พฤษภาคม 2563

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
630524 กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์



630524 กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ โดย ดร.พรรณี เกษกมล

พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ พระราชทานที่ดินพร้อมวังเพื่อก่อตั้งโรงเรียนเบญจมราชาลัย สถาปนาวันที่ 9 มิถุนายน 2456

พระนามเดิม พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงษ์ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 63 เป็นต้นราชสกุล วัฒนวงศ์ และเป็นโอรสองค์ที่ 4 ในเจ้าจอมมารดาบัว ซึ่งเป็นธิดาของเจ้าพระยานคร (น้อย) เมืองนครศรีธรรมราช ในสกุล ณ นคร ประสูติเมื่อ วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2406 ในพระบรมมหาราชวัง และสิ้นพระชนม์วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 2466

เมื่อเจริญพระชันษา สมเด็จพระบรมชนกนาถโปรดให้ทรงศึกษาวิชาการอย่างธรรมเนียมราชสกุล อาทิเช่น ทรงศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีอักขรสมัย คือ หนังสือไทย และภาษาอังกฤษ ขณะนั้นเป็นเวลาที่บ้านเมืองกำลังจะเปลี่ยนแปลงการปกครองอยู่พอดี

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับสถาปนาเป็นกรมหมื่นมรุพงศ์สิริพัฒน์ ได้รับพระราชทานพระยศเป็นนายพลตรีราชองครักษ์ เป็นอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส และทรงดูแลสถานอัครราชฑูตประจำอิตาลี สเปน โปรตุเกส เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่า มณฑลปราจีนบุรีถึงสมัยสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเลื่อนกรมขึ้นเป็นกรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์

พระองค์ทรงเห็นการณ์ไกล โดยเฉพาะในด้านการศึกษา สำหรับกุลสตรี จึงได้ทรงอุทิศวังเดิมข้างวัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งมีสิ่งก่อสร้าง คือ ตำหนัก 2 หลัง และโรงเรือนที่ปลูกสร้างไว้ในวังนั้นให้เป็นโรงเรียนสำหรับสตรี เพื่อทรงอุทิศส่วนกุศลสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เหตุที่ทรงยกวังประทานกระทรวงธรรมการนี้ ด้วยเหตุ 2 ประการ คือ ทรงเห็นประโยชน์ของบ้านเมือง ในเรื่องการศึกษาของกุลบุตร ธิดา ซึ่งพระองค์ได้ทรงประสบปัญหาเรื่องนี้ในตำแหน่งข้าหลวงพิเศษในหน้าที่เทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑล และทรงระลึกถึงคุณูปการในรัชกาลที่ 5 ซึ่งมีอยู่ต่อพระองค์ จึงทรงอุทิศวังฉลองพระเดชพระคุณในรัชกาลที่ 5 พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงพระราชทานชื่อโรงเรียนว่า เบญจมราชาลัย

หม่อมเจ้าหญิงจงกลณี วัฒนวงศ์ ได้ทรงเล่าถึงความปรารถนาของพระบิดา ในการบริจาคที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้ตั้งเป็นโรงเรียนเบญจมราชาลัย เนื่องด้วยที่ดินแปลงนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทาน

เมื่อจะสร้างวังใหม่ที่ตำบลมักกะสัน รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาพระราชทานเงิน โดยให้ผ่อนใช้ และเสียผลประโยชน์ในอัตราถูก การสร้างวังใหม่ได้สำเร็จลง ประจวบกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสวรรคต ในการบำเพ็ญกุศลถวายสมเด็จพระปิยมหาราช จึงได้ทรงสละที่ดินแปลงนี้ให้ตั้งโรงเรียนเบญจมราชาลัย เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่

พระองค์ทรงตั้งพระทัยให้เป็นโรงเรียนสตรีโดยเฉพาะ เพราะสตรีมีหน้าที่จะต้องอบรมบุตร ธิดา

ถ้ามารดาเป็นผู้ที่มีการศึกษา ก็จะได้อบรมเด็กให้เป็นพลเมืองดี ชาติบ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองได้ ก็ต้อง

อาศัยพลเมืองดี

การบริจาควังเดิมให้เป็นโรงเรียนนั้น เพียงแต่ให้อาศัยสถานที่เท่านั้น ส่วนสิทธิในการเป็นเจ้าของยังคงตกแก่ทายาท เพื่อว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนโรงเรียนนี้ไปใช้อย่างอื่น ทายาทจะได้ใช้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของคัดค้าน เพื่อให้เป็นไปตามพระประสงค์ของผู้ทรงบริจาคได้

ต่อมาเห็นว่า โรงเรียนเบญจมราชาลัยได้เจริญขึ้น จนเป็นที่แน่ใจว่าคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ทายาทจึงได้จัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงนี้ให้เป็นของกระทรวงศึกษาธิการ

พระองค์ยังทรงรับสั่งต่อหม่อมเจ้าหญิงจงกลนีว่า ต่อไปถึงแม้ลูกจะยากจน ก็ควรจะภูมิใจที่พ่อได้เสียสละ เพื่อหวังว่าโรงเรียนนี้จะได้เป็นที่ศึกษาอบรมแก่พลเมืองให้เป็นคนดี เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยทะนุบำรุงประเทศชาติ และเป็นตัวอย่างแก่ลูกทุกคนจะพึงปฏิบัติตาม คือการสร้างตนเองโดยไม่หวังพึ่งทรัพย์สมบัติของพ่อแม่แต่ฝ่ายเดียว และให้รู้จักเสียสละเพื่อความกตัญญูรู้พระคุณของผู้อุปการะ และเสียสละเพื่อส่วนรวม อันจะเป็นความรุ่งเรืองของประเทศชาติ

เหตุที่พระองค์ทรงมีพระประสงค์เจาะจง จะให้โรงเรียนแห่งนี้เป็นสถานที่ศึกษาเฉพาะสตรี ด้วยทรงรอบรู้และคิดการณ์ไกลว่า อันบุรุษจะเป็นคนดีแต่ฝ่ายเดียวหาได้ไม่ จำเป็นต้องอาศัยความดีของสตรีด้วย จึงจะทำให้บ้านเมืองสำเร็จได้โดยบริบูรณ์ เพราะถ้าเท้าหน้าเดินไปโดยตรง แต่เท้าหลังไขว้เขวปัดไปมาอยู่เนืองนิตย์ เท้าหน้าจะดำเนินไปโดยสะดวกหาได้ไม่

ความคิดที่จะเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูสตรี เพราะจะมีคุณประโยชน์มากกว่า ถ้าเป็นโรงเรียนสตรีธรรมดา เรียน 40 คน ก็จะมีคนที่มีความรู้เพิ่มเพียง 40 คน เท่านั้น แต่ถ้าครู 1 คน จะสอนลูกศิษย์ได้ 40 คน จะทำให้คนที่มีความรู้เพิ่มอีก 40 เท่า จะทำให้การศึกษาแพร่หลายเร็วขึ้นมาก

วันเปิดสอนวันแรก คือวันที่ 10 มิถุนายน 2456 มีนักเรียนหัวเมือง 24 คน เป็นนักเรียนประจำ 5 คน ต้องเสียค่าเรียนและค่าอาหารเดือนละ 15 บาท และเป็นนักเรียนไป กลับ 80 คน

สถานที่ของโรงเรียนตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดสุทัศนเทพวราราม มีพื้นที่ 2 ไร่ 2 งาน 35 ตารางวา บริเวณโดยรอบเป็นวังของเจ้านาย อาคารเรียนในช่วงแรกเป็นพระตำหนัก 2 หลัง และอาคารเรือนไม้ 5 หลัง ด้านหน้าเป็นตึกแถวมีประตูเล็กเป็นทางออกแคบ ๆ ช่วง พ.ศ. 2505

คุณหญิงประภาพรรณ วิจิตรวาทการ นายกเบญจมราชาลัยสมาคม ได้ระดมทุนเพื่อตั้งเป็นบุญนิธิใช้ดอกผล แทนค่าเช่าตึกถวายวัดมกุฎกษัตริยาราม ซึ่งที่จริงที่ดินผืนนี้เป็นของหม่อมเจ้าหญิงจงกลนี วัฒนวงศ์ ถวายเป็นศาสนสมบัติไว้แก่วัดมกุฎกษัตริยาราม

จากพระปณิธานของพระองค์ท่าน ได้ก่อเกิดคุณประโยชน์นานัปการต่อแผ่นดินในภายหลัง ด้วยศิษย์เก่าที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนแห่งนี้ สามารถดำรงตนเป็นแม่ที่ดี เป็นผู้นำสตรีในยุคต่อมา สร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียน และประเทศชาติได้เป็นอย่างดี

เกียรติยศที่ปรากฏสืบต่อมา คือ ศิษย์ทั้งหลายสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติหลายท่านได้เป็นคุณหญิง ท่านผู้หญิง ทำให้โรงเรียนได้ชื่อว่า เป็นโรงเรียนที่มีศิษย์เก่าเป็นคุณหญิง ท่านผู้หญิงมากที่สุดในประเทศไทย




Create Date : 24 พฤษภาคม 2563
Last Update : 24 พฤษภาคม 2563 10:11:31 น.
Counter : 1746 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments