ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ประเทศในโลกที่ CEO ของประเทศหรือผู้นำประเทศเข้าใจในตรรกของ "พลังความสามารถในการแข่งขันของประเทศ" (The Competitive Power of a Nation) ก็จะ ทุ่มทรัพยากรหรือปฏิรูประบบบริหารจัดการประเทศใหม่ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษาและระบบราชการ ตลอดจนสนับสนุนให้ภาคเอกชนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ดีขึ้น ถ้าความสามารถในการแข่งขันของประเทศถูกแปลไปในมุมมองแบบนักวิชาการหรือนักการตลาด ปัญหาก็จะเกิดขึ้นมากมาย เช่น > นักการตลาดมักจะชอบตั้งเป้าการขายหรือการเติบโตด้านรายได้ในอัตราที่สูง หรือมากกว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจและคู่แข่งขัน > นักการตลาดมักจะนิยมใช้แนวคิดของการส่งเสริมการขายและการประชาสัมพันธ์เพื่อโปรโมทสินค้าหรือจูงใจให้ผู้บริโภคมาระดมซื้อตามกิจกรรมทางการตลาดที่จัดขึ้นตามแต่ละเหตุการณ์ (Event Marketing) > การตอบเฉพาะโจทย์ที่เป็นตัววัดทางความสำเร็จในด้านเป้าหรือตัวเลขเท่านั้นโดยไม่ได้มองมิติในด้านธุรกิจหรือในระดับประเทศก็คือ มิติด้านรากฐาน เช่น การศึกษาทุนมนุษย์ ทุนสังคม หรือเทคโนโลยีและนวัตกรรม > เมื่อมีการสำรวจหรือจัดอันดับก็ป้อนข้อมูลทางตัวเลขแบบดูดี ซึ่งก็จะทำให้อันดับ หรือ Ranking ดีขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ ขณะที่นักวิชาการหรือหน่วยงานด้านพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศมักจะชอบ ยกตัวอย่างหรืออ้างความสำเร็จของสหรัฐและสิงคโปร์ว่ามีความสำเร็จที่สูงน่าจะศึกษาอย่างยิ่ง -สหรัฐเน้น 1. นวัตกรรม - ระดับท้องถิ่น - ระดับประเทศ 2. พัฒนาความคิดใหม่ๆ 3. ความสามารถเชิงวิชาการ 4. สินทรัพย์นวัตกรรม สิงค์โปรเน้น (มุ่งสู่ เศรษฐกิจฐานความรู้) 1. ผลิตภาพ-นวัตกรรม 2. มาตรฐาน-คุณภาพ 3. ธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก (* จาก นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉ.จันทร์ที่ 20 ม.ค.46 หน้า 1, "สหรัฐ-สิงคโปร์ใช้นวัตกรรมนำชาติ") ขณะที่สภาพัฒนฯ (อ้างจาก นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉ.จันทร์ที่ 20 ม.ค.46 หน้า 2" วาดฝันประเทศไทย") ได้กำหนดรูปแบบในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Economic Development Platform) คือ - เศรษฐกิจมีเสถียรภาพเหมือนสวิตเซอร์แลนด์ - เอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชนเข้มแข็งเหมือนอิตาลี-ไต้หวัน - การท่องเที่ยวขยายตัวยั่งยืนแบบสเปน - เป็นแหล่งวัฒนธรรมและแฟชั่นแบบฝรั่งเศส - มีการบริหารจัดการที่พึ่งความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายใน (International : Domestic = 50 : 50) - มีปัจจัยพื้นฐานของการพัฒนาที่ดี (สาธารณสุข/ การศึกษา/ โครงสร้างพื้นฐาน) เทคโนโลยีอะไรจะเปลี่ยนแปลงโลก แนวคิดของผู้นำรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐในยุคปัจจุบัน มีจุดแข็งอย่างหนึ่งคือ เชื่อในวัฒนธรรมความคิดของชาติตะวันตกไม่ว่าจะเป็น "ความคิดเห็น" "หนังสือ-ตำรา" บางครั้งถึงกับลงทุนว่าจ้างให้มาบรรยายพิเศษด้วยมูลค่านับล้านบาทต่อชั่วโมง ในความเป็นจริงแล้ว "เทคโนโลยีอะไรจะเปลี่ยนแปลงโลก" ผู้เขียนเห็นว่า การได้ฟังแนวคิดของ ดร.ฮวน เอ็นริเกซ ผู้แต่งหนังสือ "As The Future Catches You" ในค่ำวันที่ 23 ม.ค.46 ผ่านทาง UBC สรุปง่ายๆ คือ ได้ฟัง "ประวัติศาสตร์อนาคต" (The Future History)มากเสียกว่าอย่างอื่น ลองเปรียบเทียบกับแนวคิดของ Paul Saffo ผู้อำนวยการสถาบันอนาคต (The Institute for the Future) ใน Menlo Park แคลิฟอร์เนีย อธิบาย 8 เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลง โลก ซึ่งจะประกอบด้วย กลุ่มเทคโนโลยีที่ทำการศึกษาวิจัยในปัจจุบันมี 4 กลุ่มคือ พลังงาน (Energy) วิทยาศาสตร์ด้านวัสดุ (Materials Science) อินโฟเทค (Infotech) และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Bioscience) จะก่อให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนแปลงโลกดังนี้ (1) Biofuel Production Plants (Fuel Farming) จะรวมเทคโนโลยีด้าน Biomanufacturing, Bioenvironmental Management และ Biofuel Production Plants ที่จะเข้ามาทดแทนน้ำมันด้วยการปฏิวัติด้านจีเนติกส์ (2) Bionics จะประกอบด้วยเทคโนโลยี Sensors, Mobile Power และ Biomanufacturing ทำให้เกิดระบบปัญญาประดิษฐ์ที่จะเข้ามาทดแทนส่วนของร่างกายที่พิการหรือสูญเสียไป (3) Biointeractive Materials จากการรวมเทคโนโลยีด้าน Cognitive Computing, Genomics และ Smart Materials เพื่อพัฒนาระบบความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (4) Molecular Manufacturing ประกอบด้วยเทคโนโลยี Quantum Computing Advanced Analytics, Nanotech และ Smart Materials ที่จะเข้าไปสร้างโมเลกุลของทุกๆ สิ่ง (5) Cognitronics จะประกอบด้วยเทคโนโลยี Advanced Analytics, Sensors และ Smart Materials ที่จะเป็นระบบ Telekinesis ที่เป็นพัฒนาระหว่างคอมพิวเตอร์กับสมองคน (6) Genotyping จะประกอบด้วยเทคโนโลยี Advanced Analytics และ Genomics เพื่อใช้ในการจำแนกคนจากจีเนติกส์โดยการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ (7) Combinatorial Science ที่รวมเข้ามาของเทคโนโลยี Advanced Analytics และ Genomics เป็นเครื่องมือในการจัดการระบบข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาล (8) Quantum Nucleonics ที่รวมเข้ามาของเทคโนโลยี Quantum Computing,Smart Materials และ Nanotech ที่ทำให้ใช้พลังงานนิวเคลียร์ได้อย่างปลอดภัยต่อชีวิตและ สิ่งแวดล้อม Aj.Danai Thieanphut DNT Consultants Create Date : 30 มกราคม 2549 Last Update : 22 มกราคม 2551 17:31:03 น. 0 comments Counter : 766 Pageviews. Share Tweet