--------ถ้าทองกลับมาเป็นตัวอ้างอิงค่าเงิน ???---------
นโยบายใคร เขาย่อมคิดดีแล้วว่าเขาได้ประโยชน์มากขึ้น ฟื้นมาตรฐานทองคำ ทางออกย้อนยุค กู้วิกฤตค่าเงิน ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเสียงเรียกร้องอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่างๆ อ้างอิงกับทองคำ หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า ระบบมาตรฐานทองคำ (Gold Standard ในที่นี้จะเรียกว่า การอ้างอิงค่าเงินกับทองคำ) หลังจากที่ล่าสุด โรเบิร์ต โซลลิก ประธานธนาคารโลก เสนอแนะให้ประชาคมโลกหวนกลับมาใช้ระบบอ้างอิงทองคำอีกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตค่าเงินอันสืบเนื่องมาจากการอัดฉีดทุนของสหรัฐจนยังผลให้ค่าเงินต่างๆ แข็งค่ากันอย่างถ้วนหน้า
ก่อนหน้านี้ยังมีนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของโลกหลายรายที่เรียกร้องให้ระบบค่าเงินโลกหวนกลับไปใช้กลไกการอ้างอิงกับทองคำเช่นเดิม ตัวอย่างเช่น อลัน กรีนสแปน อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ก่อนหน้านี้เคยคัดค้านแนวคิดนี้ แต่แล้วหันมาสนับสนุนระบบอ้างอิงทองคำอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ยังมี จิม เบเกอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ในช่วงทศวรรษที่ 80 ซึ่งในช่วงเวลานั้น โรเบิร์ต โซลลิก เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการคลังสหรัฐ จึงไม่น่าประหลาดใจที่ประธานธนาคารโลกจะมีแนวคิดเดียวกับอดีตนายเก่า
แต่แม้จะมีข้อเรียกร้องมานานกว่า 2 ทศวรรษ แต่ยังไม่มีเสียงตอบรับที่จริงจัง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเงินเหรียญสหรัฐยังผูกขาดความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อเศรษฐกิจโลก ดังที่เรียกกันว่าเป็นภาวะ เผด็จการ หรือ กุมอำนาจ โดยเงินเหรียญสหรัฐ หรือ Dollar Hegemony
อย่างไรก็ตาม การที่มีข้อเสนอให้สกุลเงินต่างๆ ของโลกกลับไปผูกค่ากับทองคำแทนเงินเหรียญสหรัฐ แสดงให้เห็นถึงความเสื่อมถอยของภาวะเผด็จการโดยเงินสกุลนี้
และหมายความว่า ความน่าเชื่อถือต่อเงินกระดาษเริ่มเสื่อมถอยลงเช่นกัน
สำหรับระบบค่าเงินอ้างอิงกับทองคำนั้น มีกลไกอยู่ที่การที่เงินสกุลหนึ่งๆ จะมีมูลค่าอิงกับปริมาณทองคำที่แน่นอน
หากประเทศหนึ่งๆ ตรึงทองกับค่าเงินของตนโดยตรงจะเรียกว่า ระบบมาตรฐานทองคำ (Gold Standard)
แต่หากกระทำผ่านการจัดการโดย กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ดังเช่นที่สหรัฐเคยตรึงค่าเงินของตนอยู่ที่ 35 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ จะเรียก ระบบมาตราปริวรรตทองคำ (Gold Exchange Standard)
ระบบนี้ยุติไปแล้วตั้งแต่ปี 1971
เมื่อพิจารณาข้อเสนอของ โซลลิก จะพบว่าแม้จะเปี่ยมไปด้วยความหวังดี แต่แฝงไว้ด้วยวาระซ่อนเร้นบางประการ
เพราะนอกเหนือจากข้อเสนอให้กลับไปใช้ระบบอ้างอิงทองคำแล้ว ยังมีข้อเสนอที่เป็นเสมือนคู่ขนานกัน นั่นคือ การเสนอให้ประชาคมโลกระดมกำลังเพื่อจัดระเบียบการเงินโลกเสียใหม่
ข้อเสนอนี้เรียกว่า Bretton Woods II หรือรอบ 2 ตามการประชุม Bretton Woods ครั้งแรก ซึ่งเป็นการยุติระบบอ้างอิงทองคำแล้วให้สกุลเงินต่างๆ ผูกติดกับเงินเหรียญสหรัฐ โดยที่เงินเหรียญสหรัฐจะอิงกับทองคำเพียงผู้เดียว หรือระบบมาตราปริวรรตทองคำภายใต้การบริหารจัดการโดย IMF
การผุดแนวคิด Bretton Woods II เริ่มถี่ขึ้นระหว่างปี 2551-2553 นับตั้งแต่การหยอดแนวคิดนี้โดย ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส เมื่อปี 2551 จนถึงการประชุม G20 เมื่อปี 2552 ซึ่งที่ประชุมมีข้อตกลงให้ประเทศที่ขาดดุลการค้าปรับค่าเงินให้อ่อนลง ส่วนประเทศที่ได้ดุลต้องปรับให้แข็งขึ้น
โปรดสังเกตว่า มติของ G20 เอื้อประเทศตะวันตกอย่างชัดเจน เพราะเป็นฝ่ายที่ขาดดุล ที่ยิ่งชัดคือขณะนี้สหรัฐถูกมองว่ากำลังกดให้ค่าเงินของตัวเองอ่อนลงเพื่อหวังผลด้านการส่งออก
การกระทำเช่นนี้เรียกว่า Beggar thy Neighbor หรือกระตุ้นการส่งออกของตนด้วยการลดค่าเงิน บนความวอดวายของประเทศเพื่อนบ้าน
แต่วาระที่ซ่อนเร้นยิ่งกว่าคือความพยายามรื้อฟื้นข้อตกลง Bretton Woods ภาค 2 เท่ากับเป็นความพยายามต่ออายุการกุมอำนาจของเงินเหรียญสหรัฐในระบบเศรษฐกิจการเงินโลก
กับข้อเสนอใช้มาตรฐานทองคำอ้างอิงค่าเงินนั้น ยังเป็นผลดีต่อประเทศที่มีทองคำสำรองเป็นจำนวนมาก ซึ่งย่อมไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นสหรัฐ ซึ่งมีทองคำสำรองสูงถึง 8,133.5 ตัน
เข้าทาง Bretton Woods II เข้าอย่างจัง!
เพราะแท้จริงแล้ว สหรัฐเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่สามารถพิมพ์ธนบัตรได้เองโดยไม่ต้องอ้างอิงทองคำสำรองของตน โดยใช้เพียงความเชื่อมั่นของทุกประเทศต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แต่บัดนี้ความเชื่อมั่นนั้นได้เสื่อมถอยลงเสียแล้ว สหรัฐและพันธมิตร (เช่นยุโรปและธนาคารโลก) จึงไม่อาจเสนอระบบอ้างอิงทองคำเพียงอย่างเดียว จำต้องผลักดันให้เกิด Bretton Woods รอบ 2 เพื่อฟื้นฟูการผูกขาดที่แท้จริงให้กลับคืนมาสู่เงินเหรียญสหรัฐอีกครั้ง
ปัญหาเชิงเทคนิคที่ซ่อนเร้นอีกประการคือ มูลค่าที่แท้จริงของค่าเงินและทองคำมักไม่ตรงกัน
ปริมาณทองคำทั่วโลกอยู่ที่ราว 1.42 แสนตัน หากปัดราคาทองคำเฉลี่ยให้อยู่ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ จะพบว่า ราคาทองคำทั้งโลกจะอยู่ที่เพียง 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าปริมาณเงินหมุนเวียนในสหรัฐในปีหนึ่งๆ ด้วยซ้ำ เพราะอยู่ที่ราว 8.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
วิธีแก้ปัญหาคือการปัดให้ราคาทองคำสูงขึ้นมาอย่างน้อยอยู่ที่ 2,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เพื่อให้สอดคล้องกับมูลค่าและปริมาณเงินไหลเวียนที่แท้จริง
แต่การทำเช่นนี้ จะยังผลให้ราคาทองคำสูงขึ้นรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
จึงไม่น่าแปลกใจที่คล้อยหลังเพียงวันเดียวที่ประธานธนาคารโลกแย้มข้อเสนอระบบอ้างอิงทองคำสำหรับอัตราแลกเปลี่ยน ปรากฏว่า มิใช่แต่ค่าเงินทั่วโลกจะไม่มีเสถียรภาพขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังทำให้ราคาทองคำถีบตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทะลุหลัก 1,400 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เป็นครั้งแรก!
แม้จะมิใช่การกล่าวด้วยเจตนาแอบแฝงเพื่อหวังให้ราคาทองคำพุ่งขึ้น แต่นี่คือข้อเสียที่เห็นได้ชัดจากการใช้ระบบอ้างอิงทองคำ ที่โซลลิกสมควรตระหนัก
นั่นคือ ราคาทองคำและปริมาณทองคำในวันนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อหลายทศวรรษก่อน กล่าวโดยสรุปก็คือ ทองคำมีความผันผวนอย่างน่ากลัว และรุนแรงยิ่งกว่าเงินเหรียญสหรัฐด้วยซ้ำ
ที่สำคัญอีกประการคือ มูลค่าและปริมาณการค้าทั่วโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปริมาณทองคำสำรองสำหรับอ้างอิงไม่อาจไล่ตามได้ทันอีกต่อไป
สาเหตุที่ทำให้ระบบการเงินโลกที่วางไว้ในการประชุม Bretton Woods ครั้งแรก ต้องล่มสลายลงก็เนื่องมาจาก ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน แห่งสหรัฐ ยุติการตรึงเงินเหรียญสหรัฐกับทองคำเมื่อปี 1971 เนื่องจากปริมาณของทองคำไม่เพียงพอกับปริมาณการค้าโลก ยังผลให้เกิดภาวะเงินฝืดขึ้น
นับแต่นั้นสหรัฐจึงพิมพ์ธนบัตรโดยอิงกับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ที่บัดนี้ยังมีความน่าเชื่อถือสูง แต่เริ่มเสี่ยงที่จะแปรปรวนเช่นกัน ภายหลังการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบล่าสุด หรือที่เรียกกันว่า QE2
นี่คือความซับซ้อนและความเสี่ยงของการใช้ระบบอ้างอิงทองคำ
นอกเหนือจากนี้ การใช้ทองคำอ้างอิงอาจเผชิญกับกระแสคัดค้านอย่างรุนแรงจากประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ไม่ว่าจะด้วยความหวั่นเกรงว่า พันธบัตรสหรัฐที่ถืออยู่จะสูญสิ้นมูลค่า หรือเพราะกริ่งเกรงว่า สหรัฐและพันธมิตรจะมีวาระซ่อนเร้นในการพลิกฟื้นระบบมาตรฐานทองคำอีกครั้งก็ตาม
ดีไม่ดี ความพยายามใช้ทองคำเพื่อแก้ปัญหาค่าเงินโลก อาจยิ่งเป็นการราดน้ำมันลงบนกองเพลิง ให้ลุกโหมยิ่งกว่าเดิม ข่าวที่เราต้องมีส่วนผูกพันเข้าไปด้วยแบบนี้สมควรได้อ่านและคิดไว้บ้าง อาจจะได้ไอเดียในการเริ่มสะสมทอง(ตอนราคาถูก หรือจำเป็นต้องรีบเก็บไหม อาจจะไม่มีถูกกว่านี้??)สำหรับเราคงจะแนะนำให้รอฟังผลการประชุม G20ไปก่อน นโยบายระดับโลกเช่นนี้ หลายประเทศเริ่มยกระดับขึ้นมามีสิทธิมีเสียงมากขึ้น ไม่มีใครเป็นพี่เบิ้มของโลกได้เช่นก่อน (ยุคทหาร หรือ อาวุธนิวเคลียร์ อยู่ในมือ หลังสงครามโลก หลายประเทศก็ทำได้แล้วแม้ เมกาจะพยายามขวางก็ตาม ส่วนไทยเรามิได้คิดจะใหญ่ คานกำลังใคร เราคิดแต่ ทะเลาะกันเองสนุกกว่า??)
สิ่งที่เราดึงมาเป็นจุดสำคัญในการติดตาม ณ เวลานี้ คือดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ (จาก 1 //futures.tradingcharts.com/intraday/DXZ0 2 //www.fxstreet.com/rates-charts/usdollar-index/ จะเห็นเรียลไทม์ หลังตลาดเงิน เริ่มเปิดเมื่อตลาดยุโรปเปิดแล้ว ราวบ่ายสามไป )
ตามไปดูกราฟเลย เริ่มจากดอลล่าร์ (คนหัดอ่านกราฟใหม่ให้อ่าน กราฟดอลล่าร์ กับกราฟ ดาว อย่างละเอียดตอบในเมนท์ด้วย ถ้าอยากทดสอบตัวเองว่าอ่านได้ละเอียดถูกต้องดีหรือยัง อย่างวันวาน ก็สอนวิธีหา ว่าแท่งเทียนตั้งบนเส้นเฉลี่ย กี่วันให้ ในคอมเมนท์ ว่ามีสองวิธี ใครอยากรู้ ก็กลับไปอ่านเพิ่มซะ เพราะไม่มีตำราสอนหรอก ผมดัดแปลงเอง อิอิอิ เรื่องใส้เทียนก็เหมือนกัน ผมก็อธิบายเอง จากวิวัฒนาการ กราฟเส้นมาเป็น บาร์ แล้วมาเป็น DOJI ที่ญี่ปุ่นคิด (แท่งเทียนนั่นแหละ)) อ่านทุกลูกศรแล้วตอบคำถามด้วยว่า แท่งแดงหัวโล้นแปลว่าอะไร มีความหมายอย่างไร เมื่อรวมกับ วอลุมที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และเมื่อรวมกับMACD ที่ตัดลง ลบแล้ว คำถาม ถ้าท่านมีหุ้นอยู่ เลยหรือเพิ่งถึง หรือยังไม่ถึงจุดที่จะออกจากตลาด??? จากอิทธิพลของข่าวทอง จึงไซด์เวย์รอ ข่าวจากการประชุม ไม่ลงไปตามดอล่าร์ที่แข็งขึ้น
ยุโรปก็กลับมากังวล เรื่องหนี้กันอีกจากการผุดขึ้นมาของไอร์แลนด์
เลยมาไทยเลยละกัน หาคำตอบกันได้หรือยัง จากสามรุมหนึ่งย่อยวานซืน แล้วไงวันวาน จึงมาเกาเหลาจริงๆๆ แบบไม่มีวอลุมในตอนแรก ที่ทริกเกอร์ (Tricker ตัวบอกรายการวิ่ง หุ้นที่แมท)ช้ามากมากเหมือนคอมขัดข้อง หรือการช๊อคจากข่าวที่ได้ทุกกลุ่ม แล้วรอการเชคข่าว ผมก็หาข่าวไม่เจอ แต่จาก สรุปในเซทเทรดเอง น่าจะเพราะ กลุ่มอสังหา จะโดนควบคุมบางอย่างเช่นจีนเคยทำ คือการขึ้นดอกเบี้ย การกู้ซื้อบ้าน หรืออสังหาจะฟองสบู่จริง ?? ผู้ร่วมเดือดร้อนด้วย จะเป็นแบงต์ จึงลงนำมาสองสามวันก่อนแล้ว ??? แต่ทำไม กลุ่ม ปตท จึงมาเกี่ยวข้องในการลงด้วย ??? แล้วความพยายามใช้หุ้นดีทุกด้านเช่น บ้านปูมาเป็นตัวดัน จึงถอยหลังกรูดเป็นติดลบหรือเป็นการลากไปปล่อยของ จะทิ้งของกันจริงแล้ว ไม่รินขาย??? หรือมีปัญหาในกลุ่ม มือ ?? หรือการเมืองได้เงินพอแล้วจากตลาด (ดูจะตรงกับข่าวให้ประกันตัว แดง ราว 45 คน และมีเรียกเข้าพบ ในทำเนียบด้วยนะ (ห่วงกลัวตกงานไม่มีงานทำ??) ??? ???? ใครคิดว่าใช่คำตอบ ของท่านมากกว่า ช่วยบอกด้วย
ในเกมส์ ของเดือนนี้ เน้นการเล่นขาลงของกรุงไทยสต๊อคฟิวเจอร์ งวดนี้ (KTBZ10)
พอจะเข้าอันดับโอเวอร์ออลได้ราว อันดับ 40แล้วละ
อยากหาทาเลือกยามหุ้นเป็นขาลงให้เล่นขาลงได้ก็รีบอ่าน ฟิวเจอร์ ทองฟิวเจอร์ สต็อคฟิวเจอร์ หรือ ออปชั่นเพื่อให้เข้าใจไว อ่านแล้วสงสัยมาถามได้
Create Date : 12 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2553 6:06:07 น. |
|
15 comments
|
Counter : 3204 Pageviews. |
|
|
|
|