Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
27 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 

Backpacker Hiso 5 : Biei




B a c k p a c k e r   H i s o : B i e i  



ก่อนหน้านี้ เราได้เที่ยว Furano กันไปแล้วนะครับ สำหรับ blog นี้เราจะไปเที่ยว Biei กันครับ (ใครยังไม่ได้อ่าน ก็ไปตามอ่านซะครับ ของเค้าเขียนสนุกดีจริง ๆ นะ 5 5 5 -เนื้อที่โฆษณา

Biei (อ่านว่า บิ-เอ) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากอีกเมืองหนึ่งของเกาะ Hokkaido ครับ ไม่ใช่เพราะว่า มันเจริญ มีประชากรคับคั่ง หรือว่า เป็นเมืองท่าสำคัญ หากแต่ว่ามันเป็นเมืองที่มีเนินเขาสลับซับซ้อนเป็นทิว ทำให้เกิดภาพวิวที่มีลักษณะสวยงาม ประกอบกับท้องฟ้าของ Hokkaido ในวันที่ฟ้าเปิดนั้นสีฟ้าจะเป็นสีฟ้าสดที่สวยมากเหมือนโกหก (เกี่ยวมั้ยครับ) ทำให้ภาพที่ผู้ผ่านไปเห็นนั้นงามเหมือนฝันทีเดียวครับ

เมือง Biei นั้นอยู่ใกล้เคียงกับ Furano ในขณะที่เมือง Furano มีจุดขายที่การปลูกดอกไม้ หลัก ๆ ก็คือดอก lavender ตามเนินเขา ทาง Biei ก็ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ครับ เช่น Beet root มันสำปะหลังหรือข้าวแทน ทำให้เกิดภาพ Panoramic view ของไร่นาที่ว่านั้นล่ะครับ สำหรับในฤดูหนาว หิมะตก ก็จะมีคนมาเล่นสกีกันด้วย สำหรับ Onsen นี่ก็น่าจะมีนะครับ แต่ว่าอาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากเท่ากับที่อื่น ๆ

บางท่านอาจจะเริ่มงง สำหรับ Furano นั้น รวมเอาเขตทั้งหมดที่ผมได้กล่าวไว้ ทั้ง Nakafurano, Biei, Bibaushi และเมืองอื่น ๆ ไว้ และเรียกว่าเขต Furano ครับ แต่เวลาเราเที่ยวก็มักจะระบุเป็นชื่อสถานี JR ที่ดัง ๆ ที่เราไปเอา เพราะว่าสำหรับผู้ที่ไปด้วยรถไฟจะเข้าใจง่ายกว่า ส่วนการชมทิวทัศน์ Panoramic นี้ผมจะลงที่ Bibaushi เพราะว่า มาพักบ้านพักเยาวชนที่นี่ครับ มันจะถูกกว่าไปพักที่เมืองใหญ่ ๆ

การเดินทางก็แสนง่าย ก็มีรถไฟ JR ที่สะดวกมากครับ ลงได้หลายสถานีทั้ง Bibaushi หรือ Biei ก็ได้ครับ เพราะว่าวิวที่เราจะดูนั้นกว้างมาก ๆ กินพื้นที่ค่อนข้างไกลครับ ลงที่ไหนก็เจอวิวได้

โดยทั่วไปการเดินทางไปยัง Biei นั้นจะสะดวกกว่าหากไปด้วยรถยนต์ส่วนตัวครับ เพราะว่า มันค่อนข้างจะกว้าง เป็นเนิน ๆ เลยครับ หากว่าเราไปด้วยรถไฟ ก็นิยมเช่าจักรยานมาปั่นเอาครับ

เช่นเคยครับ สำหรับเที่ยวไปงงไปกับนาย dont ก่อนจะตัดสินใจเชื่อกรุณาปรึกษาผู้ปกครองก่อนนะครับเด็ก ๆ ผู้ปกครองควรพิจารณา (PARENTAL ADVISORY) ห้ามนำไปอ้างอิงเด็ดขาด กรุณาอ่านอย่างมีสตินะครับ เพราะว่าเจ้าของ blog น่ะไม่มี 5 5 5


รถหวานเย็นเจ้าเก่าของ JR พาไปได้ทุกที่ครับ รถจะสวย เป็นรุ่นใช้ถ่านหินแบบนี้เฉพาะในวันหยุดราชการครับ ไม่งั้นก็เป็นรถไฟธรรมดา





สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์นั้นก็สะดวก และสบายดีมากครับ รถที่วิ่งไปมาบนถนนไม่มาก และถนนอยู่ในสภาพดีมากถึงมากที่สุด สามารถชมวิวได้เต็มที่ และสามารถจอดพักเพื่อดูวิวได้เป็นระยะด้วย หากเป็นฤดูท่องเที่ยว (ช่วงดอกไม้บานน่ะครับ เค้ามักจะมาเที่ยวที่นี่ด้วย) ก็จะรถเยอะมากทีเดียว

ปกติทั่วไปหากไม่ได้เช่ารถยนต์มา ก็สามารถจะเช่าจักรยานได้ในราคาราว ๆ 200 Y ต่อชั่วโมง งวดนี้ไม่มีจักรยานไฟฟ้าหรือว่ารถมอเตอร์ไซค์ให้เช่าแล้วครับ จงปั่นขึ้นเนินไป แฮ่ก ๆ เลยล่ะครับ จึงแนะนำให้ไปช่วงบ่ายมาก ๆ หรือเย็นไปเลย เพราะนอกจากจะร้อนไม่มากแล้ว ยังมีภาพพระอาทิตย์ตกดินตาม panoramic view เป็นของแถมด้วยครับ

หรือใครอยากแสดงหนังอินเดีย จะวิ่งไปวิ่งมาข้ามเนินก็เอาครับ ที่กว้างเหลือเฟือ 5 5 5 จะช่วยให้เพลียนอนหลับดีไม่ใช่น้อย


ถนนเรียบ คดเคี้ยวไปตามเนินเขาและป่าละเมาะเล็ก ๆ ก่อนจะไปสู่ลานกว้าง ที่มีเพียงเนินและเนิน และเนินเขาครับ





เราจะลงรถที่สถานี Bibaushi ซึ่งมีคนแอบแปลให้ฟังว่า เป็นเมืองชื่อ วัวม้าสวยงาม... ชื่อพิลึกพิกล เมื่อมาก็ควรจะเช่าจักรยานเสียนะครับ แต่จะไม่เช่าก็ได้ครับ เพราะจะได้บรรยากาศเหมือนไป California เช่นเคย (ใครงงให้ไปอ่านเรื่อง Onuma ของผมก่อนนะครับ)


แต่น แตน แต๊น (อีกแล้วครับท่าน) วิวครับวิว ช่วงนี้เป็นช่วงหลังเก็บเกี่ยวครับ ที่เห็นคือลอมฟางที่มีพลาสติกสีฟ้าสดคลุมไว้ (ทำไมไม่รู้แฮะ ดูแปลก ๆ)


ทิวทัศน์แบบ panoramic ครับ ที่เห็นในภาพเข้าใจเอาเองว่า ชาวนาจะปั้นฟางเป็นก้อนกลม ๆ แล้วเอาผ้าพลาสติกคลุมไว้กันน้ำค้างลงซึ่งจะทำให้มันขึ้นรา ส่วนจะเอาฟางไปทำไมนี่ก็จนด้วยเกล้าเช่นกันครับ





แถวนี้หมาดุมากเหมือนกันครับ เนื่องด้วยว่าเป็นเรือกสวนไร่นา ทางชาวบ้านก็มันจะมีหมาไว้ประจำบ้าน น้องหมาแถวนี้ดุมาก ถึงมากที่สุดตอนแรกก็ไม่สน เฮอะ แกโดนล่ามโซ่ไว้ เหอ เหอ

ผ่านไปสักสองสามบ้าน คุณหมาเริ่มวิ่งออกมาถึงริมถนนได้ด้วยครับ กรรม!!! พอดีผมปั่นจักรยานซะด้วย เกือบเสียจริต เอ๊ย เสียชีวิตซะแล้ว เกิดเห็นน่องอวบ ๆ ของเราเป็นขาหมูน้ำแดงซะละก็ กรึ๋ยส์ ไม่อยากวาดภาพ

แต่ว่าอันที่จริงแล้วหากถูกคุณหมากัดในประเทศญี่ปุ่นเนี่ย เตรียมรวยไว้ได้เลยครับ เพราะว่า ที่นี่คุณเจ้าของคุณหมา จะต้องรับผิดชอบ ได้ค่าทำขวัญอีกเป็นหลักแสนเยน (เว่อร์ไปมั้ยนั่น) เชียวครับ ไอ้ผมก็ลังเลว่า จะเอาเงินไปเป็นค่าเที่ยวต่อไปดี หรือว่าจะหนีดี

สุดท้ายก็หนีครับ ไม่ได้กลัวว่าจะเจ็บนะครับ แต่ว่า กลัวเที่ยวต่อไปไม่ได้ ยังมีอีกหลายวันอ่ะ...


บ้านนี้หมาดุ!!!...สงสัยลูกสาวจะสวย อิ อิ




วิวส่วนใหญ่ ก็เป็นวิวประเภทเดิม ๆ ครับ (แต่สวยนะ) เช่น เนิน, เนิน, เนิน, เนิน และเนิน มีต้นไม้นาน ๆ ที แบบว่ามันคงเหงาน่ะ อยู่ต้นเดียวขนาดนั้น จากนั้นแล้วก็ เนิน, เนิน, เนิน, เนิน และเนินต่อ ๆ กันไป (แต่สวยนะครับ จริง ๆ นะ) ประมาณนี้ล่ะครับ ใครที่ไม่ชอบธรรมชาติก็อย่ามาจะดีกว่าครับ จะเบื่อเปล่า ๆ แนะนำให้เที่ยวตามเมืองใหญ่ ๆ แทนจะสนุกกว่าครับ เมืองแถบนี้ออกจะบ้านนอกมาก ตกเย็น พระอาทิตย์ตกก็ปิดไฟเข้านอน (ทำอะไรกันต่อผมไม่เห็นนา...) กันหมดแล้ว

ทั่ว ๆ ไ ปที่เห็นนั่นก็จะเป็นมันฝรั่ง มันสำปะหลัง มันคือข้าว เอ๊ย ข้าวนี่ล่ะ ข้าวสาลีมั้งครับ แล้วก็ beetroot อะไรพวกนี้น่ะครับ พบได้ทั่วไปกระจายทั่วไปตามเนิน ๆ ที่เห็นสลับฟันปลา (จริง ๆ นะ) กันไป

อากาศทั่วไปกำลังดีครับ ประมาณ 20 องศา (ผมก็ 20 ทั้งปีล่ะครับจำได้ที่หนายยย 5 5 5 5) แต่เย็นสบายดี ปั่นจักรยานแล้วไม่ร้อนเลย


เนินหลังเก็บเกี่ยวสีเหลือง เก็บเกี่ยวไถกลบแล้วสีน้ำตาลเข้ม ส่วนที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวสีเขียวสดดีครับ





ข้างทางก็มีดอกหญ้าขึ้นกระจัดกระจายทั่วไปครับ สวยดี


ดอกเอ๋ยดอกหญ้า ดอกเล็ก ๆ สีขาวเป็นหนักหนา
ร้องเรียกเหมียว ๆ เดี๋ยวออกมา

เอ๊ะ ดอกหญ้านะครับ ไม่ใช่แมว โธ่เรา ไปซะแล้ว






วิวสวยครับ สีน้ำตาล ตัดกับสีเขียว มีเหลืองแซม ๆ เล็กน้อยประมาณว่ากำลังใบเหี่ยวได้ที่


ทุ่งเดิมนั่นล่ะครับ





หลังเอ๋ยหลังเก็บเกี่ยว สีสรรเขียว ๆ เป็นหนักหนา

(อีกแล้วครับ หมดมุกจะบรรยาย)


ทุ่งอะไรสักอย่าง น่าจะเป็นทุ่งข้าวครับ หลังเก็บเกี่ยวก็เอามาทำเป็นฟางสุม ๆ ไว้ล่ะครับ หา...บรรยายซ้ำเหรอครับ... อืม ไม่รู้จะบรรยายอะไรนี่นา...





ตอนที่ผ่านครั้งแรกนั่นยังไม่เย็นขนาดนี้ครับ ขากลับ เย็นแล้ว แสงอาทิตย์ส่องสีออกแสด ๆ ส้ม ๆ ลงบนพื้นนา

สีสวย แบบนี้ ผ่านมั้ยครับ??



ที่เดิมนั่นล่ะครับ แต่ขากลับ แต่คนละนากับภาพแรก ๆ ที่พลาสติกสีฟ้านะครับ




ที่เห็นนี่ภาพเล็ก ๆ นี่ สถานที่จริงไม่ใกล้นะครับ ไกลทีเดียวล่ะ ปั่นจักรยานกันลิ้นห้อยล่ะครับ

ขนาดบางเนินแสงแดดส่องได้ บางเนิน แสงก็ส่องไม่ถึงเลยล่ะครับ คิดเอาว่า 1 เนิน 1 ผลิตภัณฑ์ เอ๊ย 1 เนิน จะกว้างสักแค่หนายย

บางทีวิวทำนองนี้ เค้าก็เรียกกันว่า Patchwork Road มีนัยยะว่า Patchwork ก็คือผ้าห่มที่เอาผ้าชิ้นเล็ก ๆ มาเย็บต่อ ๆ กันเป็นผืนน่ะครับ บ้างก็เรียน quilt


แต่ละเนินก็ปลูกพืชคนละชนิดกันครับ บางทีเนินนี้เก็บเกี่ยวไปแล้ว อีกเนินยังไม่เก็บเกี่ยวก็มีครับ เพียบ





ดูสิครับ ลองคิดดูว่า ถ้าหากว่าหน้าใบไม้ผลิ หรือว่า หน้าที่มีดอกไม้จะมีความสวยงามขนาดไหนน่ะครับ

เอ...แต่ว่า เมืองนี้เค้าไม่ได้ปลูกดอกไม้นะครับ เป็นพืชเศรษฐกิจธรรมดานี่ล่ะ แต่ก็สวยมากทีเดียว

ระหว่างขี่จักรยานไปเนี่ยก็เห็นมีรถไถอยู่เลา ๆ น่ะครับ มีคนเล่าว่า ชาวบ้านญี่ปุ่นนั้น เค้าจะรวมตัวกันเป็นสหกรณ์ซื้อรถไถมา แล้วก็ผลัดกันใช้ทำให้งานเบาลง ใช้เครื่องจักรช่วยผ่อนแรงไป ส่วนว่าประเพณีลงแขกนั้นไม่เคยได้ยินครับ สงสัยจะมีแต่ประเทศไทยละมัง ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า ประเทศอื่น ๆ เค้ามีทำกันไหมครับ ถ้าใครทราบช่วยบอกด้วยนะครับ


โกดังหลังน้อย บนเนินท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็นครับ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่า ยุ้งฉางได้ไหม ไม่รู้ข้างในใส่อะไรไว้




เมื่อเย็นได้ที่ ... ไม่ใช่สภาพอากาศนะครับ เป็นเวลาน่ะครับ พอมืดแล้วจะน่ากลัวมาก เพราะว่าแถว ๆ นี้ไม่มีไฟตามถนนเลยครับ มืดจริง ๆ

แถมมีความน่ากลัวอีกอย่างครับ แถวนี้ยามเย็นนั้น "ไม่มีร้านขายอาหาร" นะครับ ถ้ารักสะดวก (แต่อาจจะไม่อร่อย) ก็กินที่บ้านพักที่พักได้ครับ เมือง Bibaushi นั้นเงียบ และเล็กมากครับ ทำให้เราต้องเดินทางไปอีก 1 สถานีเพื่อไปกินอาหารที่เมือง Biei เลย T__T'' อะไรก๊านนน


ใกล้พระอาทิตย์ตกดิน ที่ Bibaushi เมืองเล็ก ๆ ที่มีทิวทัศน์ที่ยิ่งใหญ่





ที่เมือง Biei นั้นค่อนข้างคึกคักว่า เพราะว่าเป็นเมืองตากอากาศครับ ที่สถานีดูใหญ่กว่า (ที่ Bibaushi ยังไม่มีนายสถานีประจำเลยครับ) และมีร้านค้าหน้าสถานีหน้าตาทันสมัยเหมือนเมืองใหญ่ ๆ ทั่ว ๆ ไป มี Convenince store และร้านอาหารแยะทีเดียวครับ ราคาอาหารไม่จัดว่าแพงมาก แค่แพงนิดหน่อย รสชาติก็ พ.ล.ล. เช่นเดิมครับ

สำหรับ Biei ก็จบเพียงแค่นี้ล่ะครับ หากว่า เดินทางด้วยรถยนต์ได้จะเห็นวิวหลากหลายกว่านี้ครับ เมื่อเดินทางด้วยรถไฟ-รถจักรยานก็เลยมีข้อจำกัดของ...แรงปั่น...นิดหน่อย ไม่มีปัญหาปั่นขึ้นเนินครับแหะ แหะ บางเนินถึงกับต้องลงแล้วจูงไปเลย เอิ๊กส์

ถ้าต้องการเช่ารถ ก็สามารถทำได้ไม่ยากครับเพียงแค่ไปทำใบขับขี่สากลที่กรมการขนส่งทางบก หรือสาขาใกล้บ้านท่าน เสียค่าบริการราว 500 บาท (มั้งครับ) แล้วก็จะได้ใบขับขี่มาเช่ารถ โดยต้องใช้เอกสารจำพวก Passport และจ่ายค่ามัดจำอีกนิดหน่อย (สำหรับคนญี่ปุ่น T_T งือ งือ) แล้วก็ได้รถขับเที่ยวแล้วครับ

อาหารหน้าตา พ.ล.ล. ครับ จริง ๆ อาหารนี้ชื่อ Ippai bento แปลว่า "ปิ่นโตนี้อิ่มตื้อ" แต่พอกินจริง ๆ ก็ไม่เยอะอย่างที่คิด ไม่อิ่มเลยครับ ต้องสั่งอาหารอื่นมากินอีกจาน (ผีตะกละสิงซะแล้วเรา 5 5 5) ใครบอกว่าออกกำลังกายจะผอม ไม่จริ๊ง~ ไม่จริงครับ





โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ









l Sapporo l Onuma l Hakodate l Furano l Asahidake l Otaru l สมุดเยี่ยม l









 

Create Date : 27 ตุลาคม 2548
14 comments
Last Update : 2 ธันวาคม 2549 23:33:10 น.
Counter : 3344 Pageviews.

 

ตามมาเที่ยวต่อติดๆ วิวสวยอีกแล้วค่ะ บรรยากาศดูดีมากเลย

เห็นแล้วนึกอยากไปบ้าง คิดๆ แล้วคงจะไม่มีทาง
เพราะคนข้างๆ ไม่เป็นใจ หุหุ

รอเที่ยวต่อค่า

 

โดย: jan_tanoshii 27 ตุลาคม 2548 0:53:05 น.  

 

มาหยามาเยือน อีกแล้ว ...

สวยหลายภาพเลยพี่
คราวหลังติดหมายเลขหรือชื่อภาพด้วยสิ
จะได้ชมถูกภาพ อิอิ

 

โดย: มาหยาฯ IP: 203.148.136.67 27 ตุลาคม 2548 1:00:50 น.  

 

มาเที่ยวต่อค่ะ ชอบประเทศเค้าจริงๆสวย

แต่หมาดุจริงๆ แต่ค่าทำขวัญก็น่าสนใจนะค่ะ 555


ภาพสุดท้าย น่าทานมากๆ

 

โดย: อยู่ไกลบ้าน IP: 210.18.17.122 27 ตุลาคม 2548 1:18:24 น.  

 

อ่านภาคนี้แล้วต้องไปต่อภาคที่แล้วก่อนค่ะ เพราะว่าพลาด
ไป ( ได้ยังไง ) ...

อ่านสนุกจริงๆ เลยคะสำหรับทริปของคุณ don't เพราะ
นอกจากเที่ยวแล้วยังได้ความรู้อีกด้วย แบบนี้มีรวมเล่ม
ทำหนังสือไม๊ค่ะ

 

โดย: JewNid 27 ตุลาคม 2548 3:12:04 น.  

 

สนุกอ่าค่ะ

เขียนได้ละเอียดดี ยิ่งอ่านยิ่งอยากไป แต่ตอนนี้มีคิวไปลาวจ่ออยู่ค่ะ (ต้องเที่ยวถูกสับกับเที่ยวแพงค่ะ ไม่งั้นหมดตัว)

 

โดย: to be continued 27 ตุลาคม 2548 5:33:42 น.  

 

บรรยากาศบ้านนอกแถวนั้นสวยสงบดีครับ
ออกจากเมืองไปเที่ยวแถวนั้นคงสนุกไม่เลว
ขอบคุณที่นำเที่ยวครับ

 

โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) 27 ตุลาคม 2548 7:27:14 น.  

 

ภาพสวยอ่ะ

 

โดย: tidtiena IP: 220.3.189.4 27 ตุลาคม 2548 8:30:04 น.  

 





สวยมากค่ะ


 

โดย: หนี่หนีหนี้ 27 ตุลาคม 2548 10:23:04 น.  

 

Good trip, khrab
once experience for me in Japan; Osaka
missing there

 

โดย: กุมภีน 27 ตุลาคม 2548 11:54:13 น.  

 

Beet root ที่เก็บเกี่ยวไปแล้ว ก็จะนำเข้าโรงงานผลิตเป็นน้ำตาลทรายต่อไปค่ะ รู้สึกยี่ห้อยอดฮิตของฮอกไกโดคือ "Suzuran" [Suzuran เป็นชื่อดอกไม้ประจำเกาะฮอกไกโด เป็นพันธุ์ไม้พุ่มเตี้ย ๆ ลักษณะดอกคล้ายกระดิ่ง(Suzu เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า กระดิ่ง) เล็ก ๆ สีขาว ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ผงซักฟอกบางยี่ห้อนำดอก Suzuran ไปสกัดเพื่อเอากลิ่นนำมาผสมในผลิตภัณฑ์ของตัวเองเพื่อให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร]

น้ำตาลทรายที่ทำจาก beetroot จะออกแฉะ ๆ หน่อย ไม่เหมือนน้ำตาลที่ทำจากอ้อยซึ่งจะมีลักษณะร่วนและแห้งกว่า

............

ที่ Biei มีทุ่งที่เป็นเนิน เนิน และ เนิน ที่มีชื่อเสียงอีกอันนึงที่นักท่องเที่ยวต้องมาเที่ยวคู่กับ Panorama Road นั่นก็คือ Patchwork Road ค่ะ ที่นี่จะมีเนินที่ปลูกมันฝรั่งเป็นหลัก และมีต้นไม้โผล่มา บางเนินมี 1 ต้น บางเนินมี 2 ต้น ในขณะที่บางเนินมี 3 ต้น

ต้นไม้ที่ว่านี้มีความสำคัญเพราะเป็นต้นไม้ในตำนานที่เล่าขานกันมานานค่ะ ถ้ามี 2 ต้นจะเรียกว่า "Ken & Mary Tree" ถ้ามี 3 ต้น ก็จะเรียกว่า "ต้นไม้พ่อแม่ลูก" บางเนินที่มีต้นไม้ยืนลำพังเพียง 1 ต้น ก็ใช้เป็นภาพโฆษณาบุหรี่ยี่ห้อดังของญี่ปุ่น (Mild Seven) ทำให้ต่อมาเนินที่ว่านี้ถูกเรียกขานกันตามชื่อยี่ห้อบุหรี่ว่า "Mild Seven's Hill"

คราวหน้าถ้าได้ไป Biei อีก ลองไป Patchwork Road ดูนะคะ

 

โดย: Tai-Sarunya IP: 203.107.192.164 27 ตุลาคม 2548 21:02:45 น.  

 

 

โดย: iampum 28 ตุลาคม 2548 1:08:27 น.  

 


อ่านแล้ว ก้อ เข้าใจ มันเป็น เนิน เนิน แล้วก้อเนิน

เออ...ว่าแต่ว่า เป็นเนินแล้วมาปลูกข้าว หรือปลูกพวกพืชต่างๆเนี่ย เขาพึ่งเฉพาะน้ำฝนเหรอ?

เพราะบ้านเราถ้าปลูกข้าว ปลูกพืชผัก มันก้อต้องมี ท้องร่อง เพื่อน้ำบำรุงข้าวและพืชผักบริบูรณ์

ไม่ต้องตอบก็ได้คับ

 

โดย: yyswim 28 ตุลาคม 2548 11:36:46 น.  

 

Blog สวยมากครับ แวะมาเที่ยวด้วยคนครับ

 

โดย: gaa 28 ตุลาคม 2548 20:49:52 น.  

 

เอิ้ก.....ส

อิปไปเบนโตะ น่ากินจัง

หิวเลย

ผมว่ามาหน้าที่ทุ่งเขียวๆก็คงสวยไปอีกแบบเนอะๆๆๆๆ

 

โดย: Bird (House Of FlyingBird ) 31 ตุลาคม 2548 2:53:22 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


dont wanna no
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add dont wanna no's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.