Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
27 พฤศจิกายน 2560
 
All Blogs
 

วิธีปฏิบัติ ทำจิตเกาะพระ 20มค2560



วิธีปฏิบัติ ทำจิตเกาะพระ 20มค2560
...
#วิธีปฏิบัติทำจิตเกาะพระ 

วิธีปฏิบัติทำจิตเกาะพระในเบื้องต้น
สำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกมาก่อนเลย

การดูภาพพระ ไม่ต้องเพ่ง แค่ดูเฉยๆ 
เหมือนดูภาพถ่ายทั่วไป ดูบ่อยๆ ดูทุกวัน จะวันละกี่เวลาก็ได้ 
ขณะมองดูภาพให้มองดูรายละเอียดขององค์พระนิดหนึ่งว่า
มีอะไรสะดุดตาเราบ้าง เช่น พระพักตร์ เศียร ไหล่ คอ แขน มือ 
นิ้ว ตา ปาก จมูก อก ท้อง หน้าตัก ขา เท้า เครื่องประดับ 
แท่นที่ประทับ และอื่นๆ ดูแล้ว ก็ไม่ต้องจำ 
เมื่อมองดูภาพแล้ว ถ้ารู้สึกว่ามีใจรักจุดใดของพระเป็นพิเศษ 
หรือมีใจรักชอบพระองค์ใดเป็นพิเศษ ก็ให้ระลึกถึง ณ จุดนั้นบ่อยๆ
การระลึกถึงภาพพระ เมื่อใจนึกถึงภาพใดแล้ว 
ก็ให้ทำใจจดจ่อหรือจดจ้องอยู่ ณ จุดนั้นจนกว่าจิตจะผ่อนคลาย
หรือรู้สึกสบายขึ้น อาการที่ใจผ่อนคลายหรือรู้สึกสบายนั้น
เป็นอาการจิตเข้าฌาน หรือจิตทรงสมาธิอย่างต่ำๆ 
มาถึงตรงนี้ ถ้าจิตไม่อยากจับภาพพระ ก็ไม่ต้องไปบังคับจิต 
ปล่อยไปตามสบาย 
การทรงฌานต่ำๆ ในเบื้องต้นนี้ จะทรงอยู่ได้นานหรือไม่
ขึ้นอยู่กับความนิ่งของจิตผู้ฝึกฝน 
แต่ส่วนใหญ่เมื่อเริ่มฝึกใหม่ๆ ก็เหมือนกันทุกคน คือ จิตไม่นิ่ง 
ในเมื่อมันไม่นิ่ง เราก็จะทำให้มันนิ่งด้วยการระลึกถึงภาพพระ 
หรือจุดใดจุดหนึ่งของพระอยู่บ่อยๆ แม้จะเป็นการนิ่งในระยะสั้นๆ 
ก็ถือได้ว่า จิตเข้าฌานหรือจิตเป็นสมาธิแล้ว 
และถ้าทำให้จิตเข้าฌานยิ่งบ่อยก็ยิ่งดี มิมีอะไรเสียหาย 

คนที่ไม่เคยทำจิตเกาะพระ ใหม่ ๆ จะทำไม่ได้
เพราะไม่รู้จะเกาะอย่างไร เกาะตอนไหน เอาอย่างนี้ 
เรามาเริ่มต้นด้วยการฝึกทำจิตเกาะพระเป็นเวลาก่อนก็แล้วกัน 
ตั้งเวลาไว้ให้อย่างนี้ 

1. ก่อนนอนเมื่อล้มตัวลงนอนหลับตา 
แต่ความรู้สึกยังไม่หลับ ให้เอาสติไปมองหาพระที่เราถูกใจ 
หรือติดตาติดใจ หรือรักชอบเป็นพิเศษ เห็นภาพไหนชัด 
หรือเห็นส่วนไหนของท่านชัดที่สุดก็ให้มองตรงจุดนั้น 
เอาสติไปจดจ้องหรือจดจ่ออยู่กับองค์พระ
หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของพระ  (สติก็คือจิตตัวหนึ่ง) 
จนกว่าจิตจะเกิดอาการคลายจิต
แล้วมีความรู้สึกเบาสบายตามมา เหมือนตอนเราเข้าฌาน 
ตัวจะเบาๆ ชาๆ ว่าง หวิว ใช่ไหม ความรู้สึกคล้ายกัน 
เพียงแต่เราเปลี่ยนวิธีเข้าฌานจากภาวนาพุท – โธ 
มาเป็นดูภาพพระเข้าฌานแทน 
ให้มองดูภาพพระหรือจุดใดจุดหนึ่งของพระจนกว่าจะหลับไป

2.ขณะตื่นนอน ยังไม่ทันจะลืมตา เอาสติไปจับภาพพระก่อน 
ทำเหมือนทุกคืนก่อนหลับ เมื่อจิตสบายหรือจิตทรงฌาน
จึงค่อยลุกไปทำธุระส่วนตัว

3. ก่อนทานอาหารเช้า ให้ระลึกถึงภาพพระที่จำได้
แล้วแผ่เมตตาให้อาหารที่เราทาน 
แม้ว่าจะทานกาแฟแก้วเดียวก็แผ่ แผ่เมตตาให้ใคร
ก็แผ่เมตตาให้คนที่ปลูกกาแฟและต้นกาแฟ 
การแผ่เมตตาให้อาหารก็ทำเช่นเดียวกัน 
ใครที่เกี่ยวข้องก็แผ่เมตตาให้หมดทุกคน และสัตว์ทุกตัว
เช่น ขอให้คนปลูกข้าว คนสีข้าว คนหุงข้าว คนทำอาหาร
จงมีแต่ความสุข ความเจริญ ขอให้อาหารจานนี้ 
อาหารทั้งหมดบนโต๊ะนี้ จงมีความบริบูรณ์พูนสุขยิ่งๆขึ้นไป 
ขออุทิศบุญกุศลให้เขาหมด เป็นต้น 
หรือท่านจะระลึกแผ่เมตตาว่าอย่างไร ก็ย่อมทำได้ มิมีอะไรผิด 
เพียงแต่ขอให้จิตในขณะแผ่เมตตานั้นเป็นกุศล 
คือไม่คิดร้ายกับใครก็เป็นพอ

4. ก่อนทานอาหารกลางวันก็ทำเช่นเดียวกัน
5. ก่อนทานอาหารเย็นก็ทำเช่นเดียวกัน
6. ก่อนจะสวดมนตร์ไหว้พระก็ทำเช่นเดียวกัน(ถ้ามี)
7. ก่อนจะนั่งสมาธิประจำวันก็ทำเช่นเดียวกัน(ถ้ามี)

เริ่มต้นลองทำเป็นเวลาอย่างนี้ก่อน เพียงเท่านี้
ท่านก็จะสามารถระลึกถึงพระได้วันละหลายเวลา 
เมื่อทำแล้วได้ผลเป็นประการใดช่วยบอกเล่าให้ทราบด้วย 
จะได้แนะนำกันต่อไป

การทำจิตเกาะพระเป็นการทำกรรมฐาน-พุทธานุสสติ 
แต่แทนที่เราจะนั่งภาวนาเฉยๆ เหมือนเราฟังวิทยุ 
คือหลับตาฟังก็ยังได้ยิน แต่มันไม่เห็นภาพนะ 
เราก็มาฝึกระลึกดูภาพด้วย คล้ายกับเราขยับฐานะขึ้นมาหน่อย 
คือ มีโทรทัศน์ดูกับเขาด้วย จึงได้ยินทั้งเสียงและได้ชมทั้งภาพ 
ที่กล่าวมาเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างสักเล็กน้อย

การทำจิตดูภาพพระในช่วงแรกจะเป็นการนึกหรือระลึกถึง 
เหมือนเรานึกถึงภาพวิวที่เราเคยเห็นแล้วประทับใจ 
หรือรูปดารา รูปนักร้อง รูปคนที่เรารัก 
หรือรูปสิ่งของที่เรารักและชอบเป็นพิเศษ 
เราเพียงใช้อุบายนี้มาช่วยให้จิตจดจำและระลึกถึงภาพพระบ่อยๆ

เมื่อจิตชินกับภาพพระ ต่อไปจิตจะนึกหรือระลึกถึงพระได้เอง 
ภาษาสมมุติท่านว่า อัตโนมัติ หรือเป็นไปโดยมิต้องกำหนด 
คือเมื่อเวลาใดที่จิตมันว่าง หมายถึง ว่างโดยตัวจิต 
มิใช่ รอให้ขันธ์5 (ร่างกาย)ว่าง การว่างงานนั้นไม่ใช่นะ 
เมื่อจิตว่างหรือคิดถึงพระ จิตก็จะวิ่งเข้าไปหาภาพพระ
เหมือนมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน

ขออธิบายสักเล็กน้อยเกี่ยวกับอาการจิตทรงฌานหรือจิตเป็นสมาธิ 
ให้สังเกตว่าถ้าจิตทรงฌานอย่างน้อยปฐมฌาน 
จิตจะมองหาภาพพระได้ง่าย และเร็วขึ้น 
แต่ถ้าหลุดจากฌาน จิตจะส่งออกนอก ไปทางโลกๆแล้ว
จิตจะรู้สึกอึดอัด หงุดหงิด และรำคาญ ก็ให้รู้ว่า 
ถ้าฌานหลุด ฌานเสื่อม ให้เริ่มต้นจับภาพพระใหม่ 
มองดูภาพพระไปจนกว่า จิตจะเบาสบาย 
ถ้าจิตเข้าฌานให้สังเกตดูที่ลมหายใจ 
คือลมหายใจจะเบา ละเอียด เย็น 
ให้ฝึกทำตามที่แนะนำไปก่อน 
ถ้ามีเวลาว่างช่วยรายงานผลให้ทราบด้วย 
จะได้เห็นความก้าวหน้าในการฝึกปฏิบัติด้วย 
และจะได้ช่วยแนะนำเพิ่มเติมได้
ขอให้ท่านจงมีจิตตั้งมั่นในพระรัตนตรัย 
ขอให้ท่านจงเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป 
ขอให้ถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
ภูทยานฌาน
...
สาธุค่ะ คนกรรมหนาแบบหนูก็ขอให้พบทางสว่าง
อย่าไปตำหนิตนเองน๊า ทุกคนต่างมีกรรมนำมาเกิดด้วยกันทั้งนั้น กรรมไม่ดีก็ส่วนกรรมไม่ดี กรรมดีก็ส่วนกรรมดี แยกให้ออกนะครับ สรุปแล้ว เราต้องทำกรรมหนี เพื่อหนีกรรมไม่ดี บางคนคิดว่า จะทำกรรมฐาน ต้องรอให้กรรมที่ไม่ดีมันเบาบางลงก่อน ถ้าใครคิดแบบนั้น ขอบอก คุณคิดผิดแล้ว ผิดมหันต์ เพราะเวลาเหลือน้อย รีบๆภาวนากันนะ .. เพราะโลกหลังความตายนั้น น่ากลัว แต่ไม่น่ากลัวสำหรับนักภาวนาที่เขาได้มรรคผลพระนิพพานกันนะครับ ..อย่าหลงตำหนิตนเองอีกนะครับ มนุษย์ทุกคนสามารถบรรลุธรรมได้ เพราะมนุษย์นั้นมีสติสัมปชัญญะ มีปัญญา ถ้าเดินมรรคถูกทางนะ สาธุ
...
ภาพที่นั่งสมาธิเห็นร่างกายเป็นพระพุทธรูปใสเหมือนแก้วเลยใช้จิตเกาะภาพนั้นไว้แนบกับกายแต่ต้องใช้คำภาวนากำกับด้วยมั้ยค่ะดูๆไปเหมือนกสินน่ะค่ะแล้วจิตก็ว่างสงบไม่ส่งออกนอก ควรไปต่อแบบไหนค่ะ แนะนำหน่อย
ครภู

โมทนาสาธุครับ จิตเกาะพระ ไม่ใช้คำบริกรรมใดๆ แค่นึกถึงพระเฉยๆ สลับกับนึกถึงคุณงามความดีของพระไปด้วยจะได้ไม่เบื่อ กสิณนั้น ต้องเพ่ง แต่นี่ไม่ต้องเพ่ง แค่นึกถึงพระเฉยๆ เหมือนเรานึกถึงหน้าแฟน พ่อแม่ เป็นต้น  พอจิตสงบดีแล้ว เราก็อย่าไปติดตรงคำว่า สงบสุขนะครับ .. แต่เอาจิตขณะนิ่งเป็นสมาธิหรือฌานอยู่นั้น ให้ระลึกนึกถึงพระพุทธคุณ พระมหาเมตตาไปเลยครับ เด่วจิตจะนึกออกเอง จิตจะสัมผัสได้เองครับ ลองดูนะครับ ได้ผลอย่างไร บอกด้วยนะครับ สาธุๆๆ
...
สาธุทุกวันกะปฎิบัติธรรมสวดมนนั่งสามธิก่อนจะเข้านอน บางวันจิตไม่มั่นก้อจะไม่สวด ถ้าวันไหนสงบก้อจะสวดคือสมาธินิ่งมากตัวเบา หมุนมีใครมาหมุนในตัวเรา
ครภู โมทนาสาธุ นั่นอาการของปีติทั้ง5 จงอย่าพากันสนใจนะครับ สนใจจิตกับสติ ทำยังไงก็ได้ ให้สองอย่างนี้มรวมกันเป็นหนึ่งเดียว .. ต่อไปเราแค่รู้ว่ากายมันหมุน ถ้าเราไม่สนใจอาการทางกายตรงนั้น เด่วจิตจะยกระดับสูงขึ้นเอง นั่นหมายถึง เฉียดฌาน หรือเข้าสู่สภาวะฌานได้เองเลย อย่าลืมนะ เรากำลังฝึกจิต มิใช่ฝึกกายนะครับ เพราะจิตเป็นผู้เดินมรรค สาธุ
สาธุๆที่ให้ข้อมูลดีดีนะคะ
บางทีนะเห็นภาพพระสวดเหนปู่สวดแล้วมีบริวารเยอะมากค่ะ. ไม่รุ้เปนเพราะอะไรทำไมถึงเหน
ครภู
Nooame Chan จิตเป็นผู้เห็น เห็นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จิตแค่เปลี่ยนกายใหม่ไปเรื่อยๆ แสดงว่า มีฤทธิ์ทางใจ หรือเคยได้มโนมยิทธิมาก่อน หรือเคยได้ฌานมาก่อน ตั้งแต่อดีตชาติ นี่คือ ของเก่าเธอ เห็นก็สักแต่เห็นนะ อย่าไปติดนิมิตนะครับ ฝึกวางภายในไปเรื่อยๆ เด่วจิตจะเลื่อนระดับขึ้นสูงเอง เลื่อนถึงไหน บอกด้วยนะ จะได้แกะจิตให้ถูก สาธุๆ
บางทียุเฉยๆนุมีอาการบางอย่างอยากจะร้องให้แต่ก่อร้องไม่ออก  ไม่รุ้เปนเพราะอะไร.
เวลานุสวดนั่งสมาธิรุ้สึกว่าสบายใจขึ้น และเบาลงค่ะอาจาร์ย
ครภู 
Nooame Chan สาธุ จะร้องเพราะอะไร ดูนะว่า ร้องแล้วดีใจหรือเสียใจ

Nooame Chan นั่นจิตเป็นสมาธิ เป็นบุญกุศลไง๊ เราก็จะรู้สึกว่าสบายใจ เพราะคำว่าบุญนั้นแปลว่า สบายใจ
เอาสติตามดูจิตตนเองบ่อยๆนะ ว่า ร้องไห้เพราะอะไร เพราะอยากจะออกจากทุกข์ ไม่อยากเกิดอีก หรืออาการปีตี(น้ำตาจะไหลเอง) อันหลังนี่ดีมาก เพราะจิตอ่อนนุ่ม จิตค่อนข้างละเอียด ดีมาก
Nooame Chan ทำสมาธิ อย่าหลงไปดูหรือไปเอานิมิตหรือสิ่งที่กำลังปรากฎขึ้นภายในจิตตนเองนะครับ อันนั้นหลงทาง ปฏิบัติผิด เด่วจะจะไม่ไปไหนไกลนัก ย่ำอยู่กับที่ จะรู้สึกว่า ไม่ค่อยเจริญในธรรมเท่าที่ควร เป็นต้น พยายามเดินให้ตรงทาง นั่นหมายถึง เน้น สร้างสติมากๆ เน้นตัวสมาธิจิต จิตจะได้ตั้งมั่น เพราะอีกก้าวเดียว จิตก็จะออกมาวิปัสสนาแล้ว ถ้าวิปัสสนาญาณเกิด จิตก็จะปล่อยวางทุกสิ่งได้เอง สาธุ
...
มียุครั้งนึงหลังจากการสวดสมาธิเสด ได้ฝันเหนหลวงปู่และพญานาคคุยอะไรไม่รุ้กัน ส่วนตัวเองได้แต่นั่งสวดสมาธิไปเรื่อยๆภาพมันติดตามาทุกวันนี่นะ. ตั้งใจไว้ว่าจะต้องมีโอกาสไดโอกาสนึงไปไหว้หลวงปู่ที่วัดคำชะโนด อุดร .
สาธุ.จะพยามฝึกทำสมาธิให้แน่นกว่านี้ ขอบคุณค่ะ.
ครภู Nooame Chan สาธุ ไม่จำเป็น ถ้าเรายิ่งไปสนใจนิมิตตรงนั้นมาก สมาธิหรือฌานก็จะถอย แถมระดับจิตก็จะอยู่ที่เดิมอีก .. เพราะถึงนิมิตนั้นจะเป็นจริง ท้ายที่สุด นักปฏิบัติก็ต้องทิ้งหมด เพราะมิใช่หนทางหลุดพ้น ต้องคอยถามตนเองก่อนว่า เราทำสมาธิ เพื่ออะไร.. เพื่อต้องการเห็นนู้นเห็นนี่ หรือ เพื่อหลุดพ้น ไม่อยากกลับมากเกิดอีก สาธุ แต่ถ้าจิตเธอมีความสามารถแบบนี้นะ กายไม่ต้องไปไหนหรอก อยู่ที่เดิมนี่แหละ เพียงแต่ว่า เราอย่าไปสนใจนิมิตมากนัก ยิ่งเราขยันทิ้งนิมิตบ่อยๆนะ เด่วนิมิตก็จะเป็นจริง เพราะขึ้นอยู่ที่จิตคนๆนั้นว่าบริสุทธ์แค่ไหน.. จิตยิ่งบริสุทธิ์ จิตยิ่งแจ่มมาก นิมิตก็จะเป็นจริงมากเท่านั้น สาธุ
เพราะด้วยเหตุนี่เอง ถ้าใครได้สมถะแล้ว ต้องหาครูบาอาจารย์มาสอน กรรมฐาน ไม่งั้น หลงอีก เสียเวลาเกิดมาแล้วชาตินึง ไม่ได้อะไรเลย ลองพิจารณาดูน๊า ว่าจริงหรือเปล่า ไม่ได้พูดให้เชื่อนะ แค่พูดให้ปัญญา สาธุ
...
ขอบพระคุณที่เมตตาแนะนำค่ะ ถึงแม้จะทันหลวงพ่อ2ปี ก่อนมรณภาพ แต่ตอนนั้นยังวัยร่นอยุ่ ยังไม่ได้ปรารถนาพระนิพพาน เน้นแต่สร้างทานบารมี จนเห็นทุกข์ ถึงเห็นธรรมเลยพึ่งปรารถนานิพพาน พุทธภูมิก็พึ่งลามาไม่กี่ปีนี้เอง ตอนเจอหลวงพ่อได้แต่อธิษฐาน จิตสุดท้ายให้นึกถึงบุญและขอหลวงพ่อมารับด้วย ชีวิตพลาดเจออะไรมาหนักมาก กลัวการเกิด เพราะจิตนี้จะสร้างบุญมหาศาล หรือบาปมหันต์ก็ได้ แค่จิตคิดผิดไม่กี่วินาที ช่วงนั้นโดนของด้วย มีกิเลสเลยเป็นอะไรที่หนักมากพยายามจะฝึกจิตให้ได้เหมือนเดิม แต่ดูมันไม่ไปถึงไหน มีคนตำหนิ ว่าทันหลวงพ่อแตปฏิบัติยังไม่ได้เรื่อง รู้สึกเสียใจ เขาไม่เข้าใจว่าชีวิตเราเจออะไรมาบ้าง อยากฝากเพื่อนสหธรรมมิกว่าอย่าซ้ำเติมกันเลยหากช่วยไม่ได้ หรือไม่มีจิตเป็นทิพย์พอ อย่าพึ่งวิจารณ์ให้รู้สึกแย่ไปกว่านี้ หลวงพ่อไม่ให้สนใจจริยาคนอื่น ให้ดูตัวเอง อยากบอกว่าขอบคุณ ในเมตตาจิตที่มีต่อพี่
ครภู

โมทนาสาธุ ไม่เป็นไรน๊า อย่าไปคิดมาก ตอนนั้น วาระเราอาจยังมาไม่ถึงก็ได้ เราก็เลยต้องไปรับกรรม(ชดใช้กรรมเขาก่อน) เพราะไม่มีใครใหญ่เกินกรรม.. พอกรรมหนักได้ถูกชดใช้ไปแล้วส่วนหนึ่ง เรียกว่า กรรมเบาบางขณะนั้น เหมือนหมอกหรือเมฆมันจางลง เราก็เลยเห็นสัทธรรมง่ายขึ้น ..ตรงนี้ ถ้าใครอยากถึงวาระคือการเห็นธรรม มีดวงตาเห็นธรรมไวๆ ให้เราขยันๆอธิษฐานจิตถึงพระพุทธเจ้าหรือครูบาอาจารย์ของตนเอง บ่อยๆ เพราะเราต้องอาศัย ต้องพึ่งพระบารมีพระพุทธเจ้าหรือบารมีครูบาอาจารย์ด้วยส่วนหนึ่ง ถ้าไม่อย่างนั้น เราก็จะถูกกรรมไม่ดีลากไปไกลเลยคราวนี้ เผื่อจะเงยหัวขึ้นได้บ้าง เล่นเอาเกือบๆหมดอายุขัย เวลาทำความดี ทำกรรมฐาน จึงเหลือน้อยลงไปทุกทีๆ ฉะนั้น รีบๆเอา รีบๆทำกรรมฐานซะเดี๋ยวนี้เลย อย่าให้เสียชื่อคำว่า ลูกท่านพ่อ  ลูกหลวงพ่อ ..พักกรรมต่างๆในอดีตซะเดี๋ยวนี้ก่อน ให้เราสนใจเฉพาะจิตกับสติตนเองกฌพอ แล้วกรรมฐานลูกจะไปไวกว่านี้ ..สาธุ
...

โมทนา สาธุธรรม " กรรมฐานจิตเกาะพระ" สาธุค่ะ
...
กราบขอบพระคุณมากค่ะ ท่านอธิบายได้ลึกซึ้ง เข้าใจดีมาก จะน้อมนำไปปฏิบัติด้วยความเคารพในธรรม ขออนุญาตเผยแพร่นะคะ
ครภู
สาธุครับ ความจริง ภายในจิตเกาะพระจะละเอียดมากกว่านี้ เพราะทำให้จิตเดินมรรคได้ต่อเนื่อกว่านี้อีก ถ้าลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง หมายถึง ต้องสมัครเรียนด้วยตนเอง เพราะที่นี่..ต้องเปิดใจตนเองก่อน ฉะนั้น ที่นี่ ถึงไม่อยากให้ผู้ใด แนะนำผู้อื่นเขา เพราะคนที่เรียนจะต้องเปิดใจตนเองก่อน ถ้าไม่งั้น น้ำเต็มแก้ว ไม่มีประโยชน์ นี่ยังไม่ละเอียดเท่าไหร่ แค่แค่เริ่มต้นเท่านั้น นะครับ สาธุ ละเอียดคือความต่อเนื่องของจิต ของกรรมฐานจิตเกาะพระ เกาพระติดได้เป็นสายๆ หมายถึง จิตจะอยู่กับพระในจิตตลอดไป หรือพระจะอยู่ในจิตตนเองตลอดไป เรียกว่า บวชจิต มิใช่บวชกาย เพราะผู้ที่รักษาศีลคือการรักษาตนเอง นั่นหมายถึง จิต หมายถึง การสำนรวมจิตตนเองนั่น ถ้าเราสำรวมจิตตนเองไม่ได้ เราก็บวชจิตตนเองไม่ได้เช่นกัน ถ้าบวชจิตตนเองไม่ได้แล้ว ทุกอย่างก้ไม่ต้องไปพูดถึง เพราะทุกอย่างจะพังคลืนลงหมดเลย กรรมฐานแตกเป็นต้น ศีลพร่อม ศีลด่างพร้อยเป็นต้น สาธุ
...
กราบโมทนาสาธุๆๆค่ะ...มีประโยชน์มากๆค่ะ...กำลังต้องการการฝึกเบื้องต้นอยู่พอดีเลยค่ะ...อ่านแล้วจะนำไปปฎิบัติค่ะ...กราบขอบพระคุณค่ะ🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ครภู
สาธุ หากปฏิบัติเอง หรือแอบปฏิบัติ หากมีปัญหา ค่อยสอบถามมาใหม่นะครับ จงอย่าคิดว่า ..จิตเกาะพระ ใครๆก็ทำได้ ทำง่ายๆนิดเดียวเอง แค่ชื่อก็บอกแล้ว ...พอลงมือทำเอง(แอบทำ) ปรากฎว่า มีปัญหา แล้วตนตอบตนเองไม่ได้ แล้วทำไงดี จิตตนเอไปติดอะไรเราก้ไม่รู้ ทำกรรมฐาน ถ้าจิตไปติดขัดกับอะไรแล้ว จิตก็เดินมรรคต่อไปไม่ได้ เราถึงเข้าใจว่า หรือรู้สึกว่า ไม่ไปหน้าไปหลังหรือ ไม่ค่อยเจริญในธรรมเท่าที่ควรเกิดขึ้นกับตนเอง นั่นหมายถึง เราทำกรรมฐานไปไม่ถึงไหนนั่นเอง ฉะนั้น จึงอยากแนะนำคนที่กำลังทำกรรมฐานอยู่นี้ ให้เราตามหาครูบาอาจารย์ของตนเอง แอบทำไม่ได้ เพราะเรามิใช่สัพพัญญู(พระพุทธเจ้า) แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะไปตามหาครูของตนจากที่ไหน.. ขอแนะนำว่า ให้อธิษฐานจิตต่อหน้าพระพุทธรูป ก่อนอธิษฐานจิตสำคัญมาก ก่อนอธิษฐานจิตทุกครั้ง อยากให้การอธิษฐานจิตเป็นจริงนั้น เราต้องมั่นใจว่า ก่อนอธิษฐาน จิตตนต้องนิ่งเป็นสมาธิก่อน ..แล้วค่อยอธิษฐานจิต พูดไปตามจิต ตามกำลังใจตนเอง...อีกมินานนัก เด่วก็เจอๆ นะครับ สาธุ

Phu Bodin น้อมกราบโมทนาสาธุๆๆค่ะ...น้อมกราบขอบพระคุณมากๆค่ะ
ผมชอบแอบทำครับครู มันชอบรู้ด้วยตัวเอง ถอยหน้าถอยหลังกลับไปกลับมา แต่ตอนนี้เจอแล้วครับ คนที่ผมจะเกาะ ไม่รู้คนที่ผมเกาะเค้าจะให้เกาะรึเปล่า ดีไม่ดีจะโดนถีบเอาก็ไม่แน่ครับ
อเล็ก มีสุข 555 ดูพูดเข้า ยินดีครับผม lov-U เมตตาU
...
อนุโมทนา สาธุ สาธุในธรรมค่ะ ธรรมนี้เป็นประโยชน์มาก
สำหรับพวกเราทุกคนค่ะ ทำให้เกิดความกระจ่างแจ้งมองเห็นทางเดินที่ชัดเจนในการปฎิบัติขั้นต่อไปด้วยค่ะ  ขอบคุณนะคะพี่ภู
...
สาธุ อยากเรียนถามว่า เวลานั่งสมาธิ ภาวนาพุทโธ สักพัก แล้วจิตนิ่ง ชอบเหมือนตัวเอียงและมีความรู้สึกว่าตัวหมุน รอบ และตัวเหมือนเบาลอย แต่แป๊ปเดียวค่ะ พอรู้สึกก็เอาจิตไปดู แล้วก็หายไป อยากทราบว่าเปนอย่างไรค่ะ
ครูภู
โมทนาสาธุครับ จิตเดินเข้าถึงอุปจารสมาธิแล้วครับ นั่นเรียกว่า #ปีติทั้ง5  คืออาการเกิดขึ้นที่กายหยาบ หรือที่คุณรู้สึกนั่น (ลองไปเสิร์ซหาอ่านเพิ่มเติมเองนะครับ) ว่ามีอะไรบ้าง จิตเฉียดฌาน คือจิตจะก้าวข้ามไปในเขตฌาน มักจะผ่านปีติทั้ง5ก่อน แต่ก็ไม่แน่นักสำหรับบางคน เพราะบางคนเกิดปีติทั้ง5ครบเลย แต่บางคนเกิดปีติไม่กี่อย่าง ข้อหรือสองข้อ .. สรุปแล้ว เราอย่าสนใจเด็ดขาด เราแค่รู้เฉยๆก็พอแล้วนะ ..เด่วอาการเหล่าก็จะหายไปเอง.. เราสนใจหรือไม่สนใจในอาการเหล่านั้น เดี๋ยวอาการปีติก็จะหายไปเองอยู่ดี ..แต่ข้อดีที่เราไม่สนใจ คือจิตจะค่อยๆเลื่อนระดับจิตสูงขึ้น คือ เข้าฌานไปเลย อาการปีติที่เกิดขึ้นกับตนก็จะหายไปโดยปริยาย แต่ก็น่าเสียดายสำหรับผู้คนที่หลงไปสนใจในอาการปีติเหล่านั้น ผลก็คือ เดี๋ยวอาการปีติก็จะหายไป ข้อเสียก็คือ สมาธิจิตจะถอยลง สรุปคือ จิตตนยังอยู่ที่เดิม ทำกี่ทีๆก็อยู่เท่าเดิม เหมือนคนเรียนซ้ำชั้นเลยนะครับ ..ต่อไป อย่าไปสนใจอีกนะครับ อีกนิดเดียว อีกก้าเดียวเองนะ จากอุปจารสมาธิก็จะเลื่อนขึ้นเป็นอัปปนาสมาธิแล้วนะเนี๊ย เอาใหม่ๆนะครับ เก่งมาก เผื่อคุณมีของเก่า หมายถึงฌานอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าคุณเคยได้ฌาน4 เมื่ออดีตชาติ คุณก็จะถอดจิตได้ ท่องเที่ยวในนรกภูมิ หรือเทวภูมิหรือพรหมหรือพระนิพพานก็ได้ตามใจ อยู่ที่คุณต้องกำหนดไปเองนะ ก่อนกรรมฐาน บอกพระไปว่า ลูกต้องการไปแดนไหน...ขอให้พระพุทธเจ้านำทางในโลกทิพย์นำพาจิตลูกขึ้นไปบนพระนิพพานทีเจ้าค่ะ เป็นต้น ก่อนทำกรรมฐานทุกครั้งไป จงอย่าได้หวังว่า จะต้องได้ฌานขั้นนู้นขั้นนี่นะ เพราะกิเลสในใจคนเรามีมาก เด่วไม่ได้ดั่งใจ ไม่สมใจ ดังนั้น ขอให้คุณตั้งความหวังไว้ที่ 00.00 นะครับ เด่วคุณได้ไปแน่นอน สาธุ เพราะเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับตนเองมาแล้ว ถึงได้แนะนำคุณนี่ไง สาธุ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป..ได้ความคืบหน้าอย่างไร ก็บอกกันบ้างนะ.. เด่วทำจิตเป็นพระแล้ว จะตอบให้ทุกอย่างเลย สาธุ
กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ไม่เคยได้กล้าบอกหรือถามพระองค์ไหนเลย บางทีไปบวชชีพรมาห ยังไม่กล้าถามพระอ.จ พึ่งได้ความกระจ่างๆแบบเข้าใจมาก อธิบายเข้าใจดีมากเลย ไม่นึกว่าตัวเองจะทำได้ระดับนี้ จะพยายามทำตามที่อ.จบอกนะค่ะ กราบขอบพระคุณมากๆค่ะ ที่ชี้ทางสว่างให่
...
ผมยังไม่ได้ส่งการบ้าน
วันนี้เทฐาน.พรุ่งนี้เทองค์พระปฐมครับครู
ครูภู
โมทนาสาธุ ว่างค่อยส่ง ไม่มีปัญหา แต่อย่ามัวแต่สร้างพระภายนอกจิตตนเองน๊า ขยันๆสร้างพระในจิตตนเอง มากๆหน่อย ...(นี่พระบอกเธอมาโโยเฉพาะเลยนะ) ลองนำไปพิจารณาดูนะครับ ส่วนการสร้างไปภายนอกจิตนั้นก็เป็นบุญกุศลอย่างนึง แต่เป็นบุญแค่ชั้นทานเท่านั้นนะ สู้บุญกรรมฐานไม่ได้ แต่ก็เข้าใจเพราะว่า บุญชั้นทานนั้น จะช่วยหนุนนำจิตตนเองให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้นในการปฏิบัติธรรมของเธอให้ดียิ่งๆขึ้นไป นั่นจะหมายถึง บุญจะช่วยหนุนนำให้เรามี((ความอยาก))จะปฏิบัตินั่นเอง พอเข้าใจธรรมะที่ผมกล่าวมมาทั้งหมดนะครับ สาธุๆๆ
...
สาธุ สาธุเจ้าคะ
พระธรรมนำความสุขใจให้ทุกขณะจิตรที่ได้อ่าน
ครูภู
สาธุครับ ขอให้สุขใจยิ่งๆขึ้น สาธุ
...
ครูภู
มือไม้คนเรายังต้องหาที่จับหรือเกาะนู้นนี่นั่นเลย ยิ่งจิตใจคนเราก็เช่นกัน ต้องยิ่งหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไว้ ด้วยพระรัตนตรัย หากขืนให้จิตไปยึดหรือเกาะคนอื่นหรือสิ่งอื่นไปเรื่อย สุดท้าย ตัวเรานั่นแหละ จะเป็นฝ่ายทุกข์ใจเอง แต่ถ้าอยากสุขใจ อยากพ้นทุกข์ เฉกเช่นพระอริยเจ้ากันก็ต้องพากันยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ นี่คือที่พึ่งทางจิตใจที่ดีที่สุด (พูดถึงพุทธบริษัทนะครับ) สาธุ
...
ครูภู
จิตคนเรานี่ ต้องฝึกนะ #แต่ถ้าไม่ฝึก จิตก็จะเกาะนู้นเกาะนี่ไปเรื่อย+เปื่อย+เน่า+เละเทะ สุดท้าย ทุกข์สิ คนเรานี่ต้องเจอทุกข์สุดๆก่อน ค่อยหาทางออกจากทุกข์  หาทางออกได้แล้วจึงค่อยเจอสุขทีหลัง.. คนจะไปนิพพานได้นั้น ต้องออกจากทุกข์ทั้งปวงก่อน.. หากทุกข์เหมือนเสื้อผ้าอาภรณ์.. ห้องอาบน้ำนั้นเหมือนพระนิพพาน.. เมื่อถอดเสื้อผ้าหมดเราก็อาบน้ำได้ คือไปพระนิพพานได้... #สรุปทำเอาจิตเกาะพระดีกว่าไปพระนิพพานง่าย สาธุ
...
โมทนาสาธุทุกท่านครับ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป สาธุ
...
สาธุๆๆอนุโมทามินิพพานะปัจจะโยโหตุ 
ขอขอบพระคุณที่มาจากเฟสบุค ครูภู ค่ะ PhuBodin 20มค2560
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=905533532917068&id=100003812895876
...

...


...




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2560
0 comments
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2560 13:03:59 น.
Counter : 1610 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


doraeme
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add doraeme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.