เย็นกายสบายใจ
Group Blog
 
 
เมษายน 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
15 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
" ดินสอ" มาจากไหน

ประวัติของ "ดินสอ"



.......ในสมัยอดีต การเขียนเรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป็นแบบแผนทางวัฒนธรรม ตำรา หรือการวาดรูป มนุษย์ในสมัยก่อนใช้อุปกรณ์ที่เป็นแปรงหรือกิ่งไม้เล็กๆ และเหล็กที่มีปลายแหลม นำไปเผาไฟจุ่มลง ในน้ำหมึกเพื่อใช้ในการขีดเขียน (ภาษาโรมันเรียกแปรงหรือเหล็กแหลมนี้ว่า " Pencillus" หรือ "Little tail " ซึ่งต่อมากลายเป็นคำว่า " Pencil " มีความหมายว่า หางน้อย ) ส่วน "ปากไก่ หรือ ปากกาขนห่าน" เริ่มมีการประดิษฐ์ขึ้นใช้ในทวีปยุโรปเมื่อศตวรรษที่ ๖
.......เมื่อประมาณ ๔๐๐ กว่าปีก่อน บาทหลวงชาวสวิสเซอร์แลนด์ได้เป็นผู้คิดค้นประดิษฐ์เครื่องเขียน ที่ทำจากขนนกขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ใช้ต้นทุนค่อนข้างสูงและไส้ดินสอมีความเปราะเกินกว่าจะใช้ ในงานเขียนปกติได้ ทำให้งานเขียนช้ามาก ต่อมาใน ปี ค.ศ. ๑๕๖๔ ได้มีการค้นพบวัสดุที่ใช้ทำไส้ดินสอ ได้ดีโดยบังเอิญ เนื่องจากเกิดพายุใหญ่ในทุ่งเลี้ยงแกะ ใกล้กับหมู่บ้านบอร์โรว์เดล ตำบลคัมเบอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ ต้นไม้ใหญ่ถูกพายุพัดถอนรากถอนโคนเป็นจำนวนมาก หลังจากพายุสงบชาวบ้านได้พบหินสีดำอยู่ใต้ดิน ณ บริเวณรากของต้นไม้ที่โค่นล้ม เมื่อทดลองนำมาขีดเขียน ปรากฏว่ามีความคมชัดดีมาก คนเลี้ยงแกะจึงนำมาเขียนสัญลักษณ์ลงบนตัวแกะของตนเอง หินสีดำที่ค้นพบในครั้งนั้นคือ แกรไฟต์ ( Graphite เป็นคาร์บอนชนิดหนึ่ง ) หลังจากนั้นไม่นานมีผู้นำหินนี้มาทำเป็นแท่งและนำไปขายโดยโฆษณาว่าเป็น "หินสี " สามารถนำไปเขียนบนสิ่งใดก็ติดทั้งนั้น พ่อค้านิยมซื้อไปเขียนตราสัญลักษณ์และทำเครื่องหมายบนสินค้า หรือหีบห่อที่บรรจุสินค้าของตน เพื่อเป็นการบอกชนิด จำนวน และราคาของสินค้านั้นๆ
.......ต่อมาพระเจ้าจอร์ช ที่ ๒ ได้ยึดเหมืองแร่แกรไฟต์แห่งบอร์โรว์เดลให้เป็นของรัฐ โดยเข้าไป ดำเนินการแบบผูกขาด (แกรไฟต์ เป็นวัตถุสำหรับทำกระสุนปืนใหญ่) ไม่ต้องการให้ประชาชนเข้าไป เกี่ยวข้องเนื่องจากเกรงจะถูกแย่งชิง ครั้งแรกที่ผลิตแท่งแกรไฟต์ออกจำหน่ายได้พบว่ามีข้อบกพร่อง ๒ ประการ คือ เวลาเขียนจะมีสีดำสกปรกติดมือ และเปราะแตกหักง่าย จึงทำการแก้ไขด้วยการนำเชือก เส้นเล็กๆพันไว้รอบจนแน่นตลอดแท่ง แล้วคลายออกทีละน้อยเวลาใช้ขีดเขียนเพื่อไม่ให้สีดำติดมือ ส่วนการเปราะและแตกหักง่ายได้รับการแก้ไขให้ใช้งานได้ดีขึ้น
....... ในปี ค.ศ. ๑๗๖๑ คาสปาร์ เปเปอร์ (ช่างงานฝีมือชาวบาวาเรีย) ซึ่งอดีตเป็นนักเคมี ได้นำ แท่งแกรไฟต์ไปบดให้ละเอียดแล้วผสมด้วย กำมะถัน พลวง และยางสน จากนั้นจึงนำไปใส่ในพิมพ์ ทำเป็นแท่ง เพื่อให้เกิดความสะดวกในการใช้งาน ปี ค.ศ. ๑๗๙๕ พระเจ้านโปเลียนที่ ๑ มีรับสั่งให้ นิโคลาส แจ๊ค ดังเต้ ซึ่งเป็นหัวหน้านักเคมีและนักประดิษฐ์ชั้นแนวหน้าของประเทศฝรั่งเศส นำแกรไฟต์ ที่สามารถหาได้ทั้งหมดในฝรั่งเศสมาทำเป็นดินสอ แต่เมื่อนานเข้าทำให้เกิดการขาดแคลนแกรไฟต์ นิโคลาสจึงได้นำเอาแกรไฟต์มาบดเป็นผงแล้วผสมเข้ากับดินเหนียวชนิดหนึ่ง (Clay) ในสัดส่วนที่ แตกต่างกันเพื่อหาส่วนผสมที่ดีที่สุด แล้วจึงนำไปเข้าเตาเผา จนกลายเป็นต้นตำรับของการทำดินสอ คือ เนื้อเหนียวขึ้นไม่หักเปราะง่าย และด้วยการเพิ่มดินเหนียวเข้าไปตามอัตราส่วนนี้เองทำให้สามารถผลิต ไส้ดินสอออกมาได้หลายขนาด คือ แข็ง ( Hard ) หรือ H ลงมาจนอ่อนสามารถเขียนได้ติดดำสนิท ( Black ) หรือ B ซึ่งในปัจจุบันมีตั้งแต่ 5 H และ 6 B เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานต่อมาชาวอเมริกันชื่อวิลเลียม มอนโร ช่างทำเฟอร์นิเจอร์ ได้ประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับผลิตดินสอขนาดมาตรฐานได้สำเร็จ สามารถตัดไม้ออกเป็นแผ่นบางๆ ยาวประมาณ ๖ - ๗ นิ้ว เซาะเป็นร่องเล็กๆตลอดความยาวของแผ่นไม้ เพื่อบรรจุ แท่งแกรไฟต์ และใช้ไม้อีกแผ่นหนึ่งเซาะร่องไว้อย่างชิ้นแรก นำมาทากาวแล้วประกบลงไป ซึ่งเป็นดินสอ ที่มีไม้หุ้มและเป็นดินสอที่ทันสมัยแท่งแรกของโลก เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ในการขีด - เขียน ที่มีราคาถูกและสะดวก รูปร่างกระทัดรัดและสวยงาม เป็นที่ยอมรับในทุกวงการ ทำให้ปากกาขนห่านจุ่มน้ำหมึกในสมัยนั้นเสื่อมความนิยมไป
.......ในปัจจุบันดินสอทำด้วยวัตถุดิบที่แตกต่างกันออกไปกว่า ๔๐ ชนิด แต่ดินสอที่ดีที่สุด คือดินสอที่ใช้อุปกรณ์ในการทำดังนี้
- Graphite จากประเทศศรีลังกา มาดากัสการ์ และเม็กซิโก
- Clay จากประเทศเยอรมัน
- ยาง (ใช้ทำยางลบ) จากประเทศมาเลเซีย
- แร่พลวง (ใช้เป็นตัวเชื่อมของ Graphite กับ Clay) จากประเทศเบลเยี่ยม และตามบริเวณชายฝั่ง ของประเทศเดนมาร์กเท่านั้น ไม้ที่นำมาห่อหุ้มแท่งดินสอส่วนใหญ่จะทำจาก "ไม้ซีดา" ที่มีอายุ ๒๐๐ ปี ขึ้นไป เป็นไม้ที่มีกลิ่นหอม โดยนำมาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย จะพบบนเขาสูงๆเท่านั้น (ไม้ซีดาเป็นไม้ ที่มีเนื้ออ่อนและเหลาง่าย )
....... ปัจจุบันดินสอแบ่งออกได้เป็น ๒ ชนิดด้วยกัน คือ ดินสอดำ ( Lead Pencil ) คือดินสอที่นิยม ใช้กันทั่วๆไป ไส้ดินสอทำจากถ่านแกรไฟต์ผสมกับดินเหนียว ( Clay ) ใช้ตัวอักษร B ( Black ) และ H ( Hard ) กำหนดความแข็งและความเข้มของไส้ดินสอ ขนาด 6 B จะมี Clay ผสมน้อย ส่วนขนาด 6 H จะมี Clay ผสมมากที่สุด ดินสอที่มีความเข้มน้อยจะใช้ในการร่างภาพ ส่วนดินสอที่มีความเข้มมากจะใช้ ในการแรเงา ดินสอคาร์บอน ( Carbon Pencil ) หรือดินสอถ่าน ทำจากส่วนผสมของถ่านไม้ (Charcoal) ไส้ดินสอดำคล้ายถ่านไม้ มีชนิดแข็งและอ่อน ลำดับจาก HH (แข็งมาก),HB(ปานกลาง ), B(ไส้อ่อนแต่ดำ), BB(ดำมาก),BBB (ดำที่สุด) บางบริษัทใช้ตัวอักษร E แทนตัวอักษร B
.......แต่สมัยใหม่ดินสอโดยเฉพาะอย่างยิ่งดินสอที่ใช้ในงานศิลป์แบ่งระดับความเข้มอ่อนดังนี้


.......ดินสอมาตรฐานมีความยาว ๗ นิ้ว แท่งหนึ่งๆสามารถลากเส้นได้ยาวถึง ๓๕ ไมล์ เขียนได้อย่างน้อย ๔๕,๐๐๐ คำ เหลาดินสอ ๑๗ ครั้ง จะเหลือเศษความยาวเพียง ๒ นิ้ว บางชนิดจะติดยางลบ ไว้ด้วยเพื่อให้สะดวกในการใช้งาน




Create Date : 15 เมษายน 2550
Last Update : 18 เมษายน 2550 11:31:06 น. 0 comments
Counter : 309 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gearwrench
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Gearwrench's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.