ต่อจากนี้และต่อไป
Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
11 กันยายน 2549
 
All Blogs
 

Jarhead&Tigerland กับวิสัยทัศน์ทหารไทย


ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผู้เขียนเป็นทหาร บทความนี้อาจจะมีคำปรุตโสวาทบ้างตามวิสัยทัศน์ทหาร ต้องขออภัยผู้อ่านด้วย ทั้งหมดเพื่ออรรถรสในการเขียนของผู้เขียนเอง



...แซม เมนเดสเป็นผู้กำกับที่ชอบจับประเด็นความใคร่ในจิตใจมนุษย์มาเล่าแทบจะทุกครั้ง เห็นได้ชัดจากที่เขานำความอยากความใคร่ของครอบครัวซึ่งเป็นสถาบันหลักมาเล่าได้อย่างน่าเคลือบแคลงใจอย่างใน American Beauty มาถึงครั้งหนึ่งคราวนี้เขาจับประเด็นร้อนของโลกมาเล่าอย่างการนำทหารอเมริกาเข้าบุกอีรัก แต่เขายังไม่ทิ้งการค้นลึกไปในจิตใจของมนุษย์ การที่พลทหารต้องเข้ารับหมายเกณฑ์ เข้ามารับการฝึกที่หนักหนาสาหัสรับการกดดันทางจิตใจอย่างที่พลเรือนไม่มีทางได้สัมผ้ส ทุกอย่างทำมาเพื่ออะไร พวกเขาถูกส่งไปตรึงกำลังที่ประเทศซาอุดิอารเบีย สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือการเฝ้ารอวันเวลาที่จะใช้วิชาฆ่าคน เหมือนม้าหนุ่มที่คึกคะนองเต็มที่

...แต่ถ้าเป็นทหารไทยอย่างผู้เขียนไม่มีการเฝ้ารอใดๆทั้งสิ้น การฝึกที่แสนสาหัสทั้งหมดเป็นเพียงจิ๊กซอร์ จิ๊กซอร์ของการเป็นทหารที่ถ้าไม่มีการฝึก คุณก็ไม่ใช่ทหารนะ ระเบียบถูกเอามาจับกับการทำงานเสียมากกว่า สู้กับหญ้าฆ่ากับมด เป็นงานหลักของสังคมทหารไทย

"ผมขอฆ่าคนๆนี้นะครับผู้พัน แล้วผมจะไม่บอกใคร"ดี.ไอ.ฟิช

...เสียงเรียกร้องจาก ดี.ไอ.ฟิช (สก็อต แมคโดนัล) พลทหารในเรื่องที่ต้องการที่จะฆ่าคน การฆ่าคนมันเหมือนเป็นความหวังเดียวของเขาที่จะปลอบโยนจิตใจจากหัวใจที่บอบช้ำไปกับการสูญเสียที่เจ้าตัวมารับใช้ชาติ บางทีต้องยอมรับเหมือนกันที่การเข้ามาเป็นทหารอาจจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง ที่เห็นเยอะที่สุดน่าจะเป็นคนรัก ดั่งคำโบราณว่าไว้จากนารี ๓ วันเป็นอื่น แต่ในกรณีนี้เป็นทางกลับกัน การเข้าไปอยู่ในที่ๆขยับไปไหนไม่ได้เลย วันๆเห็นแต่เดือยเป็นเวลานาน กับอีกฝ่ายที่มีอิสระเต็มที่เหมือนนกที่ถูกปล่อยออกจากกรงยากนักที่จะควบคุม ถ้านกตัวนั้นไม่เชื่องจริง มีหรือจะไม่มีอื่น คนที่เข้ามาอยู่ในกรงแทนคือทหาร แล้วสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอันเหี่ยวแห้งไว้ได้ก็คือ ความรักนั่นเอง แต่เมื่ิอสิ่งมีค่านั้นถูกสั่นคลอน ก็เหมือนจิตใจที่อ่อนแรงอยู่แล้วนั้นถูกขยี้ไม่มีชิ้นดี การระบายออกมาที่ดีที่สุดของตัวละครในเรื่องคือการที่ได้ฆ่าใครซักคน ในเมื่อคิดว่าการที่มารบทำให้ชีวิตคู่ย่อยยับ เลยอยากที่จะระบายออกมาให้มันสาสมแก่ใจในสนามรบ

"คนในหนังนั่นมันเมียผม คนที่ส่งหนังโป๊มาให้นั่นมันเมียผม"ครูเกอร์

...ศูนย์กลางของเรื่องคือ แอนโธนี่ สวอฟฟอร์ด(เจค กิลเลนฮาล)เขามีมีลักษณะเป็นผู้นำ แต่มนุษย์ก็คือมนุษย์ ไม่มีทางที่จะละทิ้งกิเลศไปได้ สวอฟฟอร์ด
มีจุดมุ่งหมายเดียวกับ ฟิช ที่ต้องการระบายความกดดันออกในสนามรบด้วยการฆ่า มันเหมือนเป็นความต้องการสูงสุด ณ ตอนนั้น แต่สวอฟฟอร์ดก็ยังหักห้ามใจไม่ให้สติแตกเหมือน ฟิช แต่ด้วยความที่ทำตัวเป็นผู้นำในกลุ่มเพื่อน บางทีอาจจะทำเกินไปในกรณีที่เขาเอาปืนไปจ่อหัวเพื่อนสุดเนิร์ดของเขาที่เฝ้าเวรแล้วทำให้ไฟไหม้ในค่ายในระหว่างที่สวอฟฟอร์ดกำลังรับผิดชอบสถานะการณ์อยู่ สวอฟฟอร์ดจึงถูกลดยศกลับมาเป็นพลทหารอีกโดยไซเกส (เจมี่ ฟ๊อกซ์) หลังจากนั้นเขาจึงกลับคืนสู่สามัญสำนึกแบบปกติไม่พยายามให้ความบ้าอำนาจทางทหารที่เขาเคยเจอมาครอบงำเขาได้

...สงคราบสงบลงแล้วต่างคนต่างได้กลับบ้านแต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นเหมือนเดิมอีกแล้วแต่มิตรภาพในสงครามระหว่างเพื่อนก็ยังไม่มีทางเลือนหาย ภาพของสงครามที่ต้องใช้เวลานานถึงจะฟื้นฟูจิตใจที่บอบช้ำจากความป่าเถื่อนนั้น

แต่อย่าลืมชีวิตออกต้องเดินไปข้างหน้า จะไปมัวจมปรักอยู่กับอดีตคงไม่ได้หรอกครับ




Tigerlandผู้เขียนได้ดูมาตั้งแต่ช่วงต้นปีหลังจากที่ผู้เขียนได้รับการฝึกทหารเสร๊จแล้ว(การฝึกทหารใช้เวลาทั้งหมด 3 เดือนเป็นการฝึกเพื่อปรับสภาพร่างกาย และเตรียมตัวพร้อมรบ

...ในเรื่องก็เป็นการฝึกของทหารสหรัฐอเมริกาในช่วงปี ค.ศ.1971 เป็นช่วงที่อเมริกาทำสงครามเวียดนาม ทางฝั่งอเมริกาจึงจัดการเกณฑ์พลเรือนเข้ามาเป็นทหารเพื่อสนับสนุนการรบ แต่โจเอล ชูมัคเกอร์ไม่ได้ต้องการที่จะถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ในสนามรบ เหมือนหนังสงครามเวียดนามเรื่องอื่นๆ แต่สิ่งที่เขาต้องการจะนำเสนอคือชีวิตของเหล่าพลทหารที่ถูกนำมาฝึกเพื่อที่จะออกปฏิบัติงานจริงในสนามรบ กว่าจะผ่านการฝึกที่ยากเย็นแสนเข็นเพื่อที่จะได้รบ พวกเขาต้องเอาชนะอุปสรรคข้างหน้าในการฝึกให้ได้ก่อน

...ในเวลาที่ต้องจากบ้านไปสนามรบ ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาบ้านหรือป่าว คนที่จิตใจอ่อนแอจิตใจไม่เข้มแข็งพอย่อมตกเป็นเหยื่อในสนามรบ โลแลน บอส(โคลิน ฟาเรล)ตัวแปรสำคัญของพลทหารในเรื่อง การฝึกที่แสนสาหัสทำให้กำลังใจของพลทหารลดน้อยลง ความคิดถึงบ้านเริ่มก่อตัวรุนแรงขึ้น เมื่อบอสเข้ามาในค่ายเขาเหมือนเป็นผู้ที่จะมาปลดปล่อยพลทหารเหล่านั้นจากความวิตกจริต

...ข่าวลือที่กระจายไปทั่วทั้งค่ายว่าถ้าใครอยากกลับบ้านให้ไปหาพลทหารชื่อ โลแลน บอส เริ่มดังขึ้นทุกขณะ เขาอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายทหารในการสู้กับผู้บังคับบัญชาชั้นสูง(หัวหมอนั่นเอง) เขาสามารถทำให้เพื่อนเขากลับบ้านได้ เป๋นเหมือนเยซูน้อยในค่าย แต่เขาก็ไม่พยายามที่ผลักดันตัวเองออกไปจากค่ายเลย เขาพร้อมที่จะสู้กับความโหดร้ายในสนามรบและค่ายฝึกที่จะประดาเข้ามาหาเขา

...สิ่งที่ผู้เขียนอยากเปรียบเทียบให้ดูจากเรื่องไทเกอร์แลนด์ก็คือ การฝึกในเรื่องเป็นต้นแบบการฝึกของทหารไทยในยุคปัจจุบัน ซึ่งทางอเมริกาเขาใช้หลักสูตรนี้ในปี70 แต่พี่ไทยเรายังใช้ระบบการฝึกอันคร่ำครึกนี่อยู่เลย

...ฝรั่งตาน้ำข้าวที่เข้ามาในเมืองไทยเพื่อตรวจตราอาวุธยุธโธปกรณ์ยังส่ายหน้ากันเป็นแถวเลย เพราะอาวุธของเราที่บ้านเขาเอาไปทำเศษเหล็กกันหมดแล้ว ถ้ามีถัยในประเทศอาวุธเหล่านี้ก็ยังพอรับมือได้อยู่ แต่ลองคิดดูถ้าเกิดมีภัยนอกประเทศสิ เราจะไปสู้อะไรเขาได้

...จุดอ่อนของทหารไทยที่ทำให้ไม่มีคนอยากเข้ามารับราชการทหารนักนั่นก็คือสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น รวมทั้งสวัสดิการของทหารไทยซึ่งยังน้อยกว่าทหารต่างชาติอยู่มาก ผู้ที่จะเข้ามมารับราชการด้วยความเต็มใจจึงยังมีน้อย การคัดเลือกทหารด้วยการจับฉลากจึงไม่ใช่สิ่งที่น่ายอมรับซักทีเดียวนัก

...ยกตัวอย่างเพื่อนผมคนหนึ่งเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่4 ใกล้ที่จะศึกษาจบเต็มทน แต่เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยนั้นได้ทำรายชื่อผ่อนผันการเกณฑ์ทหารของเพื่อนผมคนนั้นตกหล่นไป เขาจึงต้องเข้ามารับราชการด้วยความสะเพร้าของทางมหาวิทยาลัย และด้วยระบบทางทหารที่ว่าชายไทยที่ยังไม่จบปริญยาตรี หรือระหว่างศึกษาอยู่ ถ้าไม่มีวุฒิปริญาตรีให้ถือวุฒิการศึกษาที่สูงสุดตอนนั้น

...ลองคิดดูครับถ้าใครที่จบมัธยมศึกษาปีที่6มาตามระเบียบกล่าวไว้ว่าถ้าจับได้ใบแดงต้องเป็นทหาร2ปีเต็ม แต่ถ้ามีวุฒิปวส.ทั้งที่เขาอาจะยังไม่ได้เรียนในระดับมหาวิทยาลัย ถ้าจับได้ใบแดงเป็นเพียงแค่1ปี นี่ก็เป็นช่องโหว่อย่างหนึ่งของระบบทหารไทยในปัจจุบัน

...ทางฝั่งอเมริกาเขาไม่ต้องมีการจับฉลากคัดเลือกใดๆทั้งสิ้น แต่ทุกคนที่เข้ามารับใช้ชาติเต็มใจเข้ามาด้วยกันทั้งสิ้น ผมไม่ได้ว่าตัวเองว่าไม่รักชาติที่มาเป็นทหาร แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเสียงเล็กๆที่อยากให้มีการปรับปรุงมาตรฐานของทหารไทยได้ดียิ่งขึ้น

...ทิ้งท้ายไว้หน่อยว่าที่ผมกล่าวชมชาติตะวันตกไม่ได้คล้อยตามการปฏิบัติของเขา แต่แค่อยากเสนอแนวทางที่ต้องเริ่มจากภายใน ถ้าภายในกระทำตามเยี่ยงอย่างผู้นำบางประเทศ ถึงแม้จะแก้ระบบให้ดีขนาดไหน ก็ไม่ช่วยให้ชาติดีขึ้นหรอกครับ




 

Create Date : 11 กันยายน 2549
6 comments
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2549 17:17:14 น.
Counter : 1733 Pageviews.

 

2 เรื่องนี้ ต่างก้อมีอะไรให้คิดให้หยิบจับเหมือนกัน

แต่ก้อชอบ tigerland มากกว่า

jarhead มัน....นิ่งเกินไป
tigerland ดูแล้วมันมีความเป็นดราม่าเยอะกว่า ตื่นเต้นกว่า สนุกกว่า ลุ้นกว่า มันก้อเลยประทับใจมากกว่า

 

โดย: renton_renton 11 กันยายน 2549 19:43:06 น.  

 

เหมือนกันเลยครับ ชอบไทเกอร์แลนด์มากกว่า ได้อารมณ์ดิบๆดีมีความสนุกแบบหนังตลาดอยู่
แต่จาร์เฮดของแซม ดูเหมือนเขายำหนังมากเกินไปหน่อย

 

โดย: duldb 11 กันยายน 2549 22:13:54 น.  

 

ดูทั้ง 2 เรื่องแล้วเช่นกันครับ
จำความไม่ค่อนได้
แต่รู้สึก ว่า Tigerland จะมีความสมจริง และเข้มข้นกว่านะ
เหมือนอย่างที่คุณ duldb บอกมีอารทณ์ดิบๆ อยู่
อีกทั้งเป็นหนังเรื่องแรกของ Colin Farrel ด้วย...

 

โดย: phaley13 30 กันยายน 2549 1:06:27 น.  

 

แต่ถ้าพูดถึงความสมจริงผมให้jarheadนะในเรื่องความสมจริงทางด้านภาพ

 

โดย: duldb 1 ตุลาคม 2549 4:35:32 น.  

 

 

โดย: renton_renton 7 ตุลาคม 2549 10:54:19 น.  

 

 

โดย: renton_renton 10 ตุลาคม 2549 23:46:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


duldb
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add duldb's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.