|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
21 มกราคม 2550
|
|
|
|
กฎหมายกฎเมือง
ตามหัวข้อเรื่อง น่าจะเข้าไปรวมกลุ่มสุมหัวกับพวกกฎหมายเค้าอยู่นะ แต่ไม่กล้าผยองเช่นนั้น
เอาเถอะ อยากจะเขียนแต่ที่รู้ที่เห็นเท่านั้น ใครอ่านแล้วมีความเห็นแบบไหนก็ลองแบ่งมาเล่าให้ฟังกันบ้างก็คงจะดี
วันนี้รับเชิญไปรับอาหารบุฟเฟ่ห์กึ่งเช้ากึ่งเที่ยง ที่เรียกว่า บันช์ ที่ห้องอาหารในโรงแรมห้าดาวริมหาดแห่งนึง อาหารดีหรูหราเหมือนเคย กินไปคุยไป เรื่อยเปื่อยจิปาถะตามประสาผู้คนที่ทำงานหนักเพื่อค่าตอบแทนที่ดีแต่หาเวลาสังสรรค์ไม่ได้ (ไม่ใช่เราหรอกนะ เรามีเวลาเยอะ)
เรื่องๆ ของเรื่องก็แปลกอะนะ ทุกครั้งที่มีการสังสรรค์เกิดขึ้น ถึงแม้เจตนาที่จะมาพบปะพูดคุยกันจะเป็นเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ หน้าที่การงาน ครอบครัว แต่ยังไรเสีย ก็ไม่พ้นวนเข้ามาถึงเรื่องของบ้านเมืองทุกคราวไป
ตัวเองนั้นไม่ค่อยพิสมัยที่จะคุยเรื่องเหล่านี้มากนัก เพราะคุยมากก็ของขึ้น พาลทำให้เพื่อนร่วมวงสนทนาตกตะลึงเสียมาก แต่เมื่อวนเข้ามาแล้ว ก็เลยเถิดไปนั่นเอง
เพื่อนร่วมวงสนทนาส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นคนจากหลายชาติหลายเผ่าพันธุ์ (หัวทอง หัวแดง หัวดำ เลยไปจนถึง มีแต่หนังติดหัว) การสนทนาจากเรื่อยเปื่อยเริ่มมีการวิเคราะห์อ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ จากเสียงกระซิบกระซาบกลายเป็นลำโพงกระจายเสียงงานวัด ดังขึ้นตามดีกรีของเรื่องราว
กฎระเบียบบ้านเมืองของบ้านเราถึงแม้จะดูสับสนพิกลพิการแบบไหน ออกกฎหมายแก้กฎหมายเพื่อจับผิดหรือให้ประโยชน์แก่คนใดคนหนึ่งนั้น เรารู้กันดีอยู่มาก ถึงจะไม่กระจ่างแจ้ง แต่ก็มีผลกระทบในวงกว้าง พาลให้ใด้สั่นสะเทือนกันทั่วทุกวงการ
คนเหล่านี้ก็เช่นกัน หลายท่านเป็นเจ้าของธุรกิจ หลายท่านทำงานในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ หรือ เจ้าของธุรกิจหนังสือพิมพ์ เราทำงานในองค์กรเล็กๆ อาจจะไม่รู้สะทกสะท้านอย่างไร แต่ท่านเหล่านี้ที่ได้ก่อตั้งธุรกิจไปแล้ว ความกังวลในสภาพบ้านเมืองไม่ใช่แค่เพียงการสูญเสียซึ่งธุรกิจ แต่มันหมายรวมไปถึง พนักงานลูกจ้างที่เค้าพึงดูแลรับผิดชอบในกิจการเหล่านั้นด้วย
ลองจินตนาการดูเอาเองแค่เล็กน้อยว่า ถ้าหากรัฐบาลของเราขาดเสถียรภาพในการดูแลประเทศ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการลงทุน หรือทำให้นักธุรกิจที่ทำธุรกิจอยู่แล้วรู้สึกถึงความเสี่ยงขึ้นทุกวัน จนกระทั่งวันนึงเกิดถอดใจ ไม่เอาแล้ว ประเทศไทย ย้ายฐานการผลิดไปบ้านเมืองอื่นดีกว่า คิดดูซิว่า ใครจะเป็นผู้ที่ต้องรับกรรมนั้น ใช่ ประชาชนคนไทยเองหรือเปล่า พนักงานคนไทยกี่ร้อยชีวิต กี่ร้อยครอบครัวที่พึ่งพาธุรกิจดังกล่าว จะต้องโอนเอนไปด้วย
มันอาจจะไม่ได้หมายถึงการสูญสิ้นซึ่งกำลังในชีวิตทั้งหมดเหล่าพนักงานนั้น แต่หากการสูญสิ้นซึ่งงานที่บำรุงชีวิตของพวกเค้าเป็นเพราะความไม่มีเสถียรภาพในการปกครองบ้านเมืองของรัฐบาลแล้วไซร้ ใครจะดูแลพนักงานเหล่านี้ต่อไป หวังพึ่งท่านได้หรือเปล่า เราขอตอบแบบ 98.99 เปอร์เซ็นต์ของความมั่นใจได้ว่า พึ่งใครไม่ได้นอกจากตัวเราเอง
แต่เมื่อรวบรัดตัดความการสนทนามาถึงบทสรุป ก็ให้ได้ประหลาดด้วยความปิติว่า อะไรหนอที่คนต่างชาติยังคงยึดมั่นในการก่อร่างสร้างฐานะในบ้านเมืองนี้ เดาออกมั้ยว่าคืออะไร
"องค์พระมหากษัตริย์" ของเรานี่ไง
ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่จริง เหมือนของนายริปลีย์หรอกนะ เรื่องจริงให้ดิ้นตาย
คนต่างชาติที่เราคลุกคลีด้วยมีอยู่ด้วยกันหลายวงการ ด้วยเหตุของงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน พวกเขาเหล่านี้ สรุปด้วยใจความสั้นๆ ว่า "ถ้าไม่มีพระเจ้าอยู่หัว บ้านเมืองนี้ก็คงจะอยู่ไม่ได้"
พระองค์พระผู้สร้าง หาใช่แค่เพียงสัญลักษณ์เท่านั้น พระองค์เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของประเทศไทยเรา และไม่ใช่แค่เพียงคนไทยเท่านั้นที่มองเห็น คนต่างชาติเผ่าพันธุ์จากที่อื่นแดนไกลก็มองเห็นเช่นกัน
ขอภาวนาด้วยใจอันน้อยนิดว่า เกิดชาติหน้าฉันท์ใดก็จะขอเกิดอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารเรื่อยไป
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
Create Date : 21 มกราคม 2550 |
|
0 comments |
Last Update : 21 มกราคม 2550 18:46:24 น. |
Counter : 331 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
Doesn't Matter |
|
|
|
|