ตอนสิบเก้า เร้าใจ ไม่ผิดหวัง
ต้องระวัง นั่งให้ดี อย่ามีเผลอ
ในตอนท้าย แอบสั่นไหว ใจละเมอ
แข่งกันเรอ เจอฤทธิ์โค้ก อย่าตกใจ
แผ่นดินแห้ง สั่นแรงขึ้น ลุกยืนยาก
ร่างผิวสาก ยักษ์สีดำ ทำใจหาย
เป็นคางคก ทำอกสั่น หวั่นใจวาย
ส่วนร่างกาย สูงใกล้ตึก นึกน่ากลัว
คางคกแสบ แลบลิ้น กินหิ่งห้อย
ปล่อยลิ้นลอย คอยจังหวะ สะบัดหัว
หนังหนาทน แม้ลนไฟ ก็ไม่กลัว
แลบลิ้นรัว เจ้าตัวน้อย ค่อยหนีไป
หิ่งห้อยหมด ซากมดร้อน นอนเป็นกอง
เหลือเราสอง ต้องหนีห่าง คางคกใหญ่
มันร้องดัง หวังส่งสาร สัญญาณไป
ฉันหลับใน เข้าใจความ ตามเสียงมัน
ท่านช่วยอ๊อด ปลอดภัย ใจไม่ดำ
เราจะจำ กรรมนี้ไว้ ไม่เปลี่ยนผัน
เหล่าลูกน้อย ลอยรอดได้ ช่วยไว้ทัน
จะช่วยกัน พาท่านไป ในเส้นทาง
เราตั้งตา หาที่นอน ก่อนสิ่งใด
คางคกใหญ่ นำไปหา พาเยื้องย่าง
เดินกันไป ใจเป็นห่วง หวงน้องนาง
ลานหินกว้าง ข้างหน้า น่าสนจริง
เราเดินกัน เจอควันเขียว เหม็นเปรี้ยวมาก
เกิดมาจาก กระเปาะอ้วน ล้วนใหญ่ยิ่ง
กระเปาะใหญ่ คล้ายหม้อข้าว หม้อแกงลิง
ปล่อยควันทิ้ง ดิ่งขึ้นฟ้า มาจากรู
ต้นกระเปาะ เกาะดินทั่ว น่ากลัวนัก
ต้นใหญ่ยักษ์ กักกรดไว้ ร้ายไม่หมู
กลางวันหยิ่ง นิ่งรอเหยื่อ เพื่อเฝ้าดู
เมื่อมืดรู้ รูจึงเปิด เกิดกรดเกิน
สายลมเย็น เป็นระลอก หมอกกรดจาง
คางคกกร่าง นั่งบอกน้อง ต้องเหาะเหิน
ขึ้นหลังข้า จะพาไป ไม่ต้องเดิน
เราไม่เขิน ขึ้นเนินหลัง อย่างตั้งใจ
คางคกเล็ง เพ่งจิตมอง ลองหาทาง
คำนวณพลาง นั่งรอลม ข่มใจไว้
สายลมแรก แหวกหมอกควัน พลันได้ใจ
กระโดดไป หลายจังหวะ กะเลี่ยงควัน
โดดลอยล่อง ผ่านช่องลม ชมแสงดาว
แล้วพุ่งหลาว ก้าวเหยิยบหิน ดิ้นรนรั้น
นิ่งวัดใจ ได้จังหวะ กระโดดพลัน
เหมือนสวรรค์ นั้นเป็นใจ ให้กับเรา
พ้นทุ่งพืช หืดขึ้นคอ เดินต่อไป
ถึงที่หมาย คงได้นอน วอนดาวเฝ้า
คางคกลา ออกหาเหยื่อ เบื่อพวกเรา
แล้วตอนเช้า จะเข้ามา หาเพื่อนเกลอ
ฉันสังเกต เหตุซ่อนหลบ พบครั้งแรก
ปิ่นเปลี่ยนแปลก แบกทุกข์ไว้ นั่งใจเผลอ
คล้ายเหนื่อยอ่อน ผ่อนแรงใจ ไม่เคยเจอ
ดูเหมือนเธอ เบลอไป ในบางที
ในซอกหิน ปิ่นและฉัน นั้นเลือกหลบ
นอนอ้อนซบ อบอุ่นใจ ไม่หน่ายหนี
มองรอบตัว ทั่วไป ปลอดภัยดี
แต่บางที่ มีหินม่วง ร่วงประปราย
จ้องท้องฟ้า ดาราลอย คอยมองเรา
ลืมความเศร้า สาวนอนข้าง ดั่งใจหมาย
ลมหนาวพัด ผ่านช่องหิน ปิ่นกอดกาย
ฉันหันไป เธอเอียงอาย ใจเต้นแรง
*** โปรดติดตาม ตอนต่อไป ***