สิงหาคม 2568

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
22
23
26
27
28
29
30
31
 
 
เรื่องราวของเด็กที่ไม่ชอบเรียนภาษาเเต่ความมุ่งมั่นของมันมาไกลถึงตุรกี
สวัสดีเราเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบเรียนภาษาเลยแต่จับพลัดจับผลูได้มาเรียนที่ประเทศตุรกี กระทู้นี้จะมาเล่าว่าเราได้มาเรียนที่นี่ได้อย่างไร ( จริงๆ ก็อยากเก็บความทรงจำนี้ไว้ เพราะมันจะเลือนไปตามกาลเวลา )
       ขอเล่าก่อนเลย เราเป็นเด็กที่ไม่ได้เรียนเก่งมาก ตอนมัธยมเรียน วิทย์-คณิต เกรดเฉลี่ยตอนยื่นทุน 3.33 แต่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก คืออยากเข้าคณะนี้ ย้อนกลับไป มัธยมศึกษาปีที่ 5 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เรากำลังหาว่าเราอยากเป็นอะไร แต่ก็น่ะ ไอ้เด็กกิจกรรมทำทุกกิจกรรมที่มี (เเต่สิ่งเดียวที่รู้คือ เราไม่อยากทำงานในบริษัท ) ในหัวคิดอยู่สองทางคือ ทำงานในโรงบาลเป็นอะไรก็ได้ กับ วิศวะมั้ยสร้างตึกเเม่งเลย ( นั้นมันก็ความคิดตอนเด็กอ่ะน่ะ ) จนได้มารู้จักกับอาชีพหนึ่ง นั่นก็คือ paramedic โอเคชั้นเลือกเธอ พอเรารู้แล้วว่าเราอยากเรียนสาขาอะไร จึงมุ่งไปทางนั้นอย่างเดียว ไปเราก็ไปหาข้อมูลว่าต้องสอบอะไรบ้าง พอรู้ว่าต้องสอบอะไรบ้างเราก็มุ่งไปทางนั้นอย่างเดียว คือ ตั้งใจเรียนสายวิทย์ทั้งหมด เข้าติว GAT อ่านหนังสือทุกวัน ด้วยเป็นเด็กกิจกรรมจึงมีรูปกิจกรรมทำพอร์ตเยอะ ตั้งใจหากิจกรรมเกี่ยวกับพารา ดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดีใช่มั้ยค้า แต่นี่แหละจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตก็คือ ยื่น 4 มหาลัยไม่ติดเลย ( ตอนนี้หนักมาก เกือบซึมเศร้า สิ่งที่ทำมาทั้งหมดสลายไปแค่คำเดียวว่า คุณไม่ติดในรอบนี้ จำได้เลยว่าตอนนั้นร้องไหอยู่ 1 วันเต็มจนเพื่อนมาเคาะประตูห้องแล้วหิ้วไปพักใจที่ทะเลเพราะทุกคนก็เห็นความพยายามของเรา จนพ่อโทรมาเเล้วพูดว่า " การสอบไม่ผ่านมันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตนะลูก ไม่ผ่านรอบนี้ รอบหน้าเอาใหม่ เราเริ่มใหม่ได้เสมอนะลูก " ใช้เวลาทำใจอยู่นาน. ก่อนที่อาจารย์ท่านหนึ่งเดินมาพูดกับฉันว่า มีทุนนี้สนใจไปไหม ตอนนั้นไม่คิดอะไรเลย เพราะไม่มีอะไรจะเสียเเล้ว ไม่รู้ด้วยว่าจะสมัครคณะไหนดี สาขาไหนหรือเมืองไหน ( เนื่องจากตอนนั้นรู้จักเเค่พารา ) รู้แค่ว่าทุนของประเทศตุรกีเป็นทุนฟรีเต็มจำนวน เราเอาเว็บไซต์ของทุนมาแล้วกลับไปเลื่อนดูว่ามีคณะไหนน่าสนใจบ้าง อ่านก็ไม่ออกใจมือถือถ่ายรูปเเปลภาษาเอา คือตอนนั้นอ่ะถ้ามันจะล้มเหลวก็เอาให้สุด คือยื่นทุนเเบบไม่คาดหวัง จำได้ว่าทางทุนเค้าให้เลือก 6 ลำดับมั่ง ตอนนั้นเลือก กายภาพบำบัดไป 4 เเล้วก็มีคณะหนึ่งชื่อคณะว่า emergency and disaster management หรือเเปลว่า เหตุฉุกเฉินเเละการจัดการสาธารณภัย 2 ลำดับสุดท้าย เเล้วก็ยื่นไปเเบบงงๆคนที่บอกว่ายื่นทุนนี้คือพ่อ เพราะกลัวว่าทางบ้านจะไม่ให้ยื่น
       หลังจากที่ยื่นทุนนี้ก็ไม่ได้คาดหวังน่ะ ใช้ชีวิตแบบเด็กม. 6 จบเเล้วไม่มีที่เรียนรอยื่นมหาลัยรอบ 3 ใช้ชีวิตในช่วงอายุ 18 อร่อยเลย อยากไปไหนก็ไป อ่านหนังสือหนักกว่าเดิม เเต่ก็นั้นเเหละ เรามันสนใจเเค่วิชาทีชอบจึงค่อนข้างจะอ่านเเค่วิชาที่ชอบ ภาษาอังกฤษนี้ไม่เอาเลย เราสมองไม่ไปจริงๆ เวลาผ่านไปจำได้ว่าตอนนั้นเรายื่นรอบสามมหาลัยไทยไปเเล้วด้วย ก็มีสายโทรศัพท์สายหนึ่งดทรเข้ามา " เช็คเมลยัง ติดสัมภาษณ์มั้ย " ได้ยินอย่างนั้นก็เช็คเมลทันที " ติดสัมภาษณ์ว่ะ " กรี๊ดในใจเพราะยังไม่กล้าบอกใครได้เเต่คิดว่า ยื่นมหาลัยไทยตั้ง 4 มหาลัยไม่ติดเเต่มาติดทุน 100% เอาก็เอาวะ ก่อนนั้นกัดฟังไปคุยกับแม่ พร้อมกับยื่นเอาเมลตอบรับทุนให้แม่ดูเเล้วไม่พูดอะไร แม่พูดมาว่า " อีก 7 วันทำให้เต็มที่นะ " เชี่ย! 7 วันสัมภาษณ์ กับอีเด็กที่ไม่รู้เรื่องภาษาอังกฤษเลย ได้แค่ เยส โน โอเค ก็หรูแล้ว ไม่รู้ว่าเค้าจะถามอะไรบ้าง ภาษาอะไร ประเทศตุรกีก็ไม่เคยไปอีก ยังคิดว่าเมืองหลวงของเขาคืออิสตันบูลอยู่เลย เอาก็เอาเว้ยไหนๆก็มาขนาดนี้แล้ว ขาก้าวหนึ่งเหยียบไปตุรกีแล้วนะ เเค่นี้อีกนิดเดียว ก็เลยเริ่มเรียนคอร์สพี่นิริน ( ก็เรียนไปหน้าหนึ่งค่าคอร์สโครตเเพงหนังสือโครตเยอะนี่เรียนไปหน้าเดี่ยว ) ศึกษาประวัติประเทศเขาใน 7 วันนั้น รู้จักสงครามแต่ละประเทศมากกว่าที่ฉันเรียนวิชาประวัติศาสตร์สังคม 6 ปีในโรงเรียนเสียอีก (เพราะรุ่นพี่บอกว่าเขาจะถามเธอแน่นอน)
       แล้ววันสัมภาษณ์ก็มาถึง ตื่นเต้นมากๆซ้อมบทแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษไป เเบบ มายเนมอีส ( แล้วอ่ะไรต่อก็ไม่รูลืมล่ะ ) พ่อไปส่งถึงสถานทูตตุรกี วันนี้เป็นวันที่รู้สึกตัวว่า เชี่ยภาษาสำคัญจริงๆว่ะ ( ใครจะไปรู้ว่ะว่าคนอย่างฉัน จะต้องมาทำเอกสารที่สถานทูต ต้องมาคุยกับคนที่ไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน วันนั้นคือภาษาอังกฤษเเม่งสำคัญจริงๆๆๆ ) บอกเลยหลังจากแลกบัตรผ่านประตูมาแทบจะไม่ได้ใช้ภาษาไทยอีกเลย เพิ่งรู้ว่าตอนจะเข้าสถานทูต เขาไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ ( บทเรียนชีวิตอีกเรื่องเริ่มขึ้นแล้ว ) เข้าไปนั่งคนเดียวเหงาๆเลย มีเพื่อนจากพม่าและก็ประเทศเพื่อนบ้านเรามาสัมภาษณ์ด้วยเนื่องจากบ้านเค้าไม่มีสถานทูตตุรกี เพื่อนคนไทยเเต่ละคน สปีคอิงลิช ฉ่ำ ส่วนอีนี่นั่งเงียบๆๆเหงาๆในมุมหนึ่งของห้อง ( อินโทเวิตเข้าสิงทันที ) ตอนแรกเขาให้ไปทำข้อเขียนก่อน อ่ะก็เดินตามเขาไป โห่แต่ละดูฉลาดมาก ( พยายามพยักหน้าให้ดูเหมือนไม่โง่ เเต่ถามว่ารู้เรื่องมั้ย เหอะ ไม่เลยสักนิด ) โอเคข้อเขียนไม่ยากมาก พื้นฐานคณิตศาสตร์กับฟิวข้อสอบ GAT ติวรอบสามมาตั้งนานผ่านไปได้ชิลๆข้อเขียน
       สัมภาษณ์นี่แหละของจริง ( กล้ากลัว ) จำได้ว่าเข้าสัมภาษณ์คนที่ 3 เพราะหิวข้าวอยากออกจากที่นี่สักทีอยากได้โทรศัพท์คืน!! เลยอาสาเข้าไปเป็นคนที่สาม ตอนนั้นพูดกับคนที่มารับเพื่อพาไปห้องสัมภาษณ์ว่า ดูยูแฮฟอะทรานสเลเตอร์ไหม เเบบนี้เลยจำได้ ( นี่ก็ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจได้อย่างไร ) เขาก็หายไปแป๊บนึงกลับมาพร้อมกับคนไทยยยยยยยยย คนไทยคนเเรกภาษาไทยคำเเรกที่ได้ยิน "สวัสดีค่าน้องพี่มาช่วย" ( ฉันเเบบสบายใจล่ะ ) เเบบสคริปที่ท่องมาโยนทิ้งค่ะ ถามมาเลยคุณพรี่ ใช้ความมั่นใจบวกกับความไปเรื่องของคนไทย ส่วนพี่ล่ามก็น่ารักมากพูด10 ต่อให้ 100 คืออยากวิ่งไปกอด ( รายละเอียดสัมภาษณ์มันเยอะมาก ) จบสัมภาษณ์ด้วยคนว่า กูเลกูเล คำภาษาตุรกีคำเดียวที่ซ้อมมา
         หลังจากวันนั้นมหาลัยไทยก็ประกาศรอบสาม ติดมหาลัยแห่งหนึ่งย่านอนุสาวรีย์ สาขาการจัดการสาธารณภัย ก็เริ่มไปเรียนมหาลัยล่ะ มีสังคมมหาลัยลาะ แต่รอบนี้เริ่มคาดหวังกับทุนตุรกีเเล้วนะ ( คิดดูสิยอมรอทุน ไม่เช่าหอพักยอมไปกลับบ้านเพื่อกลัวว่าถ้าติดทุนแล้วจะเสียเงินค่าหอฟรี เเล้วจากคลอง 6 รังสิตไป อนุสาวรีย์ โครตไกล ) แต่ก็ใช่ชีวิตแบบสุดเหมือนกัน ไปเที่ยว ไปเรียน หาเพื่อน จนมีอยู่วันหนึ่ง
        วันที่อากาศเป็นใจ นั่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปมอ.แต่ 6 โมงเช้า รถไฟฟ้าที่เเออัดกับเสียงเพลงในหูที่บรรเลงไปพร้อมกับเสียงประกาศของรถไฟฟ้า สถานีต่อไปห้าเเยกลาดพร้าว ก็มีเเจ้งเตือนเมลหนึ่งขึ้นชื่อว่า Türkiye Scholarships (เชี่ย ทุนประกาศตอนกำลังนั่งรถไฟไปมอ. ) ตอนนั้นคือไม่กล้าดู ถ้าติดเเล้วกรี๊ดบนรถไฟฟ้าก้จะถูกมองว่าเป็นบ้าอีก ถ้าไม่ติดแล้วร้องไห้อันนี้หนักเลย คนหาว่าอกหักบนรถไฟแน่นอน เอาก็เอาวะลงสถานีหน้าเปิดดูก่อน อ่ะก็ลงไป ไม่กล้าดูคนเดียวเลยโทรหาครูคนหนึ่งที่สนิท พร้อมกับเปิดเมลดู เเล้ววววว " We would like to congratulate you " ( ติดทุนตุรกี ) ตอนนั้นจำได้ว่ากรี๊ดจนคนที่รอรถไฟหันมามอง ตั้งสติอยู่สักพัก ก่อนที่จะกดโทรหาพ่อ แม่
        พอถึงตรงนี้ก็อยากรู้เเล้วใช่ไหมว่าหลังจากที่ทุนตอบรับ เกิดอะไรขึ้นอีกกับชีวิตเด็กคนนี้ ฝากติดตาม เดี๋ยวมาเล่าต่อวันนี้ ง่วงแล้ว ฝันดีทุกคนค่ะ กูเลกูเล 7



Create Date : 20 สิงหาคม 2568
Last Update : 21 สิงหาคม 2568 7:14:56 น.
Counter : 254 Pageviews.

0 comments
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณnewyorknurse

ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#21



สมาชิกหมายเลข 7056003
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เราเป็นนักเดินทางตัวน้อยที่มีความฝันเต็มไปหมด โดยคิดว่าการเดินทางเพื่อค้นพบตัวตนที่เเท้จริงของตนเอง
{ background-color: #1e90ff; /* สีพื้นหลัง */ color: white; /* สีตัวอักษร */ padding: 20px; text-align: center; border-radius: 8px; font-family: Arial, sans-serif; } header h1 { margin: 0 0 10px 0; font-size: 28px; }

DreamFar 🚀

header nav a { color: white; margin: 0 12px; text-decoration: none; font-weight: bold; } header nav a:hover { text-decoration: underline; }