Group Blog
 
 
มีนาคม 2548
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 มีนาคม 2548
 
All Blogs
 

ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ

โดย
น.อ. สนิท เฟื่องระบิล B.Sc., A.M.I.E.E.
คัดลอกจากหนังสือ พระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์
โดย พร รัตนสุวรรณ



ความมหัศจรรย์ประการที่ 1

คำขวัญในสมัยก่อนมีว่า “ผู้ใดได้ครองทะเล แล้วต่อไปจะได้ครองบกด้วย” ชาติที่มีเมืองขึ้นมากในยุคนั้นจึงต้องเป็นมหาอำนาจทางทะเล แต่ในสมัยนี้ คำขวัญได้เปลี่ยนไปแล้วว่า “ผู้ใดได้ครองอวกาศแล้ว ต่อไปจะได้ครองโลกด้วย” ฉะนั้น ในปัจจุบันนี้ มหาอำนาจทั้งสองฝ่ายจึงได้ทุ่มเทเงินทองอย่างไม่เสียดายในการพิชิตอวกาศ เพื่อบรรลุผลสุดท้ายอย่างเดียวกันคือ “การครองโลก” ซึ่งเป็นการหาเมืองขึ้นแบบใหม่ที่ลึกซึ้งแนบเนียนกว่าการล่าเมืองขึ้นในสมัยก่อนมาก ชาติใดที่ไปถึงดวงจันทร์ก่อนและกลับมาสู่โลกมนุษย์นี้ได้โดยสวัสดิภาพ ชาตินั้นอาจจะได้ครองโลก

ในการพิชิตอวกาศ มนุษย์จะต้องออกเดินทางไปสู่ดาวนพเคราะห์และดาวฤกษ์ดวงอื่น ๆ ดวงจันทร์เป็นดาวบริวารของโลกดวงแรกที่อยู่ใกล้ที่สุดที่มนุษย์คิดจะเดินทางเป็นการทดลอง ถ้าการเดินทางไปและกลับกระทำได้สำเร็จโดยไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้น มนุษย์ก็จะคิดเดินทางไปสู่ดาวนพเคราะห์และดาวฤกษ์ดวงอื่น ๆ เพื่อศึกษาและวิจัยชีวิตนอกโลกและความลึกลับต่าง ๆ ของจักรวาลต่อไป

ดาวแต่ละดวงอยู่ห่างกันหลายสิบ ถึงหลายร้อยปีแสง ซึ่งหมายความว่าเดินทางไปด้วยความเร็วของแสง (3แสนกิโลเมตรต่อวินาที) ยังใช้เวลาหลายสิบหรือหลายร้อยปีกว่าจะถึง การเดินทางในระหว่างดวงดาว (INTERPLANETARY VOYAGE) ถ้าใช้ความเร็วต่ำ ๆ เพียง 10 ถึง 15 เท่าของวามเร็วเสียง จะต้องใช้เวลาหลายพันหรือหลายหมื่นปีกว่าจะถึง มนุษย์อวกาศก็จะแก่ตายกลางทางเสียก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทาง ฉะนั้น การเดินทางในระหว่างดวงดาวนั้น จะต้องใช้ความเร็วสูงมาก คือใกล้กับความเร็วของแสงจึงจะสามารถไปถึงจุกหมายปลายทางได้ในขณะที่นักบินอวกาศยังมีชีวิตอยู่

ในการเดินทางด้วยความเร็วสูงเช่นการเดินทางออกไปนอกโลกนั้น ผู้ที่เดินทางออกไปจะประสบกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติหลายประการด้วยกัน ประการแรกก็คือ “เวลา” ของการเดินทาง ซึ่งจะเป็นไปตามสมการ


t= ........................................................(1 )

ในเมื่อ T = เวลาในโลกมนุษย์

t = เวลาในการเดินทางจริง

v = ความเร็วในการเดินทาง

c = ความเร็วแสง

สมการนี้ค้นพบและบัญญัติขึ้นโดย Paul Langevin นักฟิสิคส์ชาวฝรั่งเศส และศาสตราจารย์แห่ง Collège de France สูตรนี้ได้รับการรับรองจาก Einstein แล้วว่าเป็นความจริง

ถ้าท่านผู้อ่านจะทดลองสมมติตัวเลขลงในสมการดังกล่าว ก็จะเห็นได้ว่า ถ้าความเร็วในการเดินทางต่ำ ความแตกต่างของเวลาจะมีน้อยมาก แต่ถ้าความเร็วในการเดินทางสูงขึ้น จนเกือบเท่าความเร็วของแสงแล้ว ความแตกต่างของเวลาจะปรากฎออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน

เช่น เราลองสมมติว่า ประเทศไทยส่งยานอวกาศเดินทางไปสู่ดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง ใช้เวลาเดินทางเที่ยวไป 1 ปี เที่ยวกลับอีก 1 ปี รวมเวลาในการเดินทางจริงเพียง 2 ปี ด้วยความเร็ว 299,900 กิโลเมตรต่อวินาที อยากทราบว่าเวลาในโลกมนุษย์จะผ่านไปนานเท่าใด

เราให้ t = เวลาในการเดินทางจริง = 2 ปี

v = ความเร็วในการเดินทาง = 299,900 กิโลเมตรต่อวินาที

c = ความเร็วแสง = 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที

จากสมการที่ (1 ) t =…………………………………(1)

T =

=

เวลาในโลกมนุษย์ = 200 ปี

นักบินเดินทางที่ออกไปท่องอวกาศอยู่ 2 ปี เมื่อกลับมาถึงโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง เขาจะไม่มีโอกาสได้พบกับครอบครัวและคนรุ่นเดียวกับเขาเองเลย เพราะเวลาในโลกมนุษย์ได้ผ่านไปแล้วถึง 200 ปี เขาจะพบกับคนรุ่นใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จักเลยทั้งสิ้น

ถ้ายานอวกาศเดินทางไปด้วยความเร็วของแสงคือ v = c

ลองแทนค่านี้ลงในสมการที่ ( 1 ) ก็จะเห็นได้ว่า ถ้าออกไปนอกโลกเพียง 2 ปีเท่านั้น เวลาในโลกมนุษย์จะเป็น Infinity คือนานไม่มีที่สิ้นสุด อาจเป็นหลายร้อยหรือหลายพันล้านล้านปีก็ได้ ภายในระยะเวลาอันยาวนานนี้ อาจเกิดสงครามนิวเคลียร์ในโลกมนุษย์ขึ้นได้หลายครั้ง จนอารยธรรมสมัยใหม่หมดไป มีแต่อารยธรรมดั้งเดิมเท่านั้นที่คงเหลืออยู่ มนุษย์อวกาศซึ่งแก่ตัวไปเพียง 2 ปีเท่านั้น อาจจะพบมนุษย์ที่นุ่งแต่ใบไม้ หรือ หนังสัตว์ ถือขวานหินเป็นอาวุธก็ได้ เมื่อกลับมาถึงโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง

ฉะนั้น ตามที่ในพระพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า ผู้ที่ได้สมาธิชั้นสูง ได้แก่ผู้ที่เจริญสมถกรรมฐานหรือวิปัสสนากรรมฐานจนได้รูปฌานและอรูปฌาน เมื่อจุติแล้วจะไปปฏิสนธิเป็นรูปพรหมและอรูปพรหม มีอายุยืนนานนับแสนกัลป์ (หนึ่งกัลป์เท่ากับอายุของโลก) ซึ่งคนส่วนมากไม่ใคร่จะเชื่อ ก็ดูท่าทีว่าจะเป็นไปได้แล้ว

ถ้าพิจารณาจากสมการที่ (1 ) ทั้งนี้ก็เพราะว่า ถ้าพรหมโลกมีจริง บรรดาพรหมทั้งหลาย คงจะรู้สึกตัวว่าเวลาของเขาผ่านไป 30 - 40 ปีเท่านั้น ก็ต้องจุติเพื่อไปปฏิสนธิใหม่ แต่เวลาในโลกมนุษย์ได้ผ่านไปแล้วนับเป็นพัน ๆ ล้านปี

ผู้ที่จะมีความรู้สึกเช่นนี้ได้ ผู้นั้นจะต้องมีความเร็วสูงมาก คือใกล้เคียงกับความเร็วของแสง แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่า บรรดาพรหมทั้งหลาย (ถ้ามีจริง) จะต้องเคลื่อนไหวไปมาด้วยความเร็วของแสงอยู่เสมอ เขาอาจจะอยู่เฉย ๆ ก็ได้ เหมือนกับที่พวกเราส่วนมากไม่ได้สังเกตและไม่ใคร่ทราบว่า แม้เรานั่งเขียนหนังสืออยู่กับโต๊ะ หรือนั่งคุยกันอยู่ก็ตาม เราก็ยังมีความเร็วสูงถึง 30 กิโลเมตรต่อวินาที เคลื่อนตัวไปรอบ ๆ ดวงอาทิตย์พร้อมกับโลก

ลูกปืนที่ถูกยิงออกไปจากปืนที่ทันสมัยที่สุดจะมีความเร็วสูงสุดไม่เกิน 1 กิโลเมตรต่อวินาที มนุษย์มีความเร็วสูงกว่าลูกปืนถึง 30 เท่า ความจริงข้อนี้เกือบไม่มีใครสังเกตหรือรู้สึกตัวกันเท่าใดนัก

ลองมาสมมติกันอีกครั้งว่า ถ้ามนุษย์อวกาศเดินทางออกจากโลกมนุษย์ไปด้วยความเร็วที่สูงกว่าความเร็วของแสง เขาเดินทางไปสู่ดาวฤกษ์ดวงหนึ่งโดยใช้เวลาในการเดินทางทั้งไปและกลับเพียง 2 ปีเท่านั้น เวลาในโลกมนุษย์จะผ่านไปนานเท่าใด

เครื่องหมายลบที่ติดมาด้วยนั้น แสดงว่าเขาจะกลับมาถึงโลกมนุษย์นี้ 447 ปี ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง ถ้าสมมติว่านักบินอวกาศออกเดินทางจากประเทศไทยไปนอกโลกในปี พ.ศ. 2511 เขาใช้เวลาเดินทางอยู่ในอวกาศ 2 ปี เขาจะกลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้งในปี 2604 ซึ่งตรงกับกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในสมัยของพระรามาธิบดีที่ 2 เป็นพระมหากษัตริย์ คราวนี้แหละที่นักบินอวกาศจะได้แลเห็นพระรามาธิบดีที่ 2 ตัวจริงว่า พระองค์ท่านมีรูปร่างลักษณะอย่างใด และถ้าทฤษฎีการเวียนว่ายตายเกิดในพระพุทธศาสนา (Buddhist Theory of Reincarnation) เป็นความจริง นักบินอวกาศก็จะแลเห็นด้วยตาของเขาเองว่า เมื่อ 447 ปีก่อนนั้น เขาเกิดเป็นอะไร อยู่ในตระกูลใด มีวรรณะเป็นอย่างใด มีรูปหยาบหรือประณีต ได้ประกอบกรรมอันใดไว้ จึงได้ส่งผลให้มาเสวยวิบากของมันในชาตินี้อย่างนี้

เครื่องหมาย ที่ติดมาด้วยนี้ ในภาษาคณิตศาสตร์เรียกว่า J operator มีบทบาทที่สำคัญในวัตถุและมวลสารต่าง ๆ ที่สั่นสะเทือน ( vibrate ) หรือ ส่าย ( oscillate ) ไปมาอยู่ในวัตตะของมัน ที่เรียกกันว่าการเคลื่อนตัวแบบ harmonic motion ค่าต่าง ๆ ของไฟฟ้าสลับที่ได้มาจากการคำนวณจะมี J operator ติดมาด้วยเสมอ

J นี้ เมื่อติดตามไปอยู่กับค่าใด แสดงว่าค่านั้นมีคุณสมบัติเป็นนามธรรม

จากหลักฐานคือสูตรของ Langevin นี่เองที่ทำให้เราทราบได้ว่า

1. ผู้ที่จะสามารถแลเห็นอดีตอันแสนไกลของตนเองและผู้อื่นได้นั้น จะต้องมีความเร็วสูงกว่าความเร็วของแสง จึงจะสามารถไล่ตามทันแสงที่ผ่านไปแล้วหลายร้อยหรือหลายพันปีได้ (แสงเป็นปัจจัยในการเห็น)

2. การแลเห็นเหตุการณ์ในอดีตอันแสนไกลนั้น จะกระทำได้เฉพาะในทางนามธรรมเท่านั้น ในทางรูปธรรม เช่น ตาเนื้อ ( Physical eye ) ไม่สามารถจะแลเห็นได้ จะแลเห็นได้เฉพาะทิพยจักษุ ( Spiritual eye ) เท่านั้น เช่น พระอรหันต์ หรือพระอริยบุคคลทั้งหลายที่ท่านได้บรรลุถึง “บุพเพนิวาสานุสติญาณ (ญาณที่สามารถทำให้ระลึกชาติได้) “ และ “เจโตปริยญาณ ( ญาณที่ทำให้เกิดทิพยจักษุ) “ เท่านั้น ปุถุชนธรรมดาผู้ยังไม่บรรลุถึงขั้น “ดวงตาเห็นธรรม” จะไม่สามารถแลเห็นเหตุการณ์ในอดีตได้ รวมทั้งอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ในทางรูปธรรม เช่น กล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายภาพยนตร์ และ Time machine ที่ฝรั่งกำลังคิดทำอยู่ ก็เชื่อว่าไม่สามารถจะบันทึกเหตุการณ์ในอดีตได้

3. การเดินทางด้วยความเร็วที่สูงกว่าความเร็วของแสง จะปฏิบัติได้เฉพาะในทางนามธรรมเท่านั้น ไม่สามารถปฏิบัติได้ในทางรูปธรรม สมจริงดังที่วิทยาศาสตร์ได้กล่าวไว้แล้วว่า “ความเร็วของแสงเป็นความเร็วสูงสุดที่มนุษย์จะกระทำได้” ขณะนี้มนุษย์ก็กระทำได้เกือบสำเร็จอยู่แล้วในเครื่อง cyclotron ซึ่งใช้ในการเหวี่ยงมวลด้วยความเร็วที่สูงกว่า 99% ของความเร็วแสง



picture from //snap.lbl.gov/mainscreen.html





 

Create Date : 13 มีนาคม 2548
3 comments
Last Update : 13 มีนาคม 2548 18:06:55 น.
Counter : 1697 Pageviews.

 

โอ๋ ... อัศจรรย์ใจ จริง ๆ ถ้าได้ไปดาวเนปจูนสักครั้ง คงน่าจะดี น่อ ... เรา ......

 

โดย: ข้าวหอม IP: 61.47.14.3 10 กรกฎาคม 2550 17:29:09 น.  

 

พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงทำนายอนาคตได้ถูกต้องตามพระพุทธทำนาย

 

โดย: มน IP: 210.203.186.55 5 ตุลาคม 2550 20:48:18 น.  

 

Hello all

Who knows where to buy a book namely " Buddhist Cosmology" from Dhammakaya temple. Please let me know through dooner_er_er@hotmail.com.

Thanks,
don

 

โดย: don IP: 202.28.179.3 12 พฤศจิกายน 2550 15:42:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Jherora
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add Jherora's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.