|
|
เรื่องนี้ก้อเกิดขึ้นนานแล้วเหมือน พะดีเรื่องที่ cnn โจมตีประเทศไทย แล้วมีญ ไทยที่ภาษาอังกฤษดีมาก นามสกุล ณ ป้อมเพ็ชร เขียนไปตอบโต้ถึง cnn เลยทีเดียว ณ จุดนั้นทำให้เรารู้ว่าพลังของภาษามันสำคัญขนาดไหน ..เราเลยอยากไปเรียนเมืองนอกขึ้นมาทันที เพียงเพราะอยากได้ภาษา ซึ่งตอนนั้นเราก้ออายุ 30กว่าแล้ว และก้อจบโทแล้วด้วย การงานแทบไม่ได้ใช้ภาษา เราจะใช้ภาษาต่อเมื่อมีคนต่างชาตมาถามทาง เพราะพะดีทำงานในเมืองเลยเจอชาวต่างชาตกางแผนที่ถามทางเรื่อยๆ หรือไปเที่ยว เที่ยวในเมืองไทยก้อเหอะ ก้อผุกมิตรไปได้เรื่อยๆ
สรุป ภาษาไม่ได้จำเปนไรกะเราเลย จนเรื่องนั้นมันเปน inspiration ให้เรา
คราวนี้ เราก้อมาคิดจะไปเรียนไงได้บ้าง เนื่องจากไม่เด้กแล้ว อยากประหยัด คงต้องหาทุน แนะนำเลยว่า ทุนหลายตัวจำกัดอายุ ดังนั้น คนที่อยากเรียนต่อ ไม่ว่าจะต่ออะไรก้อตาม ควรเริ่มจุดประกายซะตั้งแต่ยัง 20ต้นๆ คุณน้องอย่ารอให้วัยล่วงเลยมาแบบคุณพี่ หรือบางทุน require ประสบการณ์ 26 ก้อเปนอายุที่ควรจัดไปให้เสร้จซะ เกินนี้หาลำบาก work&travel ก้อไม่เลว เพราะเพื่ิอนเราก้อมีไป ที่ออสเตรเลีย ตอนนนี้ก้อตั้งรกรากปักหลักทีี่โน่น ไปเรียบร้อย
ส่วนเราก้อนั่งหาทุนไปเรื่อย ตอนนั้นเล็งไว้เปนทุนของสมาคมธนาคารไทย เป้าที่ต้องพุ่งชนคือ 100 ibt ...คุยกะพี่ที่เค้าเคยทำได้ บอกว่าไม่ยาก ฝึกเยอะๆ เราเฉลยก่อนเลยว่า เราไม่สามารถ สอบไป 2ครั้ง ระยะเวลาครั้งแรก กะครั้งที่สอง ห่างกัน 8เดือนได้ (จำไม่ได้แล้ว นานแล้ว) ครังแรกได้คะแนน70 นะ ถ้าจำไม่ผิด ครั้งที่ 2 ได้ 81 เราแชร์ตรงจุดที่ได้ 81 ล่ะกันว่าทำไง
จิงๆ ภาษาเราไม่แย่นะ สอบ toeic ได้ 695 และ 745 คะแนน ตอนนที่สอบอายุประมาน 26 ตอนนนั้นสอบเพราะอยากสมัครนักบิน แต่สุดท้ายก้ออดส นะ แต่การเริ่มต้น toefl มันต้องละเอียดกว่าานั้น เพราะมันไม่ได้ choice หมด เราเริ่มด้วยจากการไปเรียน บุญชัย ซึ่งบอกตามตรงเรียนไม่ทันเท่าไหร่ เพราะคนที่เรียนที่นี่ส่วนใหญ่จะเป้นเด้กเก่าๆที่เรียนกะเค้ามาหลายคอร์ส พอมาถึงท่องคำว่า become go get turn กัอสามารถต่อเปนชุดท่องของเค้าได้ทันทีว่า verb กลุ่มนี้ ตามด้วย adj ได้ทันที สอบครั้งแรก เราไม่สนใจจะอ่านทบทวนที่เรียนมาจาก บุญชัยเลยนะ แต่สอบครั้งหลัง หยิบมาอ่าน แล้วโน้ตลงสมุดส่วนตัว ที่เปนสมุดจดแบบเย้บเล่มด้วยลวด เล่มแบบ pocket book มันได้ผลดีจิงๆ แล้วอีกอย่างที่บุญชัย ทำให้เราได้ผลคือ เราหาคำตอบได้จากการเรียนกะเค้า
1. การคิด คิดเปนไทย แล้วแปลเปนอังกฤษ, take note ก้อnote เปนไทย อันนี้ได้ประโยชน์ดี ตอนสอบทั้ง speaking, reading และ listening คือ หลักกการเค้ามีอยุ่ว่า อย่าฝืนธรรมชาติตนเอง ถ้าถนัดฟัง แล้ว lecture เปนภาษาอังกฤษที่ฟัง ก้อย่อมได้เช่นกัน
2. เค้ามีให้ส่งงานให้เค้าตรวจได้อะนะ เราก้อเลยหยิบ เรื่อง writing อยุ่เรื่องนึงไปส่งกะมืออ.เลย อ.หยิบไป พิศป๊าดเดียว ก้อตะโกนดังมากว่า อะไรมันผิดขนาดนี้ ไม่ถุกเลย พุดดังมาก คนรอลิฟท์กันตรุม เพราะหลังเลิก class เราอายมากตอนนั้น แต่ที่แย่คือเค้าส่งคืนเราเลย บอกว่าผิดgrammar หมด แต่ที่แย่คือไม่บอกว่าที่ถุกยังไง โชคดีมีน้องดี... น้องนิกกี้ มาชี้ทางให้คือ เราเอาไอ้ใบงานอััันนั้นส่งให้นิ้กแล้วนิ้กแก้มาให้ จึงรุ้ว่าผิดหมดจิงๆ และนิ้กเหมือนเปนครูเราอีกคน ที่บอกว่าาที่ถุกมันหน้าตายังไง ...ข้อนี้อ.ทำให้เรารุ้จุดอ่อน แต่คนช่วยซ่อม ตัวใครตัวมันแล้วค่ะ ว่าใครพอจะหาได้ยังไงบ้าง
3.ทำให้เราได้ศัพท์สวยๆ มาใช้ เปุด set ค่ะ อย่าง Nowadays, inevitable อะไรประมานนนี้ และได้พวก idiom เพราะๆมาใช้ ประมานนนี้ เพื่อเปน basic สำหรับ writing ค่ะ
4.เหนรุปแบบ listening ของเค้าค่ะ ขนาดระดับเค้า เค้าก้อโชว์สดเลย ฟังไป note ไป ก้อมีหลุดๆฟังไม่ออกไรไปบ้าง แต่รุปแบบคือ ฟังออกแค่คำ noun ที่เปน keyword เพื่อจับประเด้นเปนพอ...อันี้เราได้จากการสังเกตตอนเค้า note นะ คือไม่ต้องฟังออก ทุกคำ มันไม่จำเปน
5.มีเทคนิค reading นะ คือให้อ่านไปนึกภาพตามไป จำเปนภาพ เนื่องจากมันยาว เราจะเอาเทคนิคเหมือนสอบเอ็นท์ มาใช้ที่อ่านแต่ main idea ของแต่ละประโยค ก้อดูจะไม่เวิร์ค อยุ่ดี ยังไงแนะนำอ่าานหมด จำเปนภาพ แล้วมาตอบคำถาม จะเปนหนทางเดียวแล้ว ดังนั้นต้องฝึกอ่านให้เร้ว และจำเปนภาพให้ได้
เริ่มง่วง ขอเล่าต่ออันนหน้า ตั้งแต่เสิรชเว้บ หนังสือที่ใช้
| Create Date : 18 สิงหาคม 2559 |
| Last Update : 18 สิงหาคม 2559 2:01:54 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 504 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
 |
|
|
|
