Derivatives THAI & Overseas Trading Group //// " THAI TRADER CLUB "

<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
17 เมษายน 2553
 

---------------บันทึกแดงทั้งโลกอีกครั้งที่ยิ่งใหญ่ ------------

เปิดคอมยามเช้าตามปกตินิสัย ก็เปิด รายงานดาวโจนส์ ก่อนเลย

เห็น - 125 จุด

เห็นข่าวด้านล่างก็คลิกไปอ่าน เรื่องโกลด์แมน





ตามลิ้งค์นี้ //www.reuters.com/article/idCAN1617855920100416?rpc=44

ด้วยเนื้อหา นี้





เป็นวันที่ หุ้นไฟแนนซ์ ตกหนักในรอบปี

โกลด์ แมน ตกลงไป 13% ,มากที่สุด ตั้งแต่ มกรา 09 ด้วยวอลุม ถึง 100ล้าน




ทำให้หุ้นในกลุ่ม น่าจะเหมือนกันตกไปด้วย

ดาวตก 1.1% เอสแอนพี -1.6% นาสแดก -1.3%





แบงค์ ออฟ เมกา ตกลงไป -5.5%

กลูเกิ้ล -7.6%

โกลดแมน ลงไป -13% (จากบน)

จะเห็นว่า เขาลงกันได้น่ากลัวกว่าเราเยอะ


ไปต่อ ตามไปดู วอลุมของดาวที่เขาว่า ขายมากที่สุด ตั้งแต่ 8 พค 09 ปีที่แล้ว





ตรงตามที่เรา เริ่มเอามาใช้ไหม กระแสร์ เงินไหลออกจริงไหมเมื่อมีการขายแรงๆๆ

CMF ลดลง อย่างเห็นได้ชัด (ย้อนกลับไปอ่านด้วย เหมือนกราฟโดนทุบแรงๆๆ แล้วต่อไปจะเป็นไง ??ถ้ายังลงต่อเนื่อง)





ทำให้ MACD ตัดลง มาติดลบอีกครั้ง แท่งเทียน ทาบเส้นค่าเฉลี่ยอีกครั้ง


ไปดู เอสแอน พี (หุ้น 500ตัว )




วอลุมทะลักออกมาเช่นกัน

ไปดู นาสแดก





ไปอังกฤษ




จีน





หั่งเซ่ง





ไปญี่ปุ่น





ทอง





น้ำมัน





จบด้วยกราฟ ตลาดบ้านเรา

ทำนิวโลว์ ปิด โลว์ 736 หลุดต้านแรก 740 ลงไปแล้ว

ขึ้นกับการสั่งการของรัฐบาล แล้วละในระหว่าง วันหยุดนี้

ปีใหม่ไทย ขอให้ทุกคนคลาดแคล้ว ปลอดภัย ในทุกเรื่องเลยครับ


เราติดตาม ข่าวคนว่างงาน ของเมกา งบประมาณขาดดุล (ยิ่้งขาด หนักเมื่อรับแผน ประกันสุขภาพ เข้าไปอีก และ ค่าเงิน ยังไม่อ่อนจัด เพราะไปโจมตีค่าเงินยูโร การส่งออกยังขาดดุล ส่งออกเช่นเดิม รายได้จะมาจากทางใหม่เท่านั้น

การขึ้นภาษี บุคคล ส่วนการขึ้นดอกเบี้ย หรือถอนเงิน อัดฉีดคงยาก อีกนาน จึงจะทำได้ ) ทำให้เราต้องไปติดตาม ตลาดพันธบัตร์ อีก เรื่องหนึ่ง (เมื่อ ตลาดหุ้น ให้ผลตอบแทนไม่ดี เงินไหลออกจะไปตลาดพันธบัตร์ สังเกตที่ ผลตอบแทน ระยะสั้นจะสูงขึ้น หรือราคาจะแย่งกันซื้อ สูงขึ้น หรือแปลว่า รัฐ ต้องการเงินระยะสั่นมากขึ้น )

ตามหลักการเดิม การเข้าเขต เกิน 70% RSI เราแปลว่า เข้าเขตซื้อมากไป โดยปกติต้องตกลง

แต่การนี้ ได้เกิด ขึ้นไปรอบโลก จาก จุดโอเว่อร์ บ๊อซนี้ เมื่อตกมักจะรุน แรงเสมอ

ซึ่งเราได้คาดการณื รอมา

และจากข่าวกรีก ที่ได้รับการให้ยืมเงินฉุกเฉินเพียง 30พันล้านยูโร และจากไอเอมเอฟ 15พันล้านยูโร (หนี้มี 300พันล้านยูโร มันเหมือนกลับยังไม่ได้ช่วยอะไรจริงจัง ???)ความกังวลเลยยังมีต่อไป อย่าลืม สเปน อิตาลี ด้วยละ

และจากข่าวจีนที่พยายามแก้ไข การโตไวไปจนจะเกิด ฟองสบู่อสังหา หรือการกู้ ที่มากเกินไปจนประกาศ สำรองเงิน ธนาคารเพื่อ ป้องกันการปล่อยกู้มากไป ไว้ ถึงสองครั้ง ก็น่าจะยัง ไม่ดีนัก

หลังการไปพบโอบาม่ามาแล้วจีนก็ยังยืนยัน หยวน อ่อนค่า มากผิดปกติ เพียงหวัง การส่งออกด้านเดียว

ด้านอื่นเลยยังเป็นจุดอ่อนของจีนเช่นเดิม


เราหวังว่า จะมีคอมเมนท์ ในทุก ทุกเรื่องที่ท่านมีความเห็น เหมือนหรือแตกต่างกับเรา

เราอยากอ่านนะ


Create Date : 17 เมษายน 2553
Last Update : 17 เมษายน 2553 8:45:06 น. 18 comments
Counter : 2293 Pageviews.  
 
 
 
 
 
 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 17 เมษายน 2553 เวลา:9:20:25 น.  

 
 
 
สำหรับทองคำผมใช้ RSI เกิน 70 เป็นตัวเข้าซื้อ เพราะมันไม่ตกหวือหวาแบบหุ้น กว่าจะลงมา 50 อีกครั้งก็ทำกำไรได้บ้าง

ลองนั่งสมมติเล่นดูได้นะครับว่าถ้าซื้อ 70 ขาย 50
//stockcharts.com/def/servlet/Favorites.CServlet?obj=ID1209336&cmd=show[s49725940]&disp=P

ไม่ใช่ 100% ที่จะใช้วิธีนี้ได้ เพราะทองก็มีขาลง แต่ในระยะยาว(ยาวจริงๆ)แล้วทองขึ้นเสมอ

หมอชี้แนะด้วยครับถ้ามีข้อแนะนำ
 
 

โดย: mameepoko IP: 10.0.0.233, 124.120.229.112 วันที่: 17 เมษายน 2553 เวลา:11:32:49 น.  

 
 
 
ผมดูกราฟไม่เป็นเลยครับจารย์นิด
แต่ก็พยายามศึกษาอยู่นะครับ ไม่ใช่ว่าไม่เป็นก็ช่างมัน

ระบบtrade ผมถึง"จุดที่ต้องทำอะไรสักอย่าง"ก็ทำไปตามแผน
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าถือ LongPut อยู่ 2 ชุด
เสียดายวันศุกร์งานยุ่ง ไม่งั้นได้ LongPut อีกชุด...คนมันโลภครับ อิอิ
 
 

โดย: ไม่เก่งแต่อยากตอบ วันที่: 17 เมษายน 2553 เวลา:12:44:37 น.  

 
 
 
^

( คุณ หาแฟนตัวเป็นเกลียว )

มันเลยวัน สงกรานต์มา 2 วันแล้วค่ะ เคี้ยกเคี้ยก .
 
 

โดย: yosita_yoyo วันที่: 17 เมษายน 2553 เวลา:13:20:39 น.  

 
 
 
จากความเห็นของผม ทองแนวรับสำคัญน่าจะอยู่ที่ 1130 เพราะกราฟทอง ฟอร์มตัวเป็น รูปแบบ หัวไหล่ ถ้าทองจะขึ้นต่อจริงๆก็น่าจะไม่หลุดแนวรับที่ผมบอกนะครับ แต่ถ้าหลุดก็ ตัวใครตัวมันนะครับ
 
 

โดย: lukball วันที่: 17 เมษายน 2553 เวลา:14:53:31 น.  

 
 
 
สวัสดีครับคุณหมอ พอดีผมเป็น VI คนละแนวกับคุณหมอซะด้วยสิครับ เอาเป็นว่าขอแชร์ข้อมูลกลาง ๆ เผื่อเป็นประโยชน์บ้างตามประสานะครับ

PE ของ SET50 ตลอดปีนี้เล่นเหนือ 20 มาตลอด มีช่วงเดือนกรกฎาปีที่แล้วครับเล่นอยู่ประมาณ 17 มา แล้วก็ขึ้นมาเล่นเหนือ 20 พอพฤศจิกายน ตกลงไปหน่อยอยู่แถว 19 ครับ ต้นปีนี้อยู่ที่ 20.29 ส่วนต้นปีที่แล้วอยู่ที่ 6.86

คิดเล่น ๆ นะครับ PE เปรียบเทียบแล้ว เราเล่นอยู่ที่ PE ที่เพิ่มขึ้นมาถึงเกือบ ๆ 200% : PB เพิ่มมาประมาณ 60% ตรงจุดนี้แหละครับที่น่าเป็นห่วงว่า ตัว P วิ่งไปไกลแล้ว แต่ตัว E นี่ซิครับ ยังเป็นประเด็นในระยะยาว รอดูผลประกอบการเจ๋ง ๆ ครับ

ส่วนตัวครับ PE เฉลี่ย ปีที่แล้วทั้งปีอยู่ที่ 15.95 ส่วนปี 2008 อยู่ที่ 11.30 ปี 2007 ที่เจ๋ง ๆ เราอยู่ที่ 13.25

ถ้าตัว E ไม่ขับต่อ P ก็ลังเล ๆ ครับ
 
 

โดย: ไอ้แคท.ราชาแมงเม่า (Catrule ) วันที่: 17 เมษายน 2553 เวลา:15:23:31 น.  

 
 
 
หุ้นยังไม่ค่อยเป็น ยัง ไม่อาจเอื้อมไปคอมเมนต์ครับ ติดตามมาสักพักใหญ่แล้ว เขียนดีมีสาระ ได้ความรู้เยอะมากครับ สำหรับคนเพิ่งหัดเล่นหุ้นมาได้ปี ก่าๆ อย่างผม ได้เรียนรู้จากกระทู้ ที่คุณหมอเขียนแล้วได้ให้แนวทางในการเล่นหุ้นและ ข่าว + แง่คิดบางอย่างที่ เอาไปใช้แล้ว ก็ มักจะเป็นไปตามนั้น ครับ

ขอคอมเมนต์จากคนล่ะมุมมองล่ะกันครับ ส่วนตัวทำงานอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ก็ได้รับ ข่าวอะไรๆ มาพอสมควร ซึ่งผมคิดว่ารถยนต์ก็ เป็นดัชนี ตัวนึง ซึ่งวัดค่าอะไรๆ ได้หลายๆ อย่าง ว่าคนมีกินกันหรือไม่ และเนื่องด้วยเป็น สินค้าวัฎจักรตัวหนึ่งซึ่งมีรอบที่ต้องเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 5-7 ปี

หากเราเอายอดขายปีที่แล้วเปรียบเทียบกับปีก่อนโน้น รถยนต์ ขายลดลง ถึง 40% แต่มา รีบาวน์ในตอนช่วง ท้ายปี เลยทำให้ ยอด ต่างกันแค่ 20% จากปีก่อนโน้น แต่ยอดดังกล่าวนั้นเกิดจากอะไรครับ เกิดจากการที่บริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้ทำการผลิตเพิ่มให้เพียงพอกว่ายอดความต้องการจริงเพราะต้องการเคลียร์ยอด Stock ที่ผลิตสะสมมารวมกับที่มีอยู่ในท้องตลาด เช่น ตาม โชว์รูม ต่างๆ แล้วเมื่อความต้องการมีมากเนื่องจากรถในตลาดมีไม่พอ จึงโหมทำการผลิตกันยกใหญ่ รวมกับ ช่วงเวลาตอนปลายปีที่แล้ว ซึ่งโดยปรกติปลายปีคนจะมีโบนัสออก บริษัทรถยนต์จึงจัด แคมเปญ ส่งเสริมการขายกัน ยกใหญ่เช่นกัน ซึ่งก็พบว่าได้ผลมากในช่วงนั้น ลากมาจนถึงช่วงนี้ ซึ่งสิ่งนี้ ทำให้ ทุกคนคิดว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้ว

แต่จริงๆ แล้วตั้งแต่ปลายปีที่แล้วก็ เริ่มมีข่าวไม่ว่าจะดูไบ หรืออะไรๆก็แล้วแต่ รวมถึง บริษัทรถยนต์ที่มี Effect ต่อ GDP ของประเทศยักษ์ใหญ่ เช่น ญี่ปุ่น (เคยทราบมาว่า บริษัทแม่ของ แบรนด์ยักใหญ่ เหล่านี้ รวมถึง บริษัท ลูก บรษัทในเครือและ บริษัทคู่ค้า ทั้งหมด เนี่ย แต่ล่ะบรษัท ยกตัวอย่างเช่น โตโยต้า ฮอนด้า มิตซูบิชิ พวกเนี๊ย เอาแค่กลุ่มรถยนต์นะครับ Revenue ของกลุ่มเหล่านี้มีผลประมาณ 0.4-0.5 ของ GDP ของญี่ปุ่น) ตรวจพบ Defect ในรถยนต์ กันเป็นแสนๆ คัน หรือเป็น ล้านๆคันและได้มีการเรียกรถคืน อีกไม่รู้เท่าไหร่ แล้วนี่ล่าสุด มีเรียก คืน เพิ่มไม่รู้ตั้งกี่ค่าย ต่อกี่ค่าย ไม่ว่าจะ ญี่ปุ่น อเมริกา เรียกได้ว่าเกือบครบทุกค่ายแล้วมั๊งครับ ผลกระทบเหล่านี้มัน จะ ส่งผลวงกว้างไปขนาดไหนก็ยากเกินจะอธิบายครับ แต่แน่ล่ะ ผมเชื่อว่าคงส่งผลกับ เศรษฐกิจโลกแน่นอน (ปีนึง ตลาดรถยนต์ในโลกใบนี้ อยู่ที่ประมาณ 60-70 ล้านคัน ต่อปี) รถญี่ปุ่นรวมทุกค่าย แชร์ ประมาณ 50%

ถัดมาอย่างที่ ทราบกันมาก็ มีเรื่องของ กรีซ รวมทั้ง จีน อีก ที่ ไม่ยอมทำให้เงินตัวเองแข็ง แล้ว เดือนล่าสุด ขาดดุลครั้งแรก ในรอบ 5-6 ปี จากเรื่องดังกล่าวพวกนี้ ผมจึงยังไม่เชื่อว่ามันจะเป้นขาขึ้นของเศรษฐกิจโดยรวมแต่หาก เป็นเพียงการ รีบาวน์ ช่วงสั้นๆ เนื่องจาก ทุกอย่างถูกหยุด ผลิต หมด ไปตั้งนานแล้ว และ ในวันนี้ Inventory ของสิ่งของเหล่านั้นมันกำลังจะหมด เลยโหมผลิต โหม ขาย ประกอบกับ คนไม่ได้ซื้อมานาน (เศรษฐกิจเริ่มดิ่งลงเหวตอนประมาณ Sep-Oct'08)ก็ เหมือนอั้นไว้ มันเลยมา บรรจบกันพอดี เลยเหมือนทำให้กระเตื้องขึ้นหน่อยในตอนนี้แต่ ผมมองว่ามันจะเป็นแค่เหมือนการพักฐานและกำลังรอ Effect จากขาลงของเศรษฐกิจให้ขยายแพร่กระจายลุกลามไปทั่วทั้งโลกอยู่ แต่คงไม่แรง ขนาดต้มยำกุ้ง มัน ก็ คงจะเหมือน ซึมๆ กัน ไป อีกหลายๆปีแบบนี้ ไปอีกนานครับ โดยสรุป หลังจาก พิมพ์ มานาน (ขออภัยท่านหมอด้วย หาก มันยาวและ ไม่มีสาระเกี่ยวกับหุ้นเท่าไหร่)

คิดว่า กำลัง จาลง แล้ว ทุกตลาด แบบค่อยๆลง ซึมๆ อาจไม่มากแต่ก็ไม่ขึ้นครับ เพราะประเทศใหญ่ๆ ที่เป็น ตัวขับเคลื่อนเค้าไม่ก้าวขาออกนำครับ แต่คิดว่าไม่เท่าคราวต้มยำกุ้งหรือ Lehmann ครับ
 
 

โดย: Parpaya IP: 124.120.27.36 วันที่: 17 เมษายน 2553 เวลา:22:23:20 น.  

 
 
 
ความรู้ยังน้อยครับ แต่ก็ติดตามอ่านคุณหมอเสมอๆ ครับ
 
 

โดย: อ้น IP: 124.122.24.223 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:0:47:11 น.  

 
 
 


อิ่มเอมใจมากๆๆกับปีใหม่เมืองปีนี้

ตัวเลขคนเข้าอ่าน

คนทักทายคนคอมเมนท์ ทุกรูปแบบ พิมพ์ เข้ามาเถอะครับ คิดว่าที่นี่ ห้องรับแขกบ้านเราเอง มีเพื่อนฝูงพี่น้องแวะวเียนมานั่ง จิบกาแฟ คุยกัน

ในสังคมไซเบอร์ ที่เสมือน อีกโลก อีกสังคมของผม
(เพราะผมได้คอม เล่นหุ้น มาตั้งแต่กรุงไทยเข้าตลาดหลักทรัพย์ ใหม่ๆๆ โบรกเอาคอม มาให้ใช้ แล้วไม่รู้เรื่องหาคนสอนและแก้ยากเวลาเสีย ลืมบอกไปอำเภอเล็กๆๆ ปักษ์ใต้ จึงเรียนเอง จนทำมันได้หมด กับคอม ล่าสุด ทำจอ 2จอ )
เลยทำงานไม่เคยย้ายไปไหน

อินเตอร์เนต คือวิธีไปไหน โดยไม่เสียงานการ และหาความรู้ มีสังคมแบบใหม่

แม้แต่การส่องพระ เปิดคลีนิค รับปรึกษาทางนี้ คนไข้จาก เมกา เกาหลี ก็ได้เคยพบ

เมื่อวาน ได้พบ กับ รองผู้จัดการ ของฟาร์อีส มิสเตอร์ ออปชั่น ของเรานั่นแหละ ขยับไปเป็น รองผจก แล้ว แวะมาหา คนเดียวในกลุ่มออปชั่น ที่ได้มาพบหน้าตากัน เพราะ ภรรยา คนแถวนี้

ส่วนเพื่อนแพทย์ ที่มาขอเรียนกับหมอสัจจะ แล้วถามไปถามมา อ้าวเพื่อนรุ่นเดียวกัน ก็มาพบกันในไซเบอร์ นี่แหละ น่าจะ30ปี ที่ในโลกจริงยังไม่เจอกันเลย

สังคมไซเบอร์ จึงเป็นสังคมจริงของผมอีก สังคมหนึ่ง ที่ได้พบปะคนดีดี

เขียนมาเถอะครับ จะมากคำน้อยคำ

ได้ใจผมหมดนั่นแหละ ปลื้ม
 
 

โดย: หมอสัจจะ IP: 112.142.30.92 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:6:50:42 น.  

 
 
 
คุณหมอครับผมไม่เข้าใจกราฟที่คุณหมอใส่ว่าวอลุ่มซื้อ วอลุ่มขายา
https://www.bloggang.com/data/doctor-sajja/picture/1271466721.gif

ผมไม่เก็ตว่า ดูยังไงว่าแท่งไหนเป็นซื้อ แท่งไหนเป็นขาย เพราะผมเข้าใจว่าสีของกราฟแท่งแสดงว่าวันนั้น DJIA เป็น+หรือลบเท่านั้น
 
 

โดย: นุ IP: 58.64.92.225 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:9:22:35 น.  

 
 
 


ลงมาอีกภาพ วันไหนหุ้นราคาลดลง หรือดัชนีลดลง แสดงว่า มีการขายมากว่าซื้อ หรือวันนั้นเป็นวอลุม ขายนั่นเอง ในกราฟจะใช้สี ชมภู
วันขึ้น หรือ วอลุม ซื้อสีฟ้า

 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:10:26:42 น.  

 
 
 


เหมือนเราดู ตลาดบ้านเรา วันไหน หุ้นตกแรงและมีวอลุมมากมาก

เราอ่านว่าวันนั้น มีคนมาขายเยอะ เราจะแปลว่าวันนั้น เป็นวอลุมขาย ทะลัก มีนัยยะสำคัญ สำหรับ โบรกเกอร์ หรือเทรดเดอร์

(ขึ้นได้ ไม่มีวอลุม หรือลง ไม่มีวอลุม เขาไม่ให้มีนัยยะสำคัญ วอลุมเป็นเรื่องหนึ่ง ที่เป็นสิ่งสำคัญในการวิเคราะห์ ครับ )
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:10:29:56 น.  

 
 
 
เพิ่มเติมครับคุณหมอสัจจะ

PE ของ SET50 ประจำเดือน กพ. = 13.63 และเดือน มีนา = 13.21 ตามลำดับ

ซึ่ง PE ระดับนี้เป็น PE ที่ต่ำสุดนับจาก เมษา ปีที่แล้วอยู่ที่ 11.58 ! ซึ่งเป็นเดือนที่สองของการเก็บของฝรั่งหลังวิกฤต ตอนนั้น SET50 อยู่ 346

ถ้าซูมรอบนี้ลงไปจะพบว่า 1 ปีที่ผ่านมาในเดือนเมษา PE ของ SET50 ก็ยังไม่ไปไหนอยู่แถว ๆ 12~14 สมมติ ถ้าหลุดลงมา ต่ำสุดก็ไปเล่นอยู่แถว 6 ~ 8 นี่ถือว่าต่ำมาก

ถ้าเทียบบัญญัติไตรยางค์ เอาแบบลบสุดขั้ว ~ กำไรของบริษัทใน SET50 เพิ่มขึ้น มีนา 09 ชน มีนา 10 เพิ่มขึ้นประมาณ 40% ส่วน SET50 จาก 300.2 เป็น 558 เพิ่มขึ้นประมาณ 80% ภาพนี้จะชัดขึ้น ว่าตัว P วิ่งแซง E ไป 2 เท่าหรือ 100% ฝรั่ง Sell On Facts

ฝรั่งเข้ามาเก็งกำไรรอบล่าสุดกลางเดือนกุมภา ช่วงนั้น วิ่งอยู่แถว ๆ 490 ซึ่งเท่ากับรอบที่แล้วแป๊ะ มีนาปีที่แล้ว 300.2 x 40% ~ 489 (40% คือ Delta E หรือความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นของบริษัท SET50 YoY) ฝรั่ง Buy on Facts
อันนี้ผมหมายถึง Quantitative Facts นะครับ เพราะฝรั่งไม่ให้ premium เราเลย! ซื้อเท่าปีที่แล้วเป๊ะ

น่าสนใจครับ ถ้าดัชนีลงเล่นต่ำกว่า 489 อาจแปลได้สองนัยยะ หนึ่งฝรั่งขายต่ำกว่ามูลค่า สองวิกฤตรอบใหม่ซึ่งต้องรุนแรงกว่าเดิม ?

ความเห็นส่วนตัวนะครับ พอเริ่มเข้าเขต ต่ำกว่า 500 หรือ ต่ำกว่า 489 VI อย่างผมเริ่มทะยอยสะสมครับ

แล้วดูผลประกอบการต่อมาอีกที

 
 

โดย: ไอ้แคท.ราชาแมงเม่า (Catrule ) วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:11:47:44 น.  

 
 
 

ดีครับที่ได้มีโอกาสเจอ VI เพราะอยากถามว่า VI เขาขายตอนไหนครับ

หรือจะอธิบายหลักการ VI แท้ ให้สักนิด ก็ดีครับ ว่ามีหลักอะไร

ซื้อตอนไหน ขายตอนไหน
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:15:03:22 น.  

 
 
 
เรียน คุณหมอสัจจะ ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนครับ คุณหมอเป็นคนที่ทุ่มเทค้นคว้า ใช้ความรู้จริง สมกับเป็นคุณหมอครับ

คู่หูคนสำคัญของบัฟเฟตต์กล่าวว่า ความรู้ทุกแขนงสุดท้ายมารวมกัน ชาร์ลี มังเกอร์ ครับเป็นคนบอก

ผมคงเป็น VI ที่นอกคอกพอสมควรครับ แต่ปรัชญาและความมุ่งมั่นของผมเองถูกถ่ายทอดและบันทึกไว้ที่

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=catrule

หากคุณหมอว่าง ขอเชิญแวะเวียนครับ
 
 

โดย: ไอ้แคท.ราชาแมงเม่า (Catrule ) วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:16:52:41 น.  

 
 
 
สวัสดีปีใหม่ไทยครับหมอนิด ตอนนี้ผมรอเวลาจะกลับมาเอาเงินคืนจากตลาดครับหลังจากเจ็บตัวไปหลายจากการเล่น short options ผิดทาง ชอบการวิเคราะห์ของหมอที่ทำนายไว้ล่วงหน้าว่าจะลงหนัก ได้เกิดขึ้นจริงๆไม่ผิดเลย
ติดตามผลงานอยู่เสมอครับ
Super Doctor N

 
 

โดย: ป๋อม บางกรวย IP: 183.89.224.254 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:23:12:50 น.  

 
 
 
ปกติจะติดตามอ่านในสินธร ครั้งนี้ขอลงน้ำหมึกประเดิมที่นี้ครับ.

ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์ครับ
 
 

โดย: ทองดี IP: 58.8.171.17 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:23:39:28 น.  

 
 
 
เข้ามาลงชื่อว่าติดตามอ่านอยู่เรื่อย ๆ ค่ะ

ขอบคุณค่ะ
 
 

โดย: The Sphinx IP: 125.27.51.112 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:10:26:41 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

หมอสัจจะ
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 185 คน [?]




[Add หมอสัจจะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com