คนรุ่นใหม่คงนึกไม่ออกว่ารุ่นปู่ย่าตายายเขาลำบากกันอย่างไร
แม่ชื่อจันทรา วรวาส ยามเป็นเด็กอยู่บ้านไร่ ที่หนองรี ชลบุรี
แม่เล่าว่า ไปโรงเรียนต้องเดินไปเดินกลับหลายกิโล (จำว่าไป 4 กลับ 4 กิโลเมตร) แม่ชอบไปโรงเรียน ไม่มีบ่น แม่ชอบเรียนแม้จะลำบากในการเดินทางมาก
พอจบชั้นประโยค ตามครูคนหนึ่งเข้ามาเรียนที่กรุงเทพ อาศัยบ้านของคุณครูคนนี้ น่าจะเรียนวิชาทอผ้า ที่เทเวศร์ ก็ไม่รู้ว่าที่ไหนแน่
คงจะมีคำว่า น่าจะ บ่อยหน่อย เพราะเป็นคำบอกเล่าของคนแก่ ที่ลูกก็ไม่ได้ใส่ใจถามรายละเอียด
แม่กินเจตั้งแต่จำความได้ พอมาอยู่กรุงเทพ เลยกินแต่เต้าหู้ยี้จนครบ 10 วันกินเจ นับว่ามีศรัทธาต่อการกินเจสูงมาก
ช่วงสงครามแม่บอกยิ่งลำบากใหญ่ สมุดแทบไม่มีให้เขียน ต้องเขียนตัวเล็กให้มากที่สุด จะได้ไม่เปลืองกระดาษ
แม่ยึดอาชีพตัดเสื้อผ้าที่ห้องแถวห้องเช่าของยายกิมชุนหน้าวัดใหญ่ ที่อำเภอเมืองชลบุรี
แม่บอกไม่ดีไม่ชอบ ตัดแล้วให้เลาะตามใจคนตัด เลยไปเรียนทำผม เสริมสวยกับฝรั่งที่ไนติงเกล กรุงเทพ ดังที่สุดในยุคนั้น เลยกลายเป็นร้านเสริมสวยเลิศฟ้าที่มีชื่อมาก เพราะเรียนกับฝรั่ง ดูโก้มาก ๆ
ช่างเสริมสวยดีกว่าช่างตัดเสื้อ เพราะไม่มีการแก้ไข ตัดแล้วตัดเลยแก้ไขไม่ได้
แม่ต้องมาเรียนเสริมสวยเพิ่มเติมบ่อย ๆ ที่กรุงเทพจะได้ทันสมัย และยึดอาชีพนี้มาอีกนาน
หลังจากนั้นแม่ไปเรียนตัดเย็บเสื้อในของวีรี ได้ยึดอาชีพนี้ต่อมา
หลังเกษียณยังไปเรียนวิชาตัดกางเกงของสารพัดช่างที่วัดนอกอีก เคยถามว่าไปเรียนทำไม แม่บอกมันยาก อยากรู้มาตั้งนานแล้วแต่ไม่มีโอกาส และคงไม่ได้ตัดเพราะแม่ไม่ใส่กางเกง นุ่งแต่กระโปรง และไม่เคยเห็นตัดกางเกงให้ใคร แต่อยากเรียนเพราะอยากรู้
นี่คือชีวิตแห่งการเรียนรู้ของคนรุ่นก่อนที่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนคนรุ่นนี้