Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2560
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
28 กรกฏาคม 2560
 
All Blogs
 

@ประสบการณ์การปฏิบัติกรรมฐาน เมตตาใหญ่-เมตตาหนอ 16ธค2016

@ ประสบการณ์การปฎิบัติธรรมกรรมฐาน "เมตตาใหญ่~เมตตาหนอ"

กรรมฐานโดยใช้คำบริกรรม "พระพุทธะ เมตตา อโหสิ กรรม หนอ"

กรรมฐานเมตตาใหญ่ อาจารย์ครรชิตได้เมตตา แนะนำถ่ายทอดให้ปฏิบัติ ซึ่งต่อยอดมาจากกรรมฐาน บริกรรมหนอ ของหลวงปู่เมฆ ซึ่งเราได้ปฏิบัติมาก่อนหน้า และ จากการที่ได้ปฏิบัติ ทั้งภาวนาเดินจงกรม และนั่งปฏิบัติ ตลอดถึงภาวนา ตอนที่อยู่ในอิริยาบถของกิจกรรมต่าง ๆ ปรากฏว่าได้ผลดีมาก ทั้งในด้านจิต ด้านสติ สมาธิ ปัญญา เกิดความคล่องตัวจนรู้สึกได้ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่ากรรมฐานนี้ จะช่วยทุกคนได้ทุกระดับ โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ ที่ประสบกับภาวะแห่งความทุกข์ ที่รุมเร้า ช่วยได้เยอะจริง ๆ ผมมีความรู้สึกอย่างนั้น ซึ่งคิดตามประสบการณ์ทางจิต ที่ได้ปฏิบัติ

ความทุกข์เกิดขึ้นกับทุกคนทุกเวลา อันนี้เป็นเรื่องจริงแท้ เราทำกรรมดี กรรมชั่วตลอดเวลา ฉะนั้นผลของกรรมก็เกิดขึ้น ตลอดเวลา ส่งผลทั้งกรรมดี และกรรมชั่วตลอดเวลา ฉะนั้น กรรมชั่วก็เล่นงานเรา เอาคืนเรา ผ่านความคิดปรุงแต่ง เป็นอารมฌ์อยู่ทุกขณะจิต ฉะนั้นหากเราฝึกกรรมฐานตัวนี้ สติกายกับจิตใจรวมกันเป็นหนึ่ง จะเกิดบุญมหาศาลเพราะมันเป็น ศิลแห่งอริยมรรรค และบุญที่เราได้จากทำบุญทำทาน และทางกาย วาจา ใจ จิตเราที่มีเมตตา มีพร้อมเสร็จสรรพ ด้วยคำภาวนา พระพุทธะ จิตที่ตั้งมั่นเมื่อเราระลึกถึง พระรัตนะตรัยที่อยู่ในคำภาวนา พลังในพุทธะ เมตตาท่านและเมตตาเราสื่อเข้าถึงกัน เรากล่าวอโหสิกรรม จิตที่ถึงพลังแห่งเมตตา จิตที่ให้ จิตที่ยกโทษ จิตที่ให้อภัย จิตที่ยอมรับ จิตที่ให้ไม่มีประมาณ มันจะออกไปพร้อมกันตลอด ที่เราทำกรรมฐาน มันให้ด้วยความว่าง แห่งความเป็นเช่นนั้นของธรรมชาติ ที่ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ด้วยจิตที่ปล่อยวาง ว่าง

ความเป็นเช่นนั้น หนออออออ เจ้ากรรมนายเวรได้รับทันทีตลอดเวลา และผลแห่งกรรมสานต่อแห่งกรรม การอโหสิกรรม

การอภัยซึ่งกันและกัน จะเกิดขึ้น ตลอดเวลา ฉะนั้น การขัดเคือง การตัดรอน การก่อกรรมต่อ จะลดน้อยถอยลง แรงแห่งกรรมจะลดลง ตามวาระแห่งบุญ วาระแห่งสติ วาระแห่งปัญญาของเรา กรรมมันโดนตัดตอน ตัดวงจรแห่งอิทัปปัจจยตา จากประสบการณ์ที่ได้สังเกตุ สติจิตดีขึ้น ความคิดปรุงแต่งรู้เท่าทันเร็วขึ้น จิตรู้ปัจจุบัน ณ ธรรม มากขึ้น จิตตัวเองได้ยอมรับจากผล จาก ผลแห่งจิตธรรมที่เกิด เข้าใจอะไร ๆ ได้มากขึ้นหลังจากไช้คำภาวนา และประยุกต์ในความรู้ และการหนุนส่งในตบะ หรือกำลังจิต

ช่วงแรก ๆ ที่ได้ใช้คำบริกรรม พระพุทธะ เมตตา อโหสิกรรม หนอ ปฏิบัติเดินจงกรม พร้อมกับภาวนา ้ตอนแรก ไม่รู้สึกถึงพลังอะไรเลย มีแต่ความกลาง ๆ ว่าง ๆ เฉย ๆ สภาพรอบข้างเป็นอยู่ของมัน โดยไม่มีผลต่อจิตเรา ใจเราเป็นกลาง ๆ อย่างไม่ต้องฝืน ต้องบังคับ เป็นธรรมชาติ ที่ต่างแยกกันเป็นอิสระอย่างชัดเจน สถาวะนี้จัดเป็นสภาวะที่เป็นฐานแห่งสติที่ดีมาก ที่จิตเฝ้าตามดู เฝ้าดู จิตที่เกิดดับ การไหว การเคลื่อนของกาย ความรู้สึก อารมฌ์ สติที่เผ้าดู ในทุกอิริยาบถ ไม่ต้องส่งกำลังไปตัวสติ เพียงแค่ใช้อารมฌ์เบา ๆ ดูอย่างธรรมชาติ ไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องข่ม ไม่ต้องเครียด จิตสบาย ๆ จิตจะรู้ปัจจุบันไปของมันเรื่อย ๆ จิตสติจะดูจิตใหม่อยู่ตลอด ถ้าเราดูตลอดทั้งวัน และก่อนนอนเราดูอย่างสบาย ๆ จนหลับไป ช่วงที่หลับ จิตมันก็ยังทำงานเฝ้าดู ตื่นขึ้นมากลางดึก 2 - 3 รอบ จิตสติก็ยังคอยเฝ้าดูอยู่ อย่างต่อเนื่องของมันเอง และในช่วงกลางวันถัดมา สภาพจิต จะวิ่งเข้าสภาพเดิมเมื่อตอนกลางคืน แค่เดินปกติ ก็เข้าสู่สภาวะ เหมือนมีแรงดึงให้เข้าสู่สภาวะ ยิ่งกำกับด้วยคำภาวนา จะเข้าสู่สภาพกลาง ๆ โดยไม่ต้องบังคับ หรือฝืนเลย จะหัน จะนั่ง จะเดิน จะก้าว จะรู้ไปหมด เหมือนสายใย ที่ต่อเนื่อง ไม่ขาดสาย หรือถ้าขาด จะต่อติดเร็วมาก สภาวะตอนนั้น จะ รู้ว่าง วาง เฉย ๆ กลาง ๆ สงบเย็นมาก สภาพรอบข้างรับรู้หมด แต่เหมือนแยกกันอยู่ ต่างคนต่างอยู่ กระทบแล้วหาย แต่รู้กระทบ รู้เวทนาในกาย แต่แค่รู้ จิตจะรู้อยู่อย่างเดียว ตอนนั้นปัญญา เข้าใจถึงสภาวะการเกิดดับ ของรูป นาม รูปเกิด นามเกิด รูปดับ นามดับ เห็นจิต ที่เกิด ดับ เกิด ดับ โดยที่มีสติเผ้ามองอย่างเดียว โดยไม่มีพลังหรือจิตใดเข้าไปแทรก ไปบังคับ หรือไปฝืน หรือไปคิดเสริมเติมแต่ง คิดปรุงแต่งตาม แค่เฝ้าดู การ เกิด ดับ อยู่อย่างนั้น

การปฏิบัติ ในวันหลัง ๆ เริ่มเข้าใจในมนต์ต่าง ๆ ที่ท่องในเชิงพระเวทย์ พระมงกุฏพระพุทธเจ้า,พระรัตนมาลาสูตร และ เริ่มจะเข้าใจในคำภาวนา ทั้ง พระพุทธเมตตา อโหสิกรรม หนอ,สุญโญ วาสุโข โหติ และ โอมมมมมม... มากยิ่งขึ้น การน้อมนำพลัง การเข้าถึงปิติ และปิติในธรรมที่หนุนเนื่องซึ่งกันและกัน การอุทิศบุญกุศลให้ได้ผลสูงสุด การเข้าถึงสภาวะแห่งความว่าง วาง เฉย ๆ สภาพรู้ สภาวะแห่งสติจิต ที่คอยเฝ้าดู รูป นาม หรือจิตที่เกิด ดับ อย่างเฉยวาง ไม่คิดปรุงแต่งตาม สติจิต แค่สักแต่ว่า สักแต่ว่า สามารถทำได้มากขึ้น จิตรู้เห็นจิตตามความเป็นจริงได้มากขึ้น ความเบากาย เบาจิต ค่อย ๆ เบาขึ้น ตามสภาวะแห่งจิตที่รู้ทัน รู้เห็นตามความเป็นจริง ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ทุกอย่างมันเกิดของมัน ไม่มีอะไรไปหยุดมัน ไปบังคับมันได้ มันเป็นไปของมันอย่างนั้น หน้าที่ มีเพียงรู้ เห็น ตามความเป็นจริง สติ หนอ สติหนอ

โดยสรุปในการปฏิบัติ ใช้บทบริกรรม เมตตาใหญ่ ทั้งนั่ง และเดิน โดยใช้คำภาวนา "พระพุทธะ เมตตา อโหสิกรรม หนอ" เป็นหลัก จะพาจิตเราให้เข้าสู่ฐานแห่งสติ ได้รวดเร็วมาก จากจิตที่รวมเป็นหนึ่งกับกาย วาจาใจ มีกำลังน้อมนำถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ อันเป็นคุณที่มีกำลังและศรัทธาทั้งตัวเรา และเทพพรหมอันสูงสุด จิตที่มีกำลังและมีความตั้งมั่น มันจะซึมซับเอาพลังเหล่านี้ มารวมกับกำลังแห่งบุญเราที่ได้ปฏิบัติ แผ่ออกไปจากตัวเรา ด้วยกำลังแห่งสติปัฏฐาน ซึ่งมีความบริสุทธิ์สูงมาก และประมาณมิได้ ฉะนั้นผู้รับก็ประมาณมิได้ การอโหสิกรรมจะเกิดตลอดเวลา ซึ่งมันเริ่มไปจากตัวเรา จิตเราจะสัมผัสได้ทันที จิตจะมีกำลัง ด้วยปิติในธรรมที่หนุนส่ง ทำให้จิตเข้าสู่ฐานแห่งสติ จากจุดนี้จะต่อยอดเข้าสู่ความเป็นหนึ่งในอารมฌ์แห่งสมาธิ ที่สูงขึ้น หรือใช้เป็นฐานในการเฝ้าดูจิต ที่เกิดดับ หรือสภาวะธรรม ที่เป็นรูปธรรม นามธรรม ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป

@ ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ

- ได้เคยแนะนำให้แก่ญาติ ผู้มีพระคุณ นำไปฏิบัติก่อนผ่าตัดสมอง ท่านเล่าให้ฟังว่าก่อนผ่าตัดท่านฝันเห็น ปู่ใหญ่มาพัดวี ปัดเป่ามาที่ร่างท่าน และหลังผ่าตัดซึ่งผ่านไปด้วยดี ท่านฝันว่ามีบางสิ่งดึงท่านให้ลงไปในบ่อน้ำ ซึ่งเมื่อมองลงไปจะเห็นวัตถุสีดำ คล้าย ๆ ปลาดุก เคลื่อนไหวอยู่เต็มไปหมด และช่วงวิกฤตขณะนั้น ก็มีเสียงมาจากข้างบน แล้วร่างท่านก็หลุดออกจากบ่อน้ำไป ซึ่งปัจจุบันหลังจากต้องนอนอยู่ รพ.ราชวิถี 2 เดือนเต็ม ปัจจุบันก็ได้ออกมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านอย่างเป็นปกติ ซึ่งเรื่องนี้ผมได้เล่า และปรึกษาผ่านอาจารย์ครรชิต
- เรื่องที่ 2 เกี่ยวกับพ่อของผมเอง และได้ปรึกษา ผ่านอาจารย์ครรชิต เช่นเดียวกัน ท่านไม่สบาย ไปหาหมอ ทั้งรัฐบาลและเอกชน ทั้งตรวจสุขภาพ และซีทีสแกน ก็ไม่พบสาเหตุ จนอาจารย์ครรชิตบอกให้ระวัง ว่าจะหลับไปเลย ซึ่งผมมานึกขึ้นได้ว่า พระอาจารย์เคยทัก ว่าได้ต่ออายุพ่อไว้ 10 ปี ตอนนั้นอาการก็คล้าย ๆ ตอนนี้และได้ไป ถวายสังฆทานแก่พระอาจารย์ อาจารย์ครรชิตได้แนะนำ ให้ผมปฏิบัติเช่นเดียวกันกับญาติ โดยให้พ่อภาวนา บริกรรมเมตตาใหญ่ พร้อมทั้งผมใช้หลักอธิฐานบุญบารมี ในสายสัญญาแห่งบุตรและบุพการี ช่วงนั้นผมปฏิบัตในบทเมตตาใหญ่ หลังปฏิบัติทุกครั้ง จะน้อมนำบุญและอธิษฐานจิต ซึ่งจิตมีกำลังสูงมาก สัมผัสได้ถึงกำลังอย่างไม่มีประมาณ ได้ยินในจิต แว่ว ๆ แต่ชัดมาก 85 และฝันถึงพ่อ 2 ครั้ง ครั้งแรก พ่อยื่นเมล็ดพันธ์ให้ผมกำหนึ่ง เมล็ดเท่าลูกเกาลัด พ่อบอกให้ผมเอาไปเพาะขยายพันธ์ และอีกคืนหนึ่ง ฝันว่า พ่อ และ ญาติที่เคยแนะนำก่อนหน้า และมีคนอื่น อีกหลายคน ที่ตายไปแล้ว ยืนเป็นแถวปะปน ที่บ้านย่า ซึ่งย่าได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ผมปฏิบัติภาวนาต่อเนื่อง จนปัจจุบันนี้ก็ยังปฏิบัติให้ท่านอยู่ และพ่อก็ได้หายเป็นปกติ เข้าสวนได้ แต่เรื่องเดียวที่ยังไม่สำเร็จคือ ผมอธิฐานจิตโดยยกจิตธรรมท่านขึ้นสู่โลกุตตรภูมิ ซึ่งดูจากการปฏิบัตของท่าน ท่านยังไม่จริงจังเท่าที่ควร แต่เรื่องอาการทางโรคกลับหายไป

- ผู้มีพระคุณอีกท่านหนึ่ง ที่ได้เสียชีวิตไป เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งผมนับถือเปรียบเสมือนแม่คนหนึ่ง หลังจากที่ท่านได้เสียชีวิตไป เคยมาเข้าฝันผม หลายครั้ง ครั้งหนึ่งเคยมาลอยกลางอากาศ แล้วชี้มาที่หม้อใบหนึ่งในตู้กับข้าว ที่บ้านของท่าน เมื่อผมกับภรรยาไปดูตามที่ฝัน กลับพบเห็นในหม้อมีเงินอยู่ 5 หมื่นบาท ผมก็ให้ภรรยาไปทำบุญทั้งหมดโดย ให้เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียน รร.ดีบุกฯ และหลายครั้งที่ท่านทั้งมาปลุกให้ปฏิบัติในช่วงเช้าตี 4 ทั้งเสียงเรียกดังในจิตจนสะดุ้งตื่น หรือมาเข้าฝันบอกให้พาท่านไปด้วยประมาณนั้น และเคยถามปรึกษาอาจารย์โอ้ท คนที่มีญาณ เค้าบอกว่าท่านยังอยู่ชั้นล่าง ๆ ประมาณโอปาติกะ ด้วยวาระแห่งกรรมบางอย่าง ซึ่งก่อนหน้านี้ท่านเองก็ได้ทำบุญทำทาน มาเยอะมาก เป็นทั้งโยมอุปัฐถากพระอาจารย์หลายองค์ ทั้งอาจารย์เชือน อาจารย์ในสายหลวงปู่เทศก์ หลวงปู่เหรียญ หลวงปู่ท่อน หลวงปู่อีกหลายองค์ในสมัยที่ท่านมาธุดงค์และมาสร้างวัด สายธรรมยุติในสมัยนั้น ก่อนที่จะมาเป็นวัดหลังโรงเรียน วัดประชาสันติ วัดสวนพริก วัดราษฎ์โยธี ในปัจจุบัน ฝันครั้งหลังสุด วันเสาร์ที่ผ่านมา ท่านได้มาเตือนสติเรื่องการฝากภรรยาเข้าทำงานที่ธนาคาร รุ่งเช้าผมปฏิบัติ ภาวนาประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ช่วงท้ายได้ส่งบุญอุทิศให้ท่านโดยตรง ช่วงที่อธิฐานยกจิตธรรมท่านขึ้นสู่เบื้องบน คราวนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนคือผ่านฉลุย ง่ายมาก ไม่มีต้าน ไม่มีหนัก เบาแต่หนักแน่น เต็มไปด้วยพลัง และสว่างไปหมด ทุกทิศทาง จิตเราสัมผัสได้เลยว่าทุกอย่างสำเร็จ และได้ผล และวันนี้ได้ทำบุญปล่อยปู กับอาจารย์ครรชิต อาจารย์ครรชิตบอกว่า มีเทพธิดา มาร่วมอนุโมทนาด้วย และบอกว่าเป็นแม่ผม จิตแรกผมสัมผัสถึงท่านโดยทันที และถามไปทางอาจารย์ครรชิต ท่านก็ยืนยันว่าใช่ตรงกัน

นายประภาส สายทอง (ไก่)
089-8746026
15/12/59
...
สาธุๆๆขอบพระคุณที่มาจากเฟสบุค เวียงนาคราช คณะทานบารมี
16ธค2016
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1872282879672295&id=100006718021501
...

...

...

...

...




 

Create Date : 28 กรกฎาคม 2560
0 comments
Last Update : 28 กรกฎาคม 2560 12:25:26 น.
Counter : 2928 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


doraeme
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add doraeme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.