คิดถึงนิปปอนมารูวันที่หก(สุดสายริบบิ้นไม่สิ้นสายสัมพันธ์ฉันและเธอ)
คิดถึงนิปปอนมารูวันที่หก "สุดปลายสายริบบิ้นแต่ไม่สิ้นสายสัมพันธ์ฉันและเธอ" ลาก่อนบันดุง อินโดนีเซีย วันนี้ตื่น 05.30 น. ถึงกำหนดที่ต้องกลับไปที่เรือนิปปอนมารู ผมรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก ตลอดสองวันถึงมันจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ 3 วัน 2 คืนที่อัดแน่นด้วยตารางกิจกรรมเต็มไปหมด แต่มันก็ดูยาวนานเสียเหลือเกินสำหรับผมที่เพิ่งจะจากบ้านจากพ่อแม่พี่น้องและเพื่อนๆ สังคมที่คุ้นเคย มาต่างๆบ้านต่างเมืองไกลแสนไกล อยู่บ้านใครก็ไม่รู้ ญาติพี่น้องหรือก็ไม่ใช่ ต่างเชื้อชาติเผ่าพันธุ์พูดกันคนละภาษาอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าครอบครัวของหมออีวีนจะดูแลผมเป็นอย่างดีเสมือนหนึ่งเป็นลูกตัวเองก็ตาม อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเตรียมของขวัญที่ระลึกที่จะมอบให้ครอบครัว ดร.อีวีน แทนคำขอบคุณและทุกสิ่งทุกอย่าง ของฝากจากเมืองจันท์ นอกจากอัญมณีคือพลอยหลากสีชนิดต่างๆ ซึ่งผมคงไม่สามารถนำมาเป็นของที่ระลึกได้หรอกเพราะราคาแพง พริกไทยพันธุ์ดี เส้นก๋วยเตี๋ยวที่นิยมไปขึ้นป้ายร้านก๋วยเตี๋ยวที่ต่างๆว่า เส้นจันท์ แสดงถึงเส้นเล็กจริงๆแต่เหนียวหนุบเพิ่มรสชาติความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวให้เลื่องชื่อยิ่งขึ้น ของที่ระลึกที่ผมเลือกคือกระเป๋าและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเสื่อกกจันทบุรี กระเป๋าถือ ชุดบนโต๊ะอาหารเป็นที่รองจานและแก้วน้ำ กล่องกระดาษทิชชู ถักทอด้วยฝีมืออันประณีตของบ้านเสม็ดงามและหาได้ทั่วไปในจังหวัดจันทบุรี เป็นสินค้าท้องถิ่นอย่างหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองจันท์ ขนาดพกพาสะดวกอยู่ได้ทนนาน และราคาอยู่ในเกณฑ์ที่ผมพอหาซื้อได้ไม่เดือดร้อน ผมเตรียมซื้อหามาจากตลาดในเมืองจันท์ราคาไม่แพงมากนัก เพราะถูกจำกัดด้วยงบประมาณ จะต้องเตรียมหลายชิ้นให้ครบจำนวนครอบครัวประเทศที่จะผมจะต้องไปอยู่ด้วยรวมทั้งเพื่อแลกกับพีวายชาติอื่นในเรือนิปปอนมารู สำหรับครอบครัวดร.อีวีนผมเลือกให้กระเป๋าถือทำจากเสื่อกกจันทบุรี ทุกคนในบ้านรวมทั้งคนรับใช้ออกมาส่งที่รถ คนใช้บ้านหมออีวีนส่งยิ้มละไมให้ผมเปี่ยมด้วยมิตรไมตรี ต่างจากวันแรก วันนี้ดร.อีวีนและภรรยาขับรถมาส่งผมกับเพื่อนพีวายอินโดด้วยตัวเองที่สถานีรถไฟเมืองบันดุงและบอกว่าไม่ได้ไปส่งที่เรือ เพราะติดงาน ดูเหมือนว่างานแกจะยุ่งตลอดเวลาสำหรับหมออีวีน สถานีรถไฟเมืองบันดุงวันนี้คึกคักกว่าทุกวันเพราะนอกจากคนเดินทางทั่วไปแล้ว วันนี้สถานีบันดุงหนาแน่นไปด้วยเยาวชนเอเชียอาคเนย์และบรรดาครอบครัว Host family ที่ไม่สามารถไปส่งเยาวชนที่รับมาดูแลได้ที่ท่าเรือเมืองจาการ์ตาร์ ก็จะถือโอกาสร่ำลากันเสียที่นี่ ทั้งสถานีจึงอบอวลด้วยบรรยากาศการลาจาก เช่นเดียวกับผมครอบครัวหมออีวีนไม่ได้ไปส่งผมที่ท่าเรือที่กรุงจาการ์ตาร์ ผมจึงลาหมออีวีนและภรรยาที่นี่ ความรู้สึกของพวกเราถึงแม้จะแค่สองคืนสามวันที่อยู่กับครอบครัว Host family แต่ความผูกพันนั้นแนบแน่น น้ำตาแห่งความอาลัย เอ่อออกมามิอาจกลั้น ลาก่อนบันดุง บนขบวนรถไฟไปเมืองจาการ์ตาร์เมืองหลวงของอินโดเที่ยวนี้ เต็มไปด้วยพีวายนานาชาติของเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ แยกโบกี้เป็นแต่ละประเทศ พวกเราพีวายไทยได้กลับมารวมกันอีกครั้ง เสียงเจี๊ยวจ๊าว สนุกสนาน ต่างลุกนั่ง เดินกันให้ขวักไขว่บนโบกี้รถไฟ บ้างก็นั่งเม้าท์เรื่องราวที่ตนเองไปประสบมากับครอบครัวที่พักด้วย บ้างก็เดินไปมาระหว่างโบกี้อื่นๆ แวะถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้ไปเรื่อยเปื่อย ผมและกลุ่มเพื่อนสนิทเดินไปนั่งจิบกาแฟบนโบกี้ที่เปิดเป็นร้านกาแฟ เครื่องดื่มและอาหาร นั่งชมวิวสองข้างทางระหว่างเมืองบันดุงไปยังจาการ์ตาร์ บางช่วงมีลอดภูเขา วิ่งไต่บนหน้าผาไหล่เขา ธรรมชาติสวยงามของอินโด เป็นประสบการณ์ ตื่นตาแปลกใหม่สำหรับผมทำให้ไม่เผลอหลับเลยตลอดระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง จนถึงเมืองจาการ์ตาร์ บ่ายสองโมงพิธีส่งเรือนิปปอนมารูและคณะเยาวชนเอเชียอาคเนย์ทั้ง 300 กว่าชีวิต เริ่มเดินทางไปยังประเทศ สมาชิกทั้ง 6 ประเทศ ท่าเรือต่อไปคือประเทศไทย ที่ท่าเรือกรุงจาการ์ตาร์ผู้คนมารอชมพิธีส่งเรือกันเนืองแน่น มีวงโยธวาทิตของนักเรียนอินโดมาบรรเลงพิธีการต่างๆ ก่อนจะเข้าสู่พิธีการส่งเรือ ทางเรือนิปปอนมารูจะเปิดให้คนทั่วไปเข้าเยี่ยมชมเรือได้ตามห้องต่างๆที่กำหนด พวกเราเองก็ได้ไปพบปะครอบครัวที่ตามมาส่งที่นี่ บ้างก็จะถูกรุมล้อมด้วยเยาวชน นักเรียน นักศึกษาท้องถิ่น เพื่อขอถ่ายรูปด้วยและขอลายเซ็นต์ ผมเองมีสาวอินโดขอลายเซ็นต์และถ่ายรูปด้วยไปหลายคนเหมือนกัน การได้เป็นหนึ่งในโครงการนี้เป็นที่ใฝ่ผันของเยาวชน นักเรียนนักศึกษาของแต่ละประเทศเหมือนๆกัน แต่ก็จะต้องผ่านการสอบแข่งขันที่กว่าจะผ่านมาได้นั้นตามที่ผมเล่าให้ฟัง ไม่ได้มากันง่ายๆเลย บ่ายสี่โมง(16.00น.)พิธีส่งเรือเริ่มขึ้นหลังจากที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเยี่ยมชมเรือเรียบร้อย พวกเราทุกคนจะมารวมกันที่ห้อง dollphill hall ซึ่งเป็นห้องประชุมใหญ่ของเรือ และจะทยอยเดินออกจากห้องประชุมตามลำดับประเทศไปยังบันไดทางลงเรือเพื่อไปเข้าแถวบนลานด้านข้างของเรือ เมื่อลงมาครบทุกประเทศแล้วพิธีการต่างๆก็เริ่มขึ้นจากการกล่าวรายงานกิจกรรมต่างของโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ต่อประธานจากประเทศเจ้าภาพ ตัวแทนประเทศที่ได้รับมอบหมายให้กล่าวขอบคุณที่ท่าเรืออินโดนีเซีย คือประเทศไทยต้องทำหน้าที่กล่าวขอบคุณโดยผู้นำเยาวชน (Youth Leader)เรียกย่อว่า YL คือหมอชิ้ง นายแพทย์จากจังหวัดขอนแก่น มอบของที่ระลึกให้กับประธาน ต่อด้วยกัปตันเรือนิปปอนมารูกล่าวและรับของที่ระลึกจากประเทศเจ้าภาพ จากนั้นเยาวชนแต่ละประเทศก็เดินกลับขึ้นเรือรับริบบิ้นหลากสีสันเพื่อขว้างให้Host family ของตนเองที่มาส่งเมื่อตอนเรือเริ่มออกจากท่า เป็นสีสัน ประเพณีของพิธีส่งโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ที่สืบทอดต่อกันมาเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของโครงการที่ทำเหมือนกันในทุกท่าเรือเมื่อถึงเวลาต้องลาจาก เสียงหวูดเรือของนิปปอนมารูแผดก้องกังวานไปทั่วบริเวณ เป็นสัญลักษณ์ว่าพวกเราต้องไปกันแล้ว เป็นการจากที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้มา สายริบบิ้นหลากสีสันสวยงามพุ่งออกจากมือพีวายทุกคนทะยานไปบนท้องฟ้าตกลงสู่มือครอบครัว Host family ที่มาส่ง บ้างตกลงบนพื้นเบื้องล่าง โกลาหลวุ่นวายวิ่งหาปลายริบบิ้นของเยาวชนที่ตนเองและครอบครัวได้ดูแล สายริบบิ้นหลากสีสันเป็นเสมือนสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงถึงกันไม่อยากจากไปไกล พีวายทุกคนและ Host family จะจับปลายริบบิ้นไว้ให้ยาวนานที่สุด จนกว่าสายริบบิ้นจะขาดจากกันตามระยะห่างที่นิปปอนมารูค่อยๆ ผละห่างออกไปช้าๆ สายริบบิ้นทุกสายค่อยๆขาดจากกันจนเส้นสุดท้าย แต่สายแห่งความผูกพันจะไม่มีวันขาดรอนจะคงอยู่ในความทรงจำของพีวายทุกคน เรือนิปปอนมารูค่อยๆ ห่างจากท่าเรืออินโดนีเชียอย่างช้าๆ ก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นทีละน้อย เสียงหวูดแผดดังก้องกังวานไปทั่วคุ้งน้ำก่อนออกปากอ่าวทะเลมุ่งสู่ประเทศไทย ถึงพวกเราพีวายไทยทุกคนจะจากบ้านกันมาไม่นานนักแต่พวกเราก็เผ้ารอว่าเมื่อไรจะได้กลับเมืองไทยเสียที คิดถึงบ้านจัง ถึงแม้จะเพียงแค่สองสามวันเพื่อจะล่องต่อไปยังประเทศสมาชิกอื่นๆต่อไป ก็ยังดีให้พอหายคิดถึงบ้าง อีกสองวันเจอกัน ประเทศไทยที่รัก (๗ ตุลาคม ๒๕๓๖)
Create Date : 18 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 23 ธันวาคม 2555 0:04:05 น. |
|
18 comments
|
Counter : 1582 Pageviews. |
|
|
ไปพบสิ่งที่ดี สวย แล้วมีความสุขที่สุด
อินโดนีเซียเป็นที่หนึ่งที่อยากไป รู้สึกว่าบ้านเขายังมี
ธรรมชาติสวยงาม รักษาไว้ได้ดี