|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
สู่ยุคผลิตภาพจากคนทำงานที่มีภูมิรู้ โดย ดนัย เทียนพุฒ
เป็นธรรมดาในแต่ละปีโดยเฉพาะในช่วงท้ายของปีและเริ่มต้นปีใหม่ มักจะชอบมีการวิเคราะห์หรือคาดคะเนกันว่าในปีต่อไปหรือปีโน้น ประเทศชาติของธุรกิจควรจะมีการเตรียมตัวกันอย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็มีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย แต่ถ้าหากการคาดการณ์หรือวิเคราะห์เจาะกึ๋นกันนั้น อาศัยเทคนิคการวิจัยที่ดีก็จะได้ประโยชน์ต่อธุรกิจและประเทศเป็นอย่างมาก เท่าที่เห็นจะมีเพียงการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจเท่านั้นที่พยากรณ์โดยอาศัยวิธีการศึกษาและวิเคราะห์เชิงสถิติเข้ามาช่วย ส่วนทางธุรกิจมักจะไปสำรวจความคิดเห็นหรือสัมภาษณ์บรรดาธุรกิจใหญ่ๆ เสียเป็นหลัก สำหรับในทางธุรกิจแล้วต้องระวังเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะการฟังทิศทางจากบริษัทใหญ่ๆ ทั้งนี้ก็เพราะว่า ธุรกิจในบ้านเราเป็นลักษณะของการได้สิทธิสัมปทานหรือครอบงำตลาด หรือเป็นลักษณะที่นักเศรษฐศาสตร์ยุคใหม่เรียกกันว่า ธนกิจการเมือง ถ้าจะให้ดีแล้วต้องเรียนรู้จากธุรกิจที่ออกไปแข่งขันนอกบ้านเรา (ประเทศไทย) แล้วเจอะเจออะไรที่ธุรกิจต่างประเทศกำลังแข่งขันและบุกทะลวงตลาดเอเชียนั่นแหละของแท้ที่ธุรกิจและผู้บริหารองค์การต้องเจอ
ในปี 2549 อะไรมาแรงที่สุด
ไม่ว่าจะเปิดตำราหรือบทวิเคราะห์ทางธุรกิจในขณะนี้ เราจะพบว่าธุรกิจต้องการเข้าสู่ เศรษฐกิจระดับโลก (Global Economy) หรือเศรษฐกิจความรู้ (KE: Knowledge Economy) ซึ่งพูดกันมาหลายปีแล้วแต่ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนนัก ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้หรือมองไม่เห็น (Intangible/Invisible) ประเด็นของเรื่องจึงกลายเป็นว่า ประเทศและธุรกิจไม่เข้าใจหรือยังศึกษากันไม่มากนักว่า สิ่งที่จับต้องไม่ได้นั้นคืออะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ และชัดเจนมากๆ ที่รู้จักกันคือ ความรู้ (Knowledge) และนวัตกรรม (Innovation) ความรู้สามารถนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นมาได้ แต่คนที่จะสร้างความรู้ที่นำไปสู่นวัตกรรมจะเป็นคนแบบไหน
ปีเตอร์ ดรักเกอร์ พูดไว้หลายปีมาแล้วว่า คนที่มีความรู้และสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นได้นี้จะเป็นบุคคลที่เรียกว่า คนทำงานที่มีภูมิรู้ (Knowledge Worker) ดังนั้นประเทศบิ๊กโฟร์ หรือกลุ่ม BRIC ที่ประกอบด้วย บราซิล (B) รัสเซีย (R) อินเดีย (I) และจีน (C) ต่างเร่งสร้างคนทำงานที่มีภูมิรู้กันอย่างขนานใหญ่ ขณะเดียวกันทุกคนต่างก็จับตาดูเป็นพิเศษโดยเฉพาะเกาหลีใต้ที่มาแรงมากจริงๆ ในกลุ่ม Non-BRIC (ไม่ใช่กลุ่มบิ๊กโฟร์) สิ่งที่ธุรกิจและประเทศเกิดใหม่และเร่งพัฒนาคือ ทั้งบิ๊กโฟร์และ Non-BRICs สนใจกันมากๆ เรียกว่า ผลิตภาพจากคนทำงานที่ภูมิรู้ (Knowledge Worker-Productivity) ผู้เขียนขอขยายความในคำว่า คนทำงานที่มีภูมิรู้ (Knowledge Worker) เป็นอันดับแรกก่อนโดยสรุปย่อๆ ได้ว่า คนทำงานที่มีภูมิรู้จะเป็นทั้ง พนักงาน ที่มี เจ้านาย และ เจ้านาย ที่มี พนักงาน คนทำงานที่มีภูมิรู้ส่วนใหญ่จะใช้เวลาเกือบทั้งหมดแม้ว่าจะไม่ใช่ชีวิตการทำงานทั้งหมดเป็น พนักงาน โดยที่แต่ละบุคคลจะขึ้นอยู่กับงาน ได้รับค่าจ้างหรือเงินเดือนทั้งยังกำลังว่าจ้างหรือสามารถถูกไล่ออกก็ได้ ในทางกฎหมาย มีสภาพเป็นพนักงาน (Employee) ในทางปฏิบัติ มีสภาพเป็น ทุน (Capital) คนทำงานที่มีภูมิรู้ไม่ใช่ลูกน้อง แต่เป็นแอซโซซิเอทส์ (Associates) โดยที่เขาจะรู้เกี่ยวกับงานมากกว่าที่หัวหน้าเขารู้ (แม้ว่าอาจจะไม่ดีทั้งหมด) และในความเป็นจริง คนทำงานที่มีภูมิรู้จะต้องรู้เกี่ยวกับงานมากกว่าทุกๆ คนในองค์กร คนทำงานที่มีภูมิรู้ จะมีวิธีการสร้างผลงานของเขาเอง ซึ่งก็คือ ความรู้ (Knowledge) สำหรับงานที่ถูกนิยามให้กับคนทำงานที่มีภูมิรู้ ซึ่งจะนำไปสู่ผลิตภาพ (Pro-ductivity) จะมีอาทิ เทอมของคุณภาพ เคารพในเวลา เคารพในค่าใช้จ่าย และมีอิสระในหน่วยงานและรับผิดชอบด้วยตนเอง คนทำงานที่มีภูมิรู้จะสร้างให้มีนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการสอนอย่างต่อเนื่องจะต้องถูกออกแบบไว้ในงานของคนทำงานที่มีภูมิรู้ งานที่ใช้ความรู้ต้องมีการสร้างไว้อย่างให้เป็นระบบ ดรักเกอร์ได้พูดครั้งสุดท้ายในวาระที่อายุจะครบรอบ 94 ปี เกี่ยวกับการวัดผลิตภาพของคนทำงานที่มีภูมิรู้ ไม่มีใครให้ความสนใจจริงๆที่จะพิจารณาผลิตภาพของคนทำงานสำนักงานหรือ White-Collar Workern ในวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์ ความไม่มีประสิทธิภาพของคนทำงานที่มีภูมิรู้คือ ส่วนที่เป็นตำนานในศตวรรษที่ 19 โดยเชื่อว่า บริษัทที่ทันสมัยจะต้องทำอะไรทุกสิ่งด้วยตนเอง
แต่บริษัทที่ทันสมัยในปัจจุบันใช้บริการจากภายนอก (Outsourcing) ซึ่งสิ่งนี้ดรักเกอร์เห็นว่าเป็น ภาพลวงตา เนื่องจาก -บริษัทบริการจากภายนอก ไม่ได้ทำอะไรเพื่อการปรับปรุงคุณภาพของคนที่ทำงานให้บริษัท เพราะพิจารณาสิ่งที่เป็นการลดต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย -ทุกบริษัทจะใช้บริการจากภายนอกที่เป็นงานซึ่งไม่มีทางก้าวหน้าในอาชีพ ที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูง สิ่งนี้จึงเป็นที่มาของเหตุผลว่า ทำไมค่าใช้จ่ายจึงเพิ่มขึ้นเมื่อใช้บริการจากภายนอก
ในส่วนดีมีเสีย ในส่วนเสียก็มีดี อย่างไรก็ตามธุรกิจในปี 2549 หรือนับจากปีนี้เป็นต้นไปจะต้องจริงจังและทำความเข้าใจในสิ่งที่เรียกว่า ผลิตภาพจากคนทำงานที่มีภูมิรู้ เพราะสิ่งนี้สำคัญมากเนื่องจากเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดต่อความสำเร็จและชัยชนะของธุรกิจที่ยั่งยืน
ดนัย เทียนพุฒ กรรมการผู้จัดการ บจก.ดี เอ็น ที คอนซัลแตนท์
DNT Consultants
Create Date : 21 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2550 22:26:26 น. |
|
2 comments
|
Counter : 926 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อนันดา IP: 58.9.170.216 วันที่: 26 ธันวาคม 2549 เวลา:13:04:15 น. |
|
|
|
โดย: Dr.Danai IP: 58.8.123.127 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:34:34 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]
|
ที่ปรึกษาธุรกิจชั้นนำด้านจัดการกลยุทธ ( ผู้นำและริเริ่มการจัดทำ Balanced Scorecard & KPIs) การบริหาร HR ที่เน้นความสามารถ (Competency Based Approach) การพัฒนา HRD-KM และ การจัดการสมัยใหม่ *************************
|
|
|
|
|
|
|
|
ในมุมมองของอาจารย์ องค์กรแบบเสมือนจริง Virtual Organization จะต้องใช้บุคลกรที่เป็น Knowledge Worker ประมาณกี่เปอร์เซนต์ครับ จึงถือว่ามีประสิทธิภาพสูง