|
บทที่ 3 ออปชั่นเพื่ออะไร ป้องกันความเสี่ยง กับ แสวงหากำไร
หลักการออปชั่น ตามตำราจริงๆๆ คือการป้องกันความเสี่ยง หรือการซื้อประกันชีวิต ซื้อประกันรถยนตร์ มอเตอร์ไซด์ หรือการซื้อ ประกันอุบัติเหตุ (คน)
จุดเริ่มต้น กำเนิดมาตั้งแต่สมัยกรีก (เพราะสูตร คำนวนใช้ตัวเลข สัญญลักษณ์กรีกทั้งสิ้น
เช่น ค่าเดลต้า แกมม่า (เหล่านี้เป็นค่าในภาษาคณิตศาสตร์ โบราณ ) ส่วนการเรียก RHO THECA ถ้าจะ เอาคำแปลภาษาอังกฤษก่อน จะจำง่ายว่า
THECA = time = เวลา ย่อในสูตร ว่า t
RHO = rate = อัตราดอกเบี้ย ย่อในสูตร ว่า r
สืบเนื่องจากสมัยก่อน มีการติดต่อซื้อขาย สินค้าทางการเกษตร และพัฒนาไปเป็นการตกลงล่วงหน้า (ได้เงินมัดจำไปก่อนส่วนหนึ่ง คนขายคิดระบบเพราะอยากได้เงินไปใช้ก่อน คนซื้ออยากผูกมัดไว้ ไม่ให้ไปขายคนอื่น ในต่างจังหวัด เคยมีต่างประเทศ นำเอาหลักการนี้มาใช้ เช่นประเทศอิสราเอล มาส่งเสริมปลูกผัก ส่งกลับประเทศ เอาพันธุ์มาให้ และประกันราคา ให้ปุ๋ยสอนวิธีปลูกดูแลรักษาให้ )
และเมื่อเกิดความเสียหาย ในบางปี ก็มีระบบ ออปชั่น ประกันความเสี่ยง ให้ผู้ผลิต ซื้อประกันไว้ ถ้าไม่ได้ผลผลิต คนรับออปชั่น จะจ่ายค่าเสียหายแทน แต่ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร คนผลิตก็เสียเงินประกันให้เขากินฟรี (ก็เป็นเรื่องความพอใจกันอีก ทั้งสองฝ่าย เพราะมันไม่ได้เสียหายทุกปี และถ้ามีความเสี่ยงมาก ค่าประกันก็แพงไปตาม ส่วน จึงเกิดสูตรในการคำนวนราคาออปชั่นขึ้นมา )
ยุคปัจจุบัน หลักการ ออปชั่นจึงถูกนำมาใช้คู่กับ
หุ้น ซึ่งขึ้นจึงจะกำไร ตกจะเจ๊งได้ การมาเล่นออปชั่นเพื่อป้องกันไว้ กับหุ้น คือ
มาซื้อ พุท ออปชั่นไว้ (แบบผิดทาง คือ ตอนไหนก็ได้ โดยความตั้งใจอยากกำไรหุ้น แต่ยังกลัวผิดพลาดไม่ขึ้น นั่นคือมองว่าตลาดจะขึ้น ซื้อหุ้นแล้วมาซื้อประกันด้วยออปชั่นไว้ เผื่อเท่านั้นเอง หรือนั่นคือเอาตังมาแจกยอมเสียฟรีฟรีถ้าหุ้นไม่ตก )
คู่ ฟิวเจอร์ หรือคู่ สต๊อค ฟิวเจอร์ หรือคู่ ทอง เนื่องจากค่าพรีเมี่ยมออปชั่น ไม่ใช่ราคาแพงเกินไปนัก การมาซื้อสัญญา ออปชั่นเพื่อคู่กับ การเล่นหลักของเขา จึงสามารถกระทำได้ง่าย ในทิศทางตรงข้ามทิศทางที่เขาคาดหวัง จาก การเ่ล่นหลัก (ถ้าเขาเก่ง การเล่นออปชั่นเขาคือการยอมเสียเงินฟรี เพราะจะต้องผิดทาง แบบที่เขายอมรับการเสียฟรี แฉกเช่นการทำประกันทั่งไปข้างบนดังกล่าว )
ดังนั้น ถ้าออปชั่นถูกใช้เพื่อการป้องกันความเสี่ยงจริง
ตลาดออปชั่นคือที่ที่คนมาโปรยเงินทิ้งไว้
ถ้าเราเป็นนักเล่นออปชั่นมืออาชีพ หรือแสวงหากำไร
1 เราจะต้องเล่นแบบถูกทิศทางที่คิดว่าตลาดจะไปทางไหน ( คนเล่นแบบใช้ป้องกันความเสี่ยง จะเล่น ทิศทางตรงข้ามที่คิด )
2 มืออาชีพอีก พวกหนึ่งคือ พอร์ตใหญ่ ที่มักจะเล่นทาง ขายออปชั่น
(เพราะตำราออปชั่น สอนให้เป็นเจ้าของบริษัท ประกัน คือขายประกัน ไม่ว่ากับใคร แต่เขาไม่ได้กินฟรีหมดทุกราย มีรายที่เกิดอุบัติเหต แล้วเขาต้องจ่ายจริง)
ในออปชั่น มีสองฝั่ง คอลและพุท หรือฝั่งเล่นขึ้นและฝั่งเล่นลง
ดังนั้น ถ้าคนเล่นขายทั้งสองฝั่ง ย่อมจะมี ฝั่งหนึ่งกำไร อีกฝั่งจะขาดทุน
ทำนองเดียวกัน คนซื้อ จะต้องชนะฝั่งหนึ่ง แพ้ฝั่งหนึ่งเช่นกัน ณ เวลาหนึ่ง
หรือ ภายในสามเดือน ถ้ามีการแกว่งมากๆๆ คนที่ถือสัญญา ทั้งคอลและพุท อาจจะชนะทั้งสอง ชนิดสัญญาเลยก็ได้เช่น
ซื้อคอลในตอนต้นงวด แล้วตลาดขึ้นไปเรื่อยจนกำไรมากมาย แต่ไม่ปิดสัญญา พอตลาดจะตกก็ซื้อพุท เพิ่มอีก ก็กำไรอีกมากมาย และเมื่อหมดอายุ คอลก็ยังกำไร พุทก็ยังกำไร อย่างนี้เป็นต้น (แต่ไม่ใช่วิธีที่ดี เพราะแบบนี้ บริหารพอร์ตไม่ถูกต้อง หรือมีปัญหา )
ดังนั้น ถ้าเป็นมืออาชีพ แล้ว ออปชั่นขึ้นกับ
1 การอ่านทิศทาง (พอร์ตใหญ่ อาจจะไม่อ่านเลย ลุยขายอย่างเดียว)
2 จังหวะการเข้าตลาด ให้ได้ราคาถูก
3 จังหวะการขึ้นลงของตลาด
4 การบริหารพอร์ต การแก้ปัญหา
5 การจบสัญญาออปชั่น
พอร์ตเล็ก ต้องใช้วิธีเล่น แบบกำไรมาก ลงทุนน้อย (ต้องหัดทำใจแบบคนสมัยก่อน ยอมแพ้ได้แค่ไหน เล่นพรี่เมี่ยมแค่นั้น )แต่จะเอากำไร ให้มากถ้าถูกทาง
พอร์ตใหญ่ เขาลงทุนมาก (ขาย) อย่างไรเสีย กำไรก็ไม่เกิน จากที่ได้ครั้งแรก หรือจากที่เห็นแล้ว (กำไรลิมิต มากสุดเท่าพรี่เมี่ยมที่ได้ไปตั้งแต่แรก)
(พอร์ตเล้กเล่นวิธีนี้ กำไร ก้ได้แค่นั้น ไม่ว่าเวลาจะนานไปเท่าไร กำไรไม่งอกเงยแบบเล่นซื้อ ความรับผิดชอบและมาร์จิ้น ต้องพิจารณา ด้วยคุ้มกันหรือป่าวกับเวลาแพ้ ถ้ายังไม่แน่จริง อย่าเสี่ยงเล่น )
| Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2553 |
| Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2553 6:48:27 น. |
|
2 comments
|
| Counter : 856 Pageviews. |
|
 |
|
|
| โดย: บ้วย IP: 58.8.242.37 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:07:44 น. |
|
| โดย: angkarnk IP: 223.206.229.26 วันที่: 6 มีนาคม 2554 เวลา:10:26:21 น. |
|
|
|
|
| หมอสัจจะ |
 |
|
|
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 185 คน [
