ตุลาคม 2553

 
 
 
 
 
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
สมิงไวรัส บทที่ 11


กล้วยไม้สีเหลืองทองถูกวางอยู่หน้าเต็นท์ สองหนุ่มสาวเปิดประตูเต็นท์ออกมาเป็นได้พบทันที กฤษณ์ยิ้มหน้าบานรีบคว้าขึ้นมาเชยชม ปากก็บอกว่าคุณสัณฑ์เอามาวางไว้ให้แต่เกตุเกิดอาการตะลึงมากกว่าเพราะกล้วยไม้ช่อนี้มันช่างเหมือนช่อเดียวกันกับที่ไพรวัลย์มามอบให้ในความฝัน

แฟนหนุ่มเจ้าสำอางลืมตัวไปชั่วขณะเพราะนิสัยชอบของสวยงาม พอเกตุถามเลยยิ้มอย่างเขินอายจนแก้มแดงทุกที รีบยกดอกหงส์ทองให้คู่หมั้นสาว เกตุรับชื่นใจบ้างแม้นกลิ่นหอมของมันยังเหมือนในความฝัน

“พี่มอบให้นะ เกตุเป็นผู้หญิงเหมาะกับดอกไม้สวยๆมากกว่าพี่หมอ”

“น้องไม่ได้อยากได้มันหรอกคะเพียงแต่เมื่อกี้พี่หมอบอกว่าใครนะที่เอากล้วยไม้ช่อนี้มาวางไว้”เธอแทบไม่อยากจะเชื่อว่าดอกไม้ช่อนี้จะเป็นความจริง

กฤษณ์หัวเราะน้อยๆตามบุคลิกเดิม นิ้วมือลูบกลีบดอกอย่างทนุถนอมดวงตาสีฟ้าของเขาจับนิ่งมา เกตุมองแล้วไม่ค่อยชอบใจนัก เขาทำท่าทางเหมือนผู้หญิงอีกแล้ว

“คุณสัณฑ์น่ะเธอชอบเอากล้วยไม้ป่ามาให้ พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าคุณสัณฑ์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ถ้าเจอกล้วยไม้หรือดอกไม้ป่าสวยๆเป็นต้องเอามาให้พี่ทุกครั้งเลย”

“เหรอคะ”

เกตุรับฟังไปอย่างนั้นเอง ผู้ชายเอาดอกไม้มามอบให้กันมันช่างเป็นอะไรที่น่าสงสัยแต่เกตุก็ยิ้มได้เพราะเห็นรอยยิ้มสดใสของคนรัก กฤษณ์ช่างเป็นชายที่เหมาะกับดอกไม้เสียจริง เธอเลยเกิดนึกสนุกเอาดอกกล้วยไม้มาถักพันเป็นมงกุฎแล้วบรรจงสวมให้เขาที่เหลือเอามาร้อยเป็นมาลัยให้ตนเอง สองคนเลยควงกันเดินในแคมป์ให้คนอื่นดูเป็นที่แปลกใจ

“เกตุจ้ะพี่ว่ามันยังไงอยู่นะ”กฤษณ์รู้สึกเขินที่มีมงกุฎดอกไม้บนหัว

เกตุห้ามไม่ให้เอาออกเพราะจะพาไปอวดเต๊อะกับพรรคพวกทั้งหมด

“สวยจังคะพี่หมอใส่แล้วดูดีมากเลยให้พี่หมอเป็นราชากล้วยไม้นะ”

เสร็จจากธุระส่วนตัวที่อภิรักษ์เตรียมน้ำอุ่นมาให้ล้างหน้าก็มีอาหารที่เตรียมไว้ให้พร้อมเพียงแต่อภิรักษ์ยังคงไม่ยอมทักเกตุเลย ได้แต่มองชายคนนั้นเดินจากไปสั่งการคนของเขาเก็บกู้ที่พักเตรียมเดินทางในอีกไม่กี่เวลาข้างหน้า กฤษณ์เองก็ได้แต่มองตามหลัง ใจจริงอยากปรับความเข้าใจให้คนรักกับคนสนิท


พวกคนพื้นเมืองเก็บกู้เต็นท์นอนและสัมภาระมากองกันไว้จุดเดียว กองไฟถูกพรากฟืนออก ผู้เฒ่าตาลีอยู่กลางวงที่ทุกคนกำลังฮาเฮกับซุปงูเห่าหม้อใหญ่ส่งกลิ่นเครื่องแกงโซยออกมา คนเจ้าสำอางเอาผ้าปิดจมูกเดินเลี่ยงออกไปสองตาก็แลดูพวกนั่นแต่ละคนยื่นถ้วยขอตักแบ่งกันวุ่นวายไปหมด เกตุรีบตามหลังพี่หมอพอรู้ว่าพวกนั่นกำลังกินอะไรกันอยู่ได้แต่เบ้หน้าทันทีแล้วรีบตามพี่หมอที่เดินนำลิ่วไปแล้ว

ไกลจากพวกชาวคณะของหมอกฤษณ์จนแน่ใจว่าไม่มีใครอื่นนอกจากพวกของผู้กองหาญศึก เสียงหัวเราะฮาเฮของพวกหนีตายจากภัยงูเมื่อคืน พวกเขากลับเข้าแคมป์มาได้อย่างปลอดภัยทั้งสามคนโดยมีทองปามาสมทบภายหลัง หาญศึกดูจะกลายเป็นคนหัวเราะได้เต็มเสียงที่สุดอีกสองคนคือจ่ากับหมู่ดูจะยิ้มไม่ได้หัวเราะไม่ออก มองหน้ากันเองแล้วจึงค่อยเกิดอาการขำขึ้นมา

ทหารพรานร่างเล็ก ดูจะหน้าตายตลอดศกจะยิ้มให้สักนิดก็ไม่มีแต่มันก็เป็นหน้าเดิมๆที่เพื่อนร่วมงานเริ่มชินแล้ว จ่าหน้าทะมึนพยักหน้าหงึกๆยกนิ้วโป้งคู่ให้ หมู่แม็ก เอื้อมมือมาจับต้นแขนเขย่าแล้วยิ้มให้เช่นกันเพราะทองปาเป็นคนมาช่วยทั้งสามคนให้รอดพ้นภัยงูมาอย่างหวุดหวิด คนเป็นหัวหน้าอย่างหาญศึกนึกภูมิใจอย่างมากกับลูก น้องทหารพรานคนนี้ มือใหญ่ตบบนบ่าเล็กเบาๆ

“เมื่อคืนนายไหวพริบดีมากที่จุดไฟเป็นแนวป้องกันพวกงูมันไล่ตาม ไม่งั้นเราสามคนไม่รอดแน่ สเปรย์ของหมู่แม็กก็หมด ตะกุดของจ่ามีแต่ก็เห็นจะหยุดพวกมันไม่ได้กำลังจะจวนตัวอยู่แล้วเซียวแล้วนายก็โผล่มาช่วยไว้ได้ทัน”

“ตกลงทองปาเป็นพระเอกสีเนี่ย”หมู่แม็กพูดบ่นอย่างเหนื่อยอ่อน

“เขาเรียกผู้ช่วยพระเอกมาได้ทันเวลาพอดีต่างหาก”

จ่าหน้าเหมือนกอลิร่าชี้หัวนิ้วโป้งมาที่ตนเองเรียกเสียงหัวเราะได้อีก

หน่วยค้นหาสถานีวิจัยอาวุธกลับมารวมกันอย่างปลอดภัยอีกครั้งบรรยากาศค่อนข้างผ่อนคลาย ทองปาเงยหน้ามองเพื่อนทหารเหมือนอยากจะพูดแต่ก็นิ่งไป ดวงตาเฉยชาไม่บอกความรู้สึกอะไรแต่ทุกคนอ่านความคิดของคนเป็นทหารเหมือน กันออก

แม็กบ่นว่ามีงูเยอะเกินไปต่างหากสเปรย์ของเขาเลยต้านไม่ไหว จ่าให้ความเห็นมาบ้างหลังจากเสียหน้าเรื่องตะกุดของตนเมื่อคืน“จะยังไงก็ไม่มีอะไรที่มันจะสู้พระเพลิงไปได้หรอกจะเวทมนต์อำนาจไสยศาสตร์ลึกลับมันก็ต้องถูกอำนาจของไฟล้างได้หมดอยู่ดี”

แม็กยังไม่อยากยอมรับเรื่องเมื่อคืนรีบแย้งมาทันที“แต่ไฟมันเป็นความจริงจับต้องได้ทางวิทยาศาสตร์นะจ่ายังไงวิทยาศาสตร์ก็ชนะไสยศาสตร์อยู่วันยังค่ำ”

“ตะกุดเป็นพุทธคุณโว้ย!ไอ้แม็กแล้วไฟมันเป็นอำนาจทางไสยเวทย์มานานแล้ววิทยาสงวิทยาศาสตร์บ้าบอที่ไหนกัน”จ่าชักฉุน

สองคนยังหักเหลี่ยมเรื่องวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์กันอยู่ไม่เลิก ทองปาไม่สนใจหันหน้าตายมาหานายทหารของเขาเพราะเริ่มนึกเรื่องจะพูดได้แล้ว

“นายครับ”

ผู้กองรี่ตานิดนึงรอคำพูดนั้นอย่างตั้งใจ

“ว่ามาสิ”

“ผมมีเรื่องจะบอกเกี่ยวกับที่ผมได้ตามรอยเจ้าสายลับคนนั้น”

“แล้วไงนายพบเจอตัวเขาหรือเปล่า”

เขาเกือบหลุดดีใจแต่ทองปาส่ายหน้าว่าไม่ใช่

“ไม่พบครับแต่เจอร่องรอยหลายอย่างทีน่าสงสัยซึ่งมันเกี่ยวกับพระธุดงค์”

“พระธุดงค์?”คิ้วหนาเหมือนปีกเหยียวของหาญศึกย่นเข้าหากัน อีกสองคนเลิกเถียงกันหันมาฟังอย่างตั้งใจ ทองปาเริ่มเผยสิ่งที่เขาไปเห็นมาเมื่อคืน

“ใช่ครับ พระธุดงค์ปักกลดอยู่ในป่าอีกฟากหนึ่งของเรานี่เอง ท่านมีกันเกินกว่าสิบรูปแต่จริงๆผมยังดูไม่ทั่วเลยอาจมีมากกว่านั่นที่น่าแปลกใจคือร่องรอยของสายลับของเราหายเข้าไปในหมู่พระธุดงค์”

“หมายความว่ายังไง?พระกับสายลับ”หมู่แม็กยิงคำถามอย่างเร็ว

ตีนกาของจ่ายิ่งกระตุกเอากับเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจโยนคอมแบตเข้าสีข้างสิบเอกตอนเผลอดังพลั่ก เจ้านั่นนิ่วหน้าด้วยความจุกชี้หน้ามาว่าลอบทำร้ายมัน“ก็ทองปาหมายความว่าเจ้าสายลับของเรามันอาจจะมาในรูปพระนะสิฉันพูดถูกใช่ไหมทองปา เรามองข้ามพระธุดงค์ไปได้ยังไงกันนะ ในป่าฝั่งนี้นอกจากพวกพรานที่สามารถเดินทางไปมาได้แล้วก็มีพวกพระป่าอีกพวกล่ะที่สามารถเดินทางมาได้อย่างอิสระ”

สมมุติฐานของหาญศึกตรงกับจ่า

หาญศึกดีดนิ้วดังเปาะ!“ปิงโก!เลย ถ้าหากเจ้าสายลับของเราอยู่ในคราบของพระธุดงค์จริงเขาก็ฉลาดมาก เรามองข้ามเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันนะเขาเดินนำหน้าพวกเรามาตลอดเลยงั้นหรือนี่คิดไม่ถึงจริงๆเขาเข้าป่ามาก่อนเราหลายเดือนโดยไม่ถูกจับได้ไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะอยู่ในคราบพระธุดงค์ ขอบใจมากนะทองปานายทำได้ดีมาก”

คนร่างเล็กไม่ยิ้มไม่ตอบรับคำชมของนายทหาร ดูเอ่ยเฉื่อยซังกะตายเหมือนตัวสล๊อตที่มันเกาะต้นไม้ทั้งวัน

จ่าให้ความเห็นมาบ้าง“จะยังไงเราก็ยังปักใจเชื่อสนิทไม่ได้ทั้งหมดว่าสายลับของเราปลอมเป็นพระธุดงค์เขาอาจจะเป็นอย่างอื่นอีก”

หาญศึกหันมาถาม“ยังมีคนที่ต้องสงสัยอีกหรือ”

จ่าแจ๋วยังไม่เชื่อข้อมูลที่ประมวลมาได้ พยักหน้าส่งแววตาเคร่งขรึมยืนยัน

“ผมจับตาเขาคนนี่มาพักใหญ่แล้วแต่เขาไม่ยอมเผยท่าทีออกมาให้ผมรู้เลย ผมสงสัยว่าเจ้าสายลับชาวสิงคโปรมันจะเดินอยู่กับพวกเรานี่เอง ผู้กองผมหมายถึงคนในคณะแพทย์อาสาของหมอกฤษณ์นี่แหละจะเป็นสายลับคนนั้น”

หาญศึกถึงกับตกใจกับข้อมูลใหม่ที่จ่ากำลังเผยออกมา

“ตอนอยู่กองบัญชาการเราก็ไม่ได้ข้อมูลของสายลับคนนี้มากนักถึงเวลานี้เขาก็ยังไม่ยอมเผยตัวออกมาเสียทีแต่ผมรู้แน่ว่าเราตกอยู่ในสายตาของเขามาตั้งแต่มาถึงคณะแพทย์อาสาแล้วไม่สิอาจจะตั้งแต่มาที่ตลาดชุมสิงแล้วก็ได้ สัญญาณที่ติดต่อเข้ามามันเริ่มมาจากตอนนั่นแล้ว”

หาญศึกต้องกลืนน้ำลายฝืดคอเขามองข้ามเรื่องนี้ไปได้ยังไง จ่าที่ชอบคลุกคลีชอบแบ่งของกินกับคนของฝ่ายหมอกฤษณ์กลับมีมุมมองในการมองคนได้รอบคอบกว่าเขามาก

“ผมพยายามเข้าไปคลุกคลีกับพวกนั่น แอบสอดส่องดูพวกลูกทีมแต่ละคนของหมอกฤษณ์ มีคนหนึ่งอาจจะเป็นสายลับของเราไม่สิของกองทัพสิงคโปรปะปนเข้ามาแต่ดูเหมือนเขาจะพยายามเลี่ยงหลบหน้าผมตลอดผมแอบสังเกตมานานแล้ว”

ทุกคนต่างมองตามจ่าไปยังกลุ่มคนของหมอกฤษณ์ที่กำลังเปิบซุบงูกันอย่าง อเร็ดอร่อยหนึ่งในนั่นเป็นสายลับอย่างที่จ่าบอก หมู่แม็กเองได้แต่ยืนเกาหัวเขาเองก็ไม่เคยนึกถึงเรืองนี้เช่นกันแต่ทุกคนก็ยอมรับว่าเป็นไปได้จริง จ่ามีประสบการณ์ในงานด้านสืบสวนการหาข่าวมากกว่าทุกคน

คนหน้าเหมือนลิงไม่ใช่เหมือนยักษ์ไม่เชิงรี่ตาลงนิดละสายตาจากพวกลูกทีมของหมอกฤษณ์หันมายังทุกคน หาญศึกเองยอมรับว่าจ่ามีประสบการณ์ที่ช่วยเขาได้

“ผมพลาดเรื่องนี่ไปเลยขอบคุณมากจ่า”

จ่าใช้ลิ้นเกลี่ยริมฝีปากหนารู้สึกคอแห้งเพราะอยากบุหรี่ แกไม่รู้สึกดีใจอะไรเพราะยังมีเรื่องให้คิดอีกมากสำหรับภารกิจคราวนี้

“เป็นอีกหนึ่งตัวสงสัยเท่านั้นครับผู้กองไม่ยืนยันว่าจะใช่แต่จะยังไงถ้าเขาไม่ยอมปรากฏตัวมาเองเราก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าเป็นคนไหน อาจจะเป็นหมอกฤษณ์เสียเองก็ได้ที่เป็นสายลับส่วนพระธุดงค์อย่างที่ทองปาบอกก็มีส่วนเป็นไปได้เช่นกัน”

จ่าพูดจบ ผู้กองก็หันมาถามความเห็นของทหารพรานร่างเล็ก

“ทองปานายสงสัยพระรูปไหนบ้างหรือเปล่า”

หาญศึกยิงคำถามมา

ทองปาได้แต่ก้มหน้านิ่งคิด สายตาเย็นชาเหลืองขุ่นอยู่เป็นนิจเงยมาบอกว่าเขาไม่รู้ จ่าได้แต่เอามือเกาหนังหัวใต้ผ้าโพกสีดำของแก ขึ้นชื่อว่าสายลับคงจะแฝงตัวได้อย่างแนบเนียน

“พระป่ามีมากเป็นสิบและยังมีคนของหมอกฤษณ์อีก เราไม่สามารถจะรู้ได้หรอก ว่าใครคนไหนคือสายลับแฝงตัวมาดีไม่ดีเป็นสายของประเทศอื่นสวมรอยมาจะอีกทีจะยุ่ง พวกอเมริกันกับจีนแดงก็สนใจเรื่องนี่ด้วย เราอาจเจอสายของพวกนี้สวมรอยมาล่วงความลับของเราอีกทีก็ได้ คนของกองทัพสิงคโปรเจอทางเข้าศูนย์วิจัยก่อน เรากับเขาเป็นพันธมิตรกันยังไงสายลับคนนี้ก็ต้องรอให้เราช่วยอีกแรงในการเข้าไปในศูนย์นั่นเมื่อคืนเสียดายที่เราคลาดจากเขาสะก่อนแต่ผมแน่ใจว่าอีกไม่นานเขาจะต้องติดต่อเข้ามาอีกแน่”

จ่าแจ๋วกล่าวอย่างมั่นใจ

ที่ศูนย์บัญชาการพวกเขาได้รับรู้ความจริงว่ามีก้อนเมฆประหลาดสีแดงปรากฏขึ้นทั่วโลก เมฆชนิดนี้ส่งคลื่นเข้าไปรบกวนไฟฟ้าในสมองสิ่งมีชีวิตมันทำให้เกิดอาการปั่นป่วนจนเกิดอาการช๊อคหมดสติกะทันหันมีผู้คนมากมายทั่วโลกเกิดอาการนี้จนเกิดอุบัติทำให้เจ็บตายกันมากมายอาการที่ดูคล้ายอุบัติเหตุธรรมดาแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ นอกจากนี้เมฆประหลาดยังแผ่คลื่นไปรบกวนเครื่องมือไฟฟ้าและอิเลคโทนิคทุกชนิดมันทำให้จรวดมิสไซล์ยิงขึ้นเอง ทำให้เครื่องบินบินหลงฟ้าหรือเข้าไปควบคุมระบบออโต้ไพลอตทำให้เครื่องโหม่งโลก

เมฆแดงสามารถส่งคลื่นไปรบกวนทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นโลก กลไกการทำงานของมันคล้ายไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ไปก่อกวนการทำงานของโปรแกรมอื่นๆแต่ร้ายยิ่งกว่าเพราะมันเป็นทั้งไวรัสในสิ่งมีชีวิตมันทำให้กระแสไฟฟ้าในสมองของคนทำงานผิดปกติ มีผลทำให้ระบบภายในร่างกายพลอยรวนไปด้วยคล้ายคนป็นโรคร้าย นัก วิทยาศาสตร์เรียกมันว่า ‘ก๊อด ออฟ ไวรัส’ เมฆนี่ปรากฏแล้วก็หายไปได้อย่างรวดเร็วเป็นมหันตภัยเงียบที่นับวันมันยิ่งก่อความเสียหายไปทั่วโลก มีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งตรวจพบเป็นครั้งแรกว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เหตุบังเอิญหรือฝีมือพวกก่อการร้ายแต่มาจากมัน ประเทศมหาอำนาจทางทหารเล็งเห็นว่าหากสามารถค้นพบต้นกำเนิดเมฆลึกลับนี่และสามารถควบคุมมันได้ฝ่ายตนจะสามารถนำมันมาเป็นเครื่องมือจัดการกับศัตรูได้อย่างง่ายดาย มันจะเป็นอาวุธที่ได้ผลดียิ่งกว่าการใช้ระเบิดนิวเคลียร์เสียอีก

หาญศึกบีบมือจนแน่นเส้นเอ็นปูดโปน น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวขึ้น

“ต้องเป็นประเทศมหาอาจประเทศใดประเทศหนึ่งแน่ที่สร้างศูนย์วิจัยนั่นขึ้นมา เมฆแดงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความเสียหายทั่วโลกมีผู้อยู่เบื้องหลังทำให้มันเกิดขึ้น แต่รายงานจากสายลับที่ไปค้นพบมันบอกว่าที่นั่นเป็นสถานที่รกร้าง ความลับต่างๆที่อยู่ข้างในนอกจากเมฆแดงแล้วยังมีอีกมากซึ่งตอนนี้สถานีวิจัยได้กลายเป็นเป้าหมายให้ทุกฝ่ายมุ่งไป หากพวกก่อร้ายหรือประเทศที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของโลกได้มันไปครอบครองไม่รู้จะเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นอีก สมดุลอำนาจในโลกอาจจะเปลี่ยน แปลงทันทีเพราะพวกเขาจะเปรียบเสมือนได้ระเบิดนิวเคลียร์เงียบมาไว้ในมือ”

นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจพบสัญญาณลึกลับในป่าลึกของพม่า เมฆสีแดงมีต้นกำเนิดอยู่ที่นี่มีหลายประเทศที่ส่งคนเข้าแทรกซึมค้นหา กองทัพพม่าเองก็ระแคะระคายเรื่องสถานีลึกลับที่แอบมาตั้งฐานในประเทศของตนมานานแล้วมีส่งคนมาสืบหาจำนวนมากแล้วก็สูญหายไปเช่นเดียวกับสายลับของประเทศมหาอำนาจอื่นที่ถูกส่งแทรกซึมมาก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์สิงคโปรคือพวกแรกๆที่ตรวจพบสัญญาณจึงขอความร่วมมือกับกองทัพไทยในการร่วมสำรวจอย่างลับๆและบัดนี้พวกเขาเข้าถึงสถานที่นั่นแล้วก่อนประเทศอื่น จุดเริ่มต้นในภารกิจติดตามค้นหาสถานีวิจัยอาวุธลึกลับกลางป่านำโดยร้อยเอกหาญศึก เสนานรงค์จึงเริ่มขึ้น

หากไม่มีสายลับพิเศษจากกองทัพสิงคโปรพวกของหาญศึกจะไม่มีทางรู้เส้น ทางเข้าสถานีวิจัยอาวุธ

“เราอาจจะเจอกับสายของจีนแดง อเมริกันหรือไม่ก็เกาหลีเหนือแล้วก็ได้ ที่ตลาดชุมสิงพวกเราเปิดเผยตัวมากเกินไปอาจตกเป็นเป้าให้ถูกจับตาตั้งแต่ตอนนั้นเราไม่รู้ประเทศไหนกันมั่งที่โดดเข้ามายุ่งเรื่องนี้ เจ้าคนที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่พระธุดงค์กับคณะของหมอกฤษณ์อาจจะเป็นสายของประเทศอื่นก็ได้เราจะวางใจใครไม่ได้ง่ายๆไม่ได้”

จ่าปิดท้ายอย่างใช้ความคิด


หลังก้อนหินใหญ่ ลูกน้องต่างแยกย้ายไปเก็บสัมภาระ หาญศึกกำลังใช้ผ้าซุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวโดยเฉพาะกลิ่นเหม็นฉุนของสารนิโคตินของหมู่แม็ก กล้ามเนื้อแกร่งของชายหนุ่มยามเมื่อถูกความเย็นต่ำกว่าสิบองศา ไอน้ำขึ้นจากร่างกายลอยกรุ่น กฤษณ์และมงกุฎดอกไม้ของเขามาถึงเจอเข้าพอดีเลยรีบหลบแอบหลังก้อนหิน เผลอเอามือปิดปากอุทานออกมา

“อุ๊ย หุ่นดีจัง”

“พี่หมอ!!กำลังทำอะไรน่ะ!”เกตุตามหลังมากระชั้นชิดขึ้นเสียงใส่ทันที

“ป.ป.เปล่านะ พี่หมอเปล่าแอบดูนะ”กฤษณ์ตกใจจนวางมือไม้ไม่ถูกเอาฝ่ามือมาอังผิวแก้มแดงเรื่อร้อนผ่าวแต่ตายังแอบแลคนร่างสูงใหญ่ตรงหน้าที่ช่างรูปงามเกินชายใด

“แน่นะฮึม..”เกตุยังคาดคั้น

หญิงสาวมองคู่รักอย่างไม่ไว้วางใจและมองกล้ามเนื้อสมส่วนของเฟอร์เฟ็กแมนพี่หาญศึกของเธอดึงดูดสายตาของสาวๆได้เสมอแต่ต้องไม่ใช่ผู้ชายอย่างพี่หมอ

กฤษณ์ รีบออกตัวทันที“พี่เอ๊ยคุณหาญศึกมีกล้ามเนื้อที่สวยงามได้สัดส่วนมากพี่ก็แค่ชื่นชมในสายตาของหมอก็เท่านั้นเองนะพี่ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆนะ”

“น้องก็ไม่ได้ว่าอะไรพี่หมอสักหน่อยทำไมต้องร้อนตัวด้วย”

พอเถียงไม่ไหวผู้ชายผิวบางปากแดงก็อายม้วนหลบตาเอามืออังแก้มอันร้อนผ่าว

กฤษณ์ยังไม่เลิกทำตัวเหมือนผู้หญิง เกตุได้แต่เอามือเท้าสะเอว“แล้วกันพี่หมออย่าหัดอ่อนไหวบ่อยนักสิคะ”

หนุ่มหล่อกล้ามโตยิ้มอย่างอารมณ์ดีมองมาทางคู่รักใหม่ เขาจัดแจงนำเสื้อมาใส่แต่ก็ยังเผยแผงอกอันกำยำ หน้าท้องเหมือนแผงเกราะเหล็กที่กฤษณ์เห็นแล้วเบือนหน้าหลบอย่างเนี้ยมอายท่าทางเหมือนเป็นเพื่อนสาวของเกตุเสียมากกว่าจะเป็นคู่รัก

“มาทักทายพี่ชายหรือไงน้องทั้งสองของพี่”เสียงทุ้มหล่อเรียกมา

กฤษณ์มาทำมาดแมนโอบกอดหญิงสาวต่อหน้าญาติฝ่ายหญิงแต่เกตุฉุนจนลมออกหูทำเมินไปทางอื่นปล่อยให้ทั้งสองคุยกัน มงกุฎดอกไม้บนหัวของกฤษณ์และมาลัยห้อยคอของเกตุทีแรกแค่มองผ่านๆตาแต่ตอนนี้หาญศึกเกิดสะดุดตาขึ้นมา พอถาม กฤษณ์ก็บอกว่าเกตุนึกสนุกเลยทำให้

“มีเรื่องสำคัญอะไรหรือถึงรีบมาหาพี่แต่เช้า”หาญศึกถามขึ้นก่อน

กฤษณ์ส่งรอยยิ้มสดใสให้มา“ครับคุณหาญศึกเรามีเรื่องสำคัญจึงรีบมา”

กฤษณ์สะกิดเตือนยอดหญิงของเขา เกตุสะดุ้งเล็กน้อยลืมไปว่าเธอต้องมาขอขมาหาญศึกถึงเรื่องที่เธอไปโกหกเขาไว้หลายเรื่องรวมทั้งเรื่องที่ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เกตุรวบรวมความกล้าหาญมายืนต่อหน้าเขา

“พี่หาญศึกคะเกตุมีเรื่องจะบอก เออ..คือ..”

“หือ..คือเรื่องอะไรกัน”คิ้วรูปปีกเหยียวขดเข้าหากัน

“คือจะบอกว่า เออ..คือ..”

ชายหนุ่มเริ่มกอดอกมองเธออย่างจริงจังจนเกตุเกิดอาการประหม่าความกล้าหาญเมื่อครู่พลันหายไปจนหาญศึกต้องทำเสียงดุเตือนให้พูดนั่นยิ่งทำให้เกตุยิ่งกลัวเข้าไปอีก

“มีอะไรจะพูดก็พูดเกตุน้องไม่ใช่คนแบบนี่นะ”

พอจะเอ่ยคำพลันความกล้ามันก็หายหมดกลายเป็นคนติดอ่าง

ในเมื่อตัดสินใจแล้วเกตุจึงยอมสารภาพเรื่องที่เธอก่อไว้กับครอบครัวของเขา รอยยิ้มของพี่ชายต่างสายเลือดค่อยหดลงเมื่อได้ฟังคำสารภาพ คิ้วหนาหดเข้าหากันกับทุกคำสารภาพ ไม่ผิดแล้วมันเป็นสีหน้าโกรธชัดเจน จนกฤษณ์เห็นสีหน้าของเขายังอดตกใจด้วยไม่ได้เพราะเรื่องมันเกี่ยวกับบุพการีของหาญศึกด้วย

“เกตุหลอกลวงพี่คะ!หลอกลวงทุกเรื่อง เรื่องอุ้มบุญทายาทให้คุณท่านนั่นก็ไม่จริงทุกอย่างมันเป็นคำโกหกของน้องเองเกตุทำลายชื่อเสียงของคุณท่าน..”

มาเจอคนเอาชื่อเสียงพ่อของตนเองมาล้อเล่นหาญศึกถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันที

“เกตุ!!..”ใบหน้าแดงขึ้นด้วยความโกรธ เงี่ยฝ่ามือขึ้นสูง

ไม่ผิดแน่คงต้องโดนฝ่ามือใหญ่ๆตบเข้าแน่ เกตุกัดฟันแน่นเชื่อว่าต้องโดนตบอย่างแรงคร่าที่ไปล่วงเกินชื่อเสียงพ่อของเขาแต่เมื่อกล้าทำก็ต้องกล้ารับเธอหลับตาปี๋เพื่อรอรับการลงโทษจากเขา

“เกตุ..ลืมตาขึ้นสิ”น้ำเสียงมีเมตตาเอ่ยขึ้น“พี่ไม่โกรธหรอกอย่ากลัวพี่ไปเลย”

มือที่เงื้อขึ้นแปรเปลี่ยนเป็นมาจับหัวไหลอย่างนิ่มนวล

“อะเอะพี่หาญศึกไม่โกรธน้องแล้วเหรอ”เธอกระพริบตาปริบๆมองมือกับรอยยิ้มของเขาโดยมีกฤษณ์ยืนเอาผ้าเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ ดวงตาสีฟ้าสดใสคู่นั้นกำลังเปล่งประกายเมือพี่น้องมีความเข้าใจกัน

ใบหน้าของหาญศึกยังคงมีรอยยิ้มเสมอ

“พี่รู้ความจริงอยู่ก่อนแล้วแค่รอให้จำเลยมาสารภาพเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องที่เดายากเลยว่าน้องโกหก ถ้าคนกำลังท้องไส้จริงป่านนี้คุณพ่อไม่ยอมให้เธอมาสมบุก สมบันมาถึงนี้ได้หรอกแต่ขอร้องละต่อไปนี้ห้ามโกหกพี่แบบนี้อีกเข้าใจไหม”

น้ำเสียงฟังดูนุ่มนวลแต่มือของเขาบนบ่าหนักขึ้น เธอเห็นแล้วใจสะท้านหาญศึกโกรธจริงเพียงแต่กล่ำกลืนมันเอาไว้เท่านั้น

เกตุถึงกับซึมคอตกไปทีเดียวครอบครัวของพี่หาญศึกดีกับเธอทุกอย่างแต่เธอกลับทำร้ายพวกเขา สองมือค่อยๆพนม น้ำตามันหยดลงพื้นอย่างไม่รู้ตัวเพราะสำนึกผิด ค่อยๆย่อตัวลงจะกราบกับพื้นหาญศึกรับมือนั่นมาทาบกับอกไว้เป็นการรับการขอขมา เกตุถึงกับปล่อยโหลั่นเพราะกลัวความจริงจะเปิดเผยมานาน บัดนี้ชนักปักหลังถูกถอดออกไปแล้วชีวิตใหม่ของเธอกับพี่หมอจะได้มีความสุขเสียที หาญศึกดึงเอาน้องเขยมากอดอีกคนอวยพรให้ทั้งสองใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุข

“ขอบคุณครับ/คะพี่หาญศึก”

“ไม่เป็นไรทั้งสองคนต่อไปนี้ขอให้มีความสุขในชีวิต”

ทั้งสามกอดกันนิ่งอยู่นาน นานพอที่หาญสึกจะค่อยดันให้น้องสาวน้องเขยขยับจากอกของตนแต่ทั้งสองกอดรัดร่างของเขาไม่ยอมปล่อย

“ที่รักคะในที่สุดเราทั้งสองก็ได้มาอยู่ในอ้อมกอดของคุณคราวนี้คุณหนีเราไปไม่พ้นแล้ว”

นี่เป็นเสียงของกฤษณ์แน่หาญศึกถึงกับไม่เชื่อหูตนเองใบหน้าอันงดงามของทั้งสองเงยขึ้นพร้อมกัน คนเนตรสีฟ้าใช้สายตาสะกดเขาเอาไว้จนขยับไม่ได้ ผู้หญิงเนตรสีทองใช้ปลายนิ้วเขี่ยคางของเขาอย่างชอบใจ

“ที่รักคะคราวนี้คุณหนีเราไปไม่พ้นแล้ว คริ คริ”

ทั้งเกตุและกฤษณ์ต่างหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เกตุ กฤษณ์ พวกเธอจะทำอะไรพี่”เขาพยายามดิ้นแต่กลับรู้สึกเหมือนถูกงูใหญ่รัดเอาไว้จนแน่น กระดูกเหมือนกำลังถูกบดเข้าหากันช้าๆหายใจเข้า-ออกดังอึกอักเพราะติดขัดขึ้นทุกทีโดยผู้กระทำเป็นเพียงคนร่างบอบบางทั้งคู่

ทั้งสองหัวเราะชอบใจยิ่งนักเมื่อเห็นเขาดิ้นรน ใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์แต่หาญศึกกลับรู้สึกว่าใบหน้านั้นน่าสะพรึงกลัวเหมือนถูกนัยน์ตาของงูเห่าสะกดเขาเอาไว้ สองแขนของพวกเธอกอดรัดเขาจนแน่นคนร่างใหญ่พยายามดิ้นรนแต่กลับไร้เรี่ยวแรงจะต้านเส้นเลือดฝอยในร่างกายเหมือนกำลังจะระเบิด อีกเพียงไม่กี่วินาทีที่เขาจะหมดสติไม่ว่าจะมองยังไงทั้งกฤษณ์และเกตุก็คือผู้หญิงลึกลับเมื่อคืน

“กุสุมา! กานดา!เป็นไปไม่ได้..”





Create Date : 20 ตุลาคม 2553
Last Update : 20 ตุลาคม 2553 19:49:34 น.
Counter : 1446 Pageviews.

1 comments
  
รอออออ ติดตามตอนต่อไป สู้ๆๆๆ
โดย: ไม่บอกเขิล IP: 118.174.92.110 วันที่: 5 มีนาคม 2558 เวลา:15:35:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แจ็ค ในสวนถั่ว
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ยินดีต้อนรับสู่บ้านของคนชอบคิดชอบเขียนครับ
New Comments