------------- การลงทุน /// การเก็งกำไร === ซื้อขายของจริง /// ซื้อขายอนาคต ซื้อขายเอกสาร------

------------- การลงทุน /// การเก็งกำไร ===  ซื้อขายของจริง /// ซื้อขายอนาคต ซื้อขายเอกสาร------

-------------  ในอดีตมนุษยชาติ มีการแลกเปลี่ยนสินค้ากัน ตามที่ตัวเองมี กับอีกฝ่าย ด้วยของของแต่ละฝ่าย

             จนเกิด การใช้วัตถุมีค่ามากำหนดให้เป็นตัวกลาง  แทนสิ่งของอะไรก็ได้  คือเบี้ย แล้วพัฒนามาเป็น เงิน

====== และจากการซื้อขาย สินค้าจริง จากชุมชนหนึ่งไปอีกชุมชนหนึ่ง จนไกลไกลกันออกไป เป็น ข้ามประเทศ ต้องเดินเรือไปค้าขาย ข้ามทวีป

---------- การค้าขายพัฒนาไปด้วย เพราะพ่อค้า อยากได้ความแน่นอน อยากได้สินค้า ก่อนคนอื่นจึง คิดจ่ายเงินให้ผู้ขาย ล่วงหน้าเหมือนมัดจำ ผูกมัดไว้ก่อน ด้วยการตกลง จำนวนและราคาไว้ล่วงหน้า

---------  นานๆๆไปหลักการที่เจอปัญหา ก็ทำให้ เอกสารพัฒนาไปเรื่อยจน มีการผูกมัดทั้งสองฝ่าย ต่อรองจนพอใจทั้งสองฝ่าย

              นี่แหละคือที่มาของ Derivative

                 ดังนั้นในสภาพปัจจุบัน โลกจึงมีตลาดซื้อขายของจริง  มีการประกาศราคากลาง ประจำถิ่น หรือราคากลางของโลก

           ผู้ค้าซื้อสินค้าเกษตร ก็ต้องรู้จักแหล่งผลิตเพื่อให้ได้ของจริงของแท้ คุณภาพดี มีมาตราฐาน และเพื่อให้ได้ราคาทึ่ถูกที่สุด

          ทำนองเดียวกัน ผู้ขายก็ต้อง เดินทางไป สาธิตอธิบาย แสดงให้ผู้ ซื้อที่มีกำลังซื้อเยอะๆๆแต่ไม่สดวกที่จะมารู้จักและเข้าใจสินค้าได้ดีให้ได้เห็นได้ชิมของจรองๆๆ

        แล้วมีการตกลงซื้อขายกันเลย ทำสัญญากันเลย ราคา จำนวน และกำหนดส่งให้เสร็จ

         (เอกสารแบบนี้  เราเรียก ตลาดจริงหรือตลาดหลัก )

              ส่วนตลาดกลางที่ให้นำเอกสารเหล่านี้ มาขายก่อนอายุได้ ถ้ามีความจำเป็น 

              เช่น ได้ไปซื้อ พันธบัตรของธปท อายุ50ปีที่ ประชาธิปัตย์ เสนอผ่านสภาอนุมัติให้ไทยเป็นประเทศที่ 4ในโลก ที่ออกพันธบัตร์ อายุ ถึง 50ปี เพื่อระดมเงินไปใช้ ที่ผ่านมา

            แต่ผู้ทรงพันธบัตรมีความจำเป็นต้องการใช้เงินจำนวนนี้ ก็สามารถนำพันธบัตรนี้ไป จำหน่ายในตลาด ที่มีการตั้งขึ้นแล้วในปัจจุบันของไทย (แต่ส่วนใหญ่ ยังไม่ทราบกัน )

           ตลาดที่ สองนี้เราเรียกว่า ตลาดรอง

            จากตลาดรอง ที่ซื้อขายเอกสารนี่เอง จึงเป็นที่มาของ เอกสารอีกหลากหลายแบบ ( Derivative )

          การซื้อขายล่วงหน้า ( Future ) ทุกชนิดที่ออกมาตอบสนอง โดยตรงกับผู้ค้าขายสินค้าจริงๆๆนั้น ก่อน เช่น ฝ้าย ข้าว เกิด ประโยชน์กับผู้ซื้อขาย ฝ้าย ข้าวของจริงให้มาถือสัญญาฟิวเจอร์เป็นการคาดการณ์อนาคตว่าจะเกิดอะไร ตนเองจึงจะไม่เสียหาย ในการซื้อขายจริงในสินค้านั้น  (เสมือนการประกันความเสี่ยงไว้)

          หรือการซื้อขายค่าเงินเพราะกลัวค่าเงินจะเปลี่ยนแปลงเมื่อถึงเวลาจ่ายหรือรับเงิน

         ตลาดสำหรับเอกสารเรานี้ จึงเกิดขึ้นเติบโตอย่างรวดเร็วตามความเจริญของการเดินทางถีงกันง่าย ของคน และการสื่อสารกันได้ไวกว่าเดิม

         แต่อย่าลืมว่า จุดประสงค์เดิม หรือกำเนิดเดิม เกิด เพราะ ผู้ซื้อขายสินค้าจริง ใช้ประโยชน์ กับเอกสารฟิวเจอร์ เหล่านี้ได้โดยตรง

                ดังนั้นการที่เราจะเล่นฟิวเจอร์ ถ้าไม่ใช่สายตรงคือการค้าขายสิ่งนั้นอยู่แล้ว เช่นทอง กับฟิวเจอร์ทอง

                เราคือผู้เก็งกำไรนั่นเอง

        และข้อเสียเปรียบของเราถ้าเป็นผู้เก็งกำไร เรามักไม่รู้รายละเอียด ว่า ระบบเส้นทางของธุรกิจนั้น ต้องระวังอะไรบ้างช่วงไหนจะขึ้นจะลงผันผวนอย่างไร

              ประเทศไหนคุ้มราคาสินค้านี้อยู่ แหล่งผลิตอยู่ที่ไหน กี่ปีประเทศนั้นจะมีอุทกภัยวาตภัยแรงๆๆ

                หรือสัตว์ปีกจะมีโรคไข้หวัดนกระบาดที่ไหน

                หรือประเทศไหนห้ามนำเข้าวัว

                หรือไม่กี่วันนี้ เราเพิ่งทราบว่า เจพีมอร์แกนขาดทุนในคอมโมดี้ (ไม่รู้ ทองหรือน้ำมัน หรือแร่เงิน ???)

                 แล้วทองฟิวเจอร์ที่เรามีละจะกระทบกระเทือนไหม

                ดังนั้น อะไรที่ไม่ชำนาญเชี่ยวชาญ หรือ ไม่ได้สัมผัสโดยตรงมาก่อน

               การศึกษาให้เข้าใจเสียก่อนเท่านั้น  และการได้ทดลองเสียก่อนเท่านั้นที่จะช่วยให้ท่านเลือกทางเดินได้ถูกต้อง 

                     นอกจากหุ้น แล้วออปชั่นคลับน่าจะมีคนที่สนใจรู้และเข้าใจอยู่กันหลากหลาย

                     ที่น่าเป็นแหล่งเข้าไปหาคนที่มีประสพการณ์มีความรู้อยู่ ณ เวลานี้

               ในเฟชบุ๊ค 

              //www.facebook.com/groups/359193927450086/

(เมื่อก่อนที่ผมจะอ่านฟิวเจอร์ และออปชั่น ผมเคย เจอปัญหานี้ ว่าคนที่รู้เขาอยู่ตรงไหน ผมจะได้ไปคุยไปถาม )

Create Date : 13 พฤษภาคม 2555		6 comments
Last Update : 13 พฤษภาคม 2555 5:45:04 น.
Counter : 4810 Pageviews.
Share Tweet