1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30 31
When we were "เกรียน"
ครั้งแรกที่ผมได้เห็นและได้ยินคำด่าว่า "เกรียน" ในอินเตอร์เนท ผมเข้าใจความหมายนั้นทันที เพราะผมเข้าใจการอุปมาเปรียบเทียบ ไม่มีอะไรมากผมเคยเป็น "เกรียน" มาก่อน หลายคนถามผมว่าเกรียนแปลว่าอะไร คำด่านี้เป็นการด่าชาวเนตจำพวกอวดฉลาดแต่โชว์โง่ บางจำพวกเถียงคำไม่ตกฟาก บางจำพวกก็ป่วนเวบให้คนอื่นหัวเสียเล่น เปรียบเหมือนเด็กมัธยมที่ "หัวเกรียน" ปิดเทอมมีเวลาว่างมาเล่นเนตแล้วอยากจะโชว์เหนือ (แต่ความจริงโชว์โง่) ผมเคยหัวเกรียนมาก่อน เลยเข้าใจอุปมานี้ทันที ทั้งที่ตัวจริงไม่เคยไปเกรียนใครในอินเตอร์เนท เด็กมัธยมต่างจังหวัดส่วนใหญ่เคยผ่านการหัวเกรียนมาแล้วทั้งนั้น ต่างจากเด็กกรุงเทพฯ ที่มักหัวเกรียนต่อเมื่อเรียน รด. ผมทรงนักเรียนเสมือนเป็นหนึ่งในเครื่องแบบที่พวกเราต้องสวมใส่เฉกเช่นเดียวกับกางเกงสีกากี เช้าวันจันทร์หลาย ๆ ครั้งเต็มไปด้วยความเสียวเพราะไม่รู้ว่าจะโดนตรวจผม ซึ่งถ้าผมยาวก็ต้องแลกมาด้วยรอยแง่มพร้อมความเจ็บแสบของไม้เรียวที่ฟาดลงมาที่ก้น โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนชายล้วน แม้ว่าตอน ม.ปลาย จะมีนักเรียนหญิงก็ตาม ทว่าเพื่อนผู้หญิงของผมเหล่านี้ก็กลายเป็นชายเมื่อเวลาผ่านไป การเล่นโหด ๆ แบบผู้ชาย เช่น การกระโดดถีบกัน จับเพื่อนโยนลงสระน้ำ ฯลฯ ทำให้ผู้หญิงต้องปรับตัวเล่นเหมือนผู้ชายให้ได้ แม้โรงเรียนชายล้วนจะแสนแห้งแล้ง วัน ๆ ก็เจอแต่กระดอเดินไปมา ไม่สดใสเหมือนเรียนโรงเรียนสหศึกษา แต่ความแตกต่างที่เด็กโรงเรียนสหฯ ไม่เคยสัมผัสคือความสุดโต่งของพฤติกรรมเพราะไม่ต้องเกรงใจสาวหน้าไหน ชีวิตของเกรียนมัธยมปลายผ่านไปซ้ำ ๆ เดิม ไม่มีอะไรใหม่ มาเรียนตอนเช้าแปดโมง เลิกเรียนสี่โมงเย็น คาบว่างคือสวรรค์ อินเตอร์เนทอย่าให้พูดถึงเลยเมื่อสมัยนั้นเพราะช้ามาก ๆ ตอนเราอยู่ ม.6 เป็นปีที่พวกเราแม้จะอยู่ห้องคิง แต่ก็เสื่อมกันที่สุด เนื่องจากตึกเรียนไม่พอ ห้องของผม (เพียงห้องเดียว) จึงถูกย้ายไปเรียนตึก 2 ซึ่งเป็นตึกที่พวกผู้บริหารทำงานกัน เรื่องเฮฮาคือห้องที่เราเรียนอยู่ติดห้องปกครองผนังเดียวกันเลย แต่พฤติกรรมห่าม ๆ และการเล่นแบบไม่รู้จักโตยังคงไม่เปลี่ยนแปลง วันหนึ่งตอนสาย ๆ เราไม่มีเรียนกัน เพราะ ม.6 จะเรียนกันมาตั้งแต่ปิดเทอมเพื่อรอเตรียมเอนทรานซ์ ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำกัน จึงชวนกันเล่น "ซ่อนหา" ในตึก วิ่งกันทั้งตึกซึ่งมีทั้งห้องปกครอง ห้องวิชาการ ห้องสมุด และห้องของผู้อำนวยการ ราวกับเป็นเด็กน้อย ไม่น่าแปลกใจที่รุ่งเช้า ห้องของเราจะถูกประจานหน้าเสาธงว่าเด็กไม่รู้จักโต เราแยกย้ายกันไปเมื่อสอนเอนทรานซ์ มีน้อยคนที่เรียนแถวบ้าน ส่วนใหญ่ก็เข้ากรุงไม่ก็มาเรียนเชียงใหม่ แต่พอถึงวันหยุดยาว วันปิดเทอม เราต่างรู้ว่าต้องกลับมาพบปะเจอกันที่โรงเรียนเสมอ ทุกเย็นช่วงปิดเทอม คนมากมายมาเฮฮากันที่โรงเรียน เตะบอล วิ่งรอบศาลสมเด็จพระนเรศวรบ้าง เล่นกีฬานู่นนี่บ้าง ด้วยความเป็นเกรียน ทำให้ตอนเด็ก ทุก ๆ คนจะมีปมด้อยเรื่องผมและอยากไว้ผมยาวกันทั้งนั้น พอพ้นสภาพเด็กเกรียนแล้ว ชีวิตมหาวิทยาลัยที่ไม่มีใครบังคับทำให้ทุกคนต่างพากันไว้ผมยาว ผมเองก็เคยปล่อยให้ยาวโดยไม่ตัดเกือบถึงปาก (ซึ่งรำคาญมาก ต้องใช้ที่คาดผมตอนอ่านหนังสือ) แต่พอเวลาผ่านไป ก็เลิกเห่อผมยาว กลับมาตัดสั้นกันทั้งนั้น ทุกวันนี้โรงเรียนผมไม่มีแล้ว เพราะมีการขุดเพื่อบูรณะเป็นพระราชวัง โรงเรียนใหม่ย้ายไปไกลมาก ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกเลยว่านั้นคือโรงเรียนผม เวลาเข้าไปในพระราชวังจันทน์ ผมจะมองไปที่ต่าง ๆ ซึ่งถูกทุบไปหมดแล้วว่าตรงนั้นเราเคยทำอะไรกันบ้าง ล่้าสุด หวิน เพืือนคนแรกสมัยมัธยม (ซึ่งต่อมาก็เรียน มช.ด้วยกัน และเคยเป็นเมทกับผมด้วย) แต่งงาน เพื่อนคนหนึ่งที่ถ่ายรูปไว้ได้ส่งรูปงานแต่งมาให้ ผมคลิกดู พบว่านอกจากรูปแต่งงานแล้วยังมีรูปสมัยเราเป็นเด็กซึ่งถ่ายไว้ด้วยกล้องฟิล์ม จำกันไม่เคยได้ว่าถ่ายกันวาระไหน ทำไม อย่างไร รู้แต่ว่าหายากสุด ๆ ที่ใครสักคนจะเอากล้องถ่ายรูปมาถ่ายกัน เพราะสมัยนั้นไม่มีกล้องมือถือหรือกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่พกพาไปไหนสะดวก ผมได้เห็นรูปเหล่านั้นรู้สึกปีติอย่างบอกไม่ถูก นี่คืออดีตของเรา อดีตที่ยังชัดเจนในความทรงจำ ความรู้สึกหมุนเวียนย้อนกลับวัยทันพลันวัย - Flure
Create Date : 09 ธันวาคม 2551
Last Update : 9 ธันวาคม 2551 11:14:49 น.
13 comments
Counter : 612 Pageviews.
โดย: jonykeano วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:11:56:37 น.
โดย: คุณม้าม วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:3:05:40 น.
โดย: Bernadette วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:8:31:51 น.
โดย: Vitamin_C วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:11:19:56 น.
โดย: Bernadette วันที่: 12 ธันวาคม 2551 เวลา:20:16:18 น.
โดย: xfuton วันที่: 12 ธันวาคม 2551 เวลา:23:42:33 น.
โดย: xfuton (xfuton ) วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:1:08:42 น.
I will see U in the next life.
1. Asian Dub Foundation
เก่าละ แต่พึ่งรู้จัก เพลงมันส์มาก จังเกิลกันแหล่มมาก
2. Kitsch Cat
อ่านรีวิวได้ที่ https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=djdonk-mc43&month=06-12-2008&group=3&gblog=116
3. Blur : Country House
พึ่งเคยฟังเต็ม ๆ ทั้งอัลบั้ม ชอบมาก โดยเฉพาะ Best Days ตลกตัวเองที่ตอนเด็ก ๆ สงสัยหนักหนาว่าไอ้เพลง country house (ได้ดูเอ็มวีตามช่องเจ็ด ซึ่ง ณ ขณะนั้น ที่บ้านรับได้แบบว่าโคตรไม่ชัด) มันเพราะตรงไหนว่ะ
4. Knock the Knock
เวลาขี่มอเตอร์ไซค์ไปสอนนักศึกษาที่แม่โจ้ (ไกลจากจุดที่ผมอยู่ 17 กิโล) งานของสองหนุ่มนี้ช่วยได้ดียิ่งนัก