส้ เจ้ากลืนกันได้อย่างไรเอ่ยยยย หุหุ

เรามารู้จักกะ " โรคลำไส้กลืนกัน " ก่อนนะจ๊ะ

โรคลำไส้กลืนกันเป็นภาวะที่ลำไส้ส่วนหนึ่งเคลื่อนตัวเข้าไปในลำไส้ส่วนที่อยู่ปลายกว่า พบได้บ่อยในเด็กที่มีช่วงอายุระหว่าง 4-12 เดือน และมักเกิดขึ้นในเด็กที่สมบูรณ์แข็งแรงดี ในปัจจุบันไม่พบสาเหตุที่แน่นอนที่ทำให้เกิดโรคนี้

ผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้กลืนกันจะมีอาการโดยเฉียบพลัน โดยเริ่มจากอาการปวดเกร็ง ร้องไห้งอแงกระสับกระส่าย อันเนื่องมาจากการปวดท้อง นอกจากนั้นก็มีอาการอาเจียนร่วมด้วย ซึ่งในตอนแรกจะเป็นนมหรืออาหารที่ทานเข้าไป ไม่นานนักอาการปวดท้องก็จะสงบลง ผู้ป่วยมักจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติอยู่ชั่วขณะ จนกระทั่งมีอาการปวดท้องขึ้นมาอีกพร้อมกับอาการอาเจียน ซึ่งในระยะหลังจะมีสีน้ำดีปนเนื่องจากมีการอุดตันของลำไส้ อาการปวดท้องจะเกิดขึ้นเป็นพักๆ เมื่อลำไส้กลืนกันมากขึ้นก็จะเริ่มมีการขาดเลือด ทำให้ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ซึ่งมักมีลักษณะเป็นเลือดสีคล้ำปนออกมากับมูก ในระยะหลังผู้ป่วยมักจะมีไข้และมีอาการซึมลง

การตรวจร่างกายอาจคลำพบก้อนซึ่งมีลักษณะคล้ายไส้กรอกภายในช่องท้อง การวินิจฉัยโรคลำไส้กลืนกันสามารถกระทำได้โดย 2 วิธี กล่าวคือ การทำอัลตราซาวน์ (ultrasound) ซึ่งสามารถตรวจพบก้อนลำไส้กลืนกัน และการตรวจด้วยการสวนลำไส้ใหญ่ด้วยสารทึบรังสี (barium enema) ซึ่งนอกจากจะให้การวินิจฉัยโรคนี้ได้อย่างแน่นอนแล้ว ก็ยังมีประโยชน์ในการรักษาโรคลำไส้กลืนกันด้วย

โรคลำไส้กลืนกันนี้เป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อย และเป็นโรคที่อันตรายถึงแก่ชีวิต เนื่องจากเมื่อลำไส้กลืนกันอยู่นานๆ ก็จะเกิดลำไส้ขาดเลือด จนกระทั่งมีการเน่าตายของลำไส้ได้ ฉะนั้นผู้ป่วยโรคนี้จำเป็นจะต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเร่งด่วน

การรักษาโรคลำไส้กลืนกันมี 2 วิธี

วิธีแรกคือการดันลำไส้ส่วนที่เคลื่อนตัวเข้าไป ให้ออกมาจากลำไส้ส่วนที่กลืนกันอยู่โดยการใช้แรงดันผ่านทางทวารหนัก ซึ่งอาจจะใช้การสวนลำไส้ใหญ่ด้วยสารทึบรังสี barium หรือใช้ก๊าซเป็นตัวดัน ถ้ากระบวนการสวนลำไส้ใหญ่สามารถดันลำไส้ที่กลืนกันออกได้สำเร็จ ก็ไม่จำเป็นจะต้องผ่าตัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถรับประทานอาหารได้ภายใน 1-2 วันหลังจากการสวนลำไส้ใหญ่และสามารถกลับบ้านได้ภายใน 2-3 วัน โดยไม่มีอาการของลำไส้กลืนกันอีก แต่ในกรณีที่ลำไส้มีการกลืนกันเป็นระยะเวลานานจนกระทั่งเกิดการเน่าตาย หรือในกรณีที่การสวนลำไส้ใหญ่ไม่อาจจะดันลำไส้ที่กลืนกันออกได้ ก็จำเป็นจะต้องได้รับรักษาด้วย

วิธีการที่สองซึ่งก็คือการผ่าตัด ในการผ่าตัดนั้น ศัลยแพทย์สามารถใช้มือบีบดันให้ลำไส้ส่วนที่กลืนกันคลายตัวออกจากกัน มีเพียงผู้ป่วยส่วนน้อยที่มีการเน่าตายหรือมีการแตกทะลุของลำไส้แล้ว ซึ่งในกรณีเช่นนี้จำเป็นจะต้องตัดลำไส้ส่วนที่เน่าตายออกและทำการต่อลำไส้ส่วนที่ดีเข้าหากัน

โรคลำไส้กลืนกันนี้แม้ว่าจะเป็นโรคที่ร้ายแรงและเฉียบพลัน แต่ผลของการรักษาโรคนี้ดีมาก ปัญหาที่พบได้บ่อยก็คือ บิดา มารดา หรือผู้เลี้ยงดูเด็ก ไม่ทราบว่าผู้ป่วยเป็นโรคนี้ เมื่อเห็นว่าเด็กมีอาการปวดท้อง อาเจียน มีไข้ ก็นึกไปว่าเป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบติดเชื้อหรือเป็นโรคบิดและได้ไปซื้อยามารับประทานกันเอง จนกระทั่งลำไส้เริ่มมีการขาดเลือดจนถ่ายอุจจาระเป็นเลือดปนมูกถึงจะพาผู้ป่วยมาให้แพทย์ตรวจ ทำให้ได้รับการรักษาที่ช้าเกินไป ดังนั้นเมื่อใดที่ผู้ป่วยเด็กมีอาการดังที่กล่าวมาข้างต้น ก็ควรรีบพาผู้ป่วยมาพบแพทย์เสียแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้ทำการวินิจฉัยและรักษาต่อไป


อ้างอิงจาก //www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=272

.......................................................................................................


เมื่อเช้าวันที่ 15 เม.ย.52 นู๋เอแคลร์มีอาการร้องไห้งอแงไม่ยอมหม่ำข้าว คุณแม่ก็สงสัยว่าน้องเป็นอะไรนะ ทำไมไม่ยอมหม่ำ ทั้งๆที่นู๋ก็หม่ำเก่ง และ ทานได้เยอะทุกมื้อ แต่ทำไมเช้านี้ไม่ยอมทาน และ ร้องไห้งอแง

หรืออาจจะเป็นเพราะอาหารไม่อร่อยถูกปากหรือป่าว เอ๊ะ!! ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะที่ป้อนอยู่ ก็ของโปรดนี่หน่า หรือว่าอาหารจะบูดเสีย เอ๊ะ!! คุณแม่ก็ชิมก่อนแล้ว ยังอร่อยกินได้นิ อ่ะ.. ไม่ทานก็ไม่ทาน งั้นกินนมแทนแล่ะกัน



สรุปว่า พอคุณแม่ป้อนนมปุ๊ป นู๋ก็อ้วกออกมาทันที คุณแม่เลยอาบน้ำอาบท่า และให้นู๋เข้านอนตอนกลางวัน นู๋นอนไปตั้ง 3 ชม.แน่ะ ทั้งๆที่เพิ่งตื่นเอง เอ..ไปเพลียอาไรมาเนี่ย

พอตื่นปุ๊ป ก็มีอาการร้องไห้งอแงอีก และ แสดงท่าทางเหมือนปวดท้อง โดยงอตัวบิดไปบิดมา หรือ ถ้าอุ้มอยู่ ก็จะงอขาขึ้น เหมือนอยากปีน พอแสดงท่าทางแบบนี้ปุ๊บ ก็จะอ้วกออกตามมา



อาการจะเป็นพักๆ คือ แสดงอาการปวดท้อง และอ้วกตามมา เว้นระยะทุกๆ 5-10 นาที จะเป็นทีนึง พอสักพักก็จะหาย แล้วก็จะเป็นอีก แต่ไม่มีไข้ หรือ ถ่ายท้องเสีย

คุณแม่เลยพาไปพบหมอเพราะคิดว่า อาจจะอาหารเป็นพิษ เพราะช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ป่าป๊า พาตะลุยกินไม่ยั้ง

ตั้งแต่ Sunday Brunch ที่ Novotel สุวรรณภูมิ...ติ่มซำ ที่ Dusit Princess...Fuji และ ล่าสุดที่ Water Side นู๋ก็ซัดทุกอย่างจนพุงกาง



ไปหาคุณหมอ ฉีดยากันอ้วก ก็ยังไม่หาย สรุปคืนนั้นทั้งคืน นู๋ไม่ได้ทานอะไรเลย ทานไปก็อ้วกออกหมด แถมต้องนอนปวดท้องเป็นระยะๆทั้งคืน คุณแม่แทบไม่ได้นอนเลย เพราะรู้เลยว่า เด๋วอีก 10 นาที นู๋ต้องตื่นมาร้องปวดท้องๆ
น่าจ๋งจ๋านมั่กๆ

พอตอนเช้า ให้ทานน้ำเกลือแร่ กะ ยากันอ้วก สรุปก็อ้วกออกหมดตามเดิม ป่าป๊าเลย พาไป admit ที่ รพ.ไทยนครินทร์ อย่างด่วน ตอนตีห้าครึ่งเลย



รอจนคุณหมอประจำตัวของน้องมาตรวจ คือ คุณหมอ นริดา ถาวรพานิช มาตรวจอาการ คุณหมอก็วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ ว่าน้องมีอาการของ " โรคลำไส้กลืนกัน "แน่นอน

คุณหมอจึงทำการอัลตราซาวน์ดู พบว่า ลำไส้กลืนกันอยู่ แต่ไม่มาก อาจจะต้องทำการสวนแป้งเข้าทางก้น แต่คงไม่ต้องถึงกะผ่าตัด เพราะน้องเป็นไม่ค่อยมาก และพามาหาคุณหมอได้ทันก่อนอาการจะลุกลาม



ภาพที่เห็นอยู่ เป็นแค่ภาพหลอกๆของเด็กเข้า รพ.ปกติที่เค้าเป็นกันนะคะ คือ ต้องนอนซมบนเตียงคนไข้ใช่ป่ะ

แถมนู๋ก็อดข้าวมา 2 วันแล้ว ไม่ได้ทานอะไรเลย คุณหมอก็ให้น้ำเกลือ นู๋คงไม่มีแรงและนอนสลบสไล สะลึมสะลือ แบบเนี๊ยะ



แต่จริงๆแล้ว นู๋แค่งีบๆเฉยๆค่ะ พอตื่นขึ้นมาปุ๊บ ก็กลับกลายเป็นลิงทะโมนเหมี๋ยนเดิมมมม

ทั้งๆที่ เด๋วคุณพยาบาลจะเอายานอนหลับมาให้ เพื่อให้นู๋หลับซะ จะได้ไปทำการสวนแป้ง



!!! เอารถมา นู๋จานั่งรถ !!!



ขอเล่นก่อนล่ะกันนะคะ



อันนี้เป็นภาพก่อนโดนยานอนหลับ



หลังจากโดนยานอนหลับอย่างอ่อนไปแล้ว 2 หลอด สภาพเป็นแบบนี้ค่ะ



^^

^^

เอ่อ....แบบว่า ยานอนหลับ 2 หลอดแล้วนะคร่ะ

พยาบาล : ????????? (หลังจากเดินเข้าๆออกๆ รอนู๋หลับอยู่ 4-5 รอบ)

พยาบาล2 : เด๋วจาไปตาม วิสัญญีแพทย์มาให้ยาเพิ่มนะคะ เพราะดูท่าทางแล้วคงไม่หลับ

....................................................

วิสัญญีแพทย์ : งั้นเอาโดมิคุ่มไปเลยแล้วกัน สัก 2 มิล น๊อคแน่ๆ หึหึ

เอแคลร์ : โดมิคุ่มเชียวรึหมอ!!!! จัดมา



หลังจากโดมิคุ่ม 2 มิล ผ่านไป สภาพเป็นแบบนี้ค่ะ



วิสัญญีแพทย์ : เอ่อ..งั้นเพิ่มโดมิคุ่มอีก 1 มิล แล่ะกันเต็มที่แล้ว ให้มากไม่ได้ น้องยังเล็ก เด๋วมีผลต่อการหายใจ แต่รับรองน๊อคแน่ คุณแม่อุ้มระวังด้วย

เอแคลร์ : หิวโว้ยยย อยากกินแมว



!!!!หลังจากโดมิคุ่มอีก 1 มิล สภาพเป็นแบบนี้ค่ะ!!!!

เอแคลร์ : หิวโว้ยยย กินรีโมท แทนก๊ะได้



วิสัญญีแพทย์ : ?????????????????????????

เอ่อ...คิดว่าคงต้องไปทำมันทั้งตื่นๆอย่างนี้แหละนะครับคุณแม่ คือ เอ่อ.....( ทำมายมานไม่หลับฟร่ะ!!!เด็กคนนี้!!!)

!!! นี่มานลูกคนหรือ กระทิงเปลี่ยว ฟร่ะ!!!!




สรุป เจอสวนตู๊ดดดทั้งๆยังตื่นนั่นแหละ ร้องจน รพ.แทบแตกกกกกกกกกกก

ก็ทามมายมะหลับล่ะลูกเอ้ยย!!!!

หลังทำการรักษา สภาพเป็นแบบนี้ค่ะ!!!!!!!!!



ทำการสวนแป้งใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ค่ะ ประมาณครึ่ง ชม. เท่านั้น อาจแล้วแต่สภาพของลำไส้ด้วย ว่ากลืนกันเยอะแค่ไหน ซึ่งบางคนสวนแล้วก็อาจไม่หลุด ต้องทำการผ่าตัดต่อไป

แต่ของนู๋เอแคลร์เป็นไม่มาก สวนปุ๊บหลุดปั๊บ แต่คุณหมอก็บอกว่า โรคนี้อาจจะกลับมาเป็นได้อีก ซึ่งสาเหตุก็ไม่แน่นอน แล้วแต่สภาพลำไส้ของแต่ละคนอ่ะนะ ก็คงแล้วแต่บุญแต่กรรมล่ะมั้ง ว่างั้นเหอะ!! เหอ เหอ

หลังจากทำเสร็จ ก็ยังคงไม่หลับเหมือนเดิม กว่าจะนอนได้ก็ปาเข้าไป 3 ทุ่ม เพราะญาติๆมาเยี่ยมกัน



แต่พอนู๋หลับก็หลับยาวเลย คุณแม่เลยสบายใจหายห่วงว่านู๋คงไม่ปวดท้องแล้ว แต่พอใกล้รุ่งเช้า เสียงเครื่องสายน้ำเกลือดัง ติ๊ดๆ เอ๊ะเกิดไรขึ้นเนี่ย

อุ๊แหม!! แม่เจ้า!! นู๋นอนดิ้นจนสายน้ำเกลือน้ำพันคอนี่เอง ดีนะที่เครื่องมันร้องเตือนซะก่อน แถมนู๋ดิ้นซะจนเข็มน้ำเกลืองอ จนเลือดไหลย้อนออกมาเลย คุณหมอจึงจำเป็นต้องถอดออก ไม่เจาะซ้ำอีก เพราะกลัวนู๋เจ็บ



เมื่อไร้พันธนาการจากสายน้ำเกลือ และ คุณหมออนุญาติให้ทานข้าว ทานน้ำ ทานนม ได้ตามปกติ นู๋ก็มีแรงออกซ่าส์ที่ห้องของเล่นแล้ว



จาเล่นอารายดีเนี่ย ของเล่นเยอะจัง



หลังจากนั้น คุณหมอก็รอดูอาการ จนถึง 6 โมงเย็น ก็อนุญาติให้กลับบ้านได้ เพราะนู๋หายดีเป็นปกติทุกอย่างแล้ว



สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ คุณหมอนริดา ถาวรพานิช คุณหมอเด็กคนเก่ง แห่ง รพ.ไทยนครินทร์มา ณ ที่นี้ด้วย

และนางพยาบาลทุกท่านที่ให้การดูแลเป็นอย่างดี ยังคงประทับใจ รพ.นี้เหมือนเดิมค่ะ



งั้นนู๋ขออนุญาติแอบงีบก่อนนะคะ บ๊าย บาย




Create Date : 18 เมษายน 2552
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 21:23:43 น. 6 comments
Counter : 8949 Pageviews.

 


โดย: little nuch วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:9:24:05 น.  

 
คนสวยป่วยซะแล้วลูก...ฤทธิ์ของยาเอาหนูไม่อยู่จริงๆ นั่นแหละ อิ อิ

แอบเห็นหนูไปเที่ยว ไปกินบ่อย (ห้องก้นครัว) โตเร็วจังลูก เห็นตั้งแต่หนูอยู่ในท้องคุณแม่ไปเที่ยวฮ่องกงมั้ง (ถ้าป้าจำไม่ผิด) จนตอนนี้ออกมาเที่ยวได้แล้ว เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ป้าจะไม่สาวขึ้นได้อย่างไรเนอะ

คาดว่าคงหายเปื่อยแล้ว...เอาไว้เจอกันใหม่นะจ๊ะ


ปล. Courtyard รอหนูโตอีกหน่อยรับรองเล่นสนุกได้เต็มที่มากๆ แต่ระวังช่วงเทศกาลหน่อยนะจ๊ะน้องนุช เพราะว่าคนเยอะมากจริงๆ เลยค่ะ


โดย: พี่ปุย (ลูกไหม) IP: 210.213.26.82 วันที่: 24 เมษายน 2552 เวลา:8:08:54 น.  

 
เรี่ยวแรงเยอะ ดีจังเลยค่ะ ..

อ่านที่คุณแม่เขียน ก็น่าฉงฉานน้า โดนไปหลายจึ้กเลย แต่หน้าตานี่มิได้บ่งบอกถึงความเจ็บเลยอ่ะค่ะ

เก่งมั่กๆๆๆ เลยนะคร้านู๋แอแคลร์


โดย: ทีที มัม IP: 203.153.160.35 วันที่: 29 เมษายน 2552 เวลา:12:44:01 น.  

 
ขอให้แข็งแรง และหายไวไวนะครับ อย่าเป็นอีกเลย
เอาใจช่วยครับ


โดย: AthlonVidia IP: 124.122.171.85 วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:55:55 น.  

 
ลูกชายก็เป็นคะตอนราวๆ3ขวบ

ตอนนี้5ขวบแล้ว มีอาการเหมือนเดิมบ้าง

แต่ไม่มากเท่าตอนเด็กๆ

ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรดี


โดย: แม่น้องฟีฟ่า IP: 125.27.247.56 วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:8:25:55 น.  

 
สวัสดีค่ะอ่านเรื่องของน้องมาโชคดีแล้วนะค่ะรักษาหายทัน ลูกชายก็เพิ่งเป็นค่ะ แต่อยากถามว่าตั้งแต่รักษาน้องมาไม่กลับมาเป็นอีกเลยใช่มั๊ยค่ะ


โดย: แม่น้องเจมส์มี่ IP: 210.213.49.236 วันที่: 16 สิงหาคม 2555 เวลา:9:20:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โกเอ๋ & ซ้อนุช
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




แวะมาดู Blog เค้า เม้นส์ให้เค้าด้วยนะตะเอง แอบดูเฉยๆขอให้เป็นตากุ้งยิงน่ะเอ้อ!!!!
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
18 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add โกเอ๋ & ซ้อนุช's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.