|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
วันที่เลือดแดงฉานสาดกระเซ็นไหลนองเต็มทั่วพื้น นิเทศ จุฬาฯ
ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ขอบ่นเรื่องเรียนหน่อย ตอนนี้เซ็ง ๆ เครียด ๆ เบื่อ ๆ
ช่วงนี้ คณะที่มี ป.โททั้งหลายไม่ว่าสถาบันใด ก็คงเริ่มที่จะตลุยทำวิทยานิพนธ์กันแล้ว หลาย ๆ คนเริ่มจนใกล้เสร็จ แต่อีกหลายคนแม้เพียงคิดก็เหมือนยังดูห่างไกล
ก่อนอื่นบอกก่อนครับ ว่าไม่ได้มีเหตุการณ์ร้ายฆ่ากันตายจนเลือดไหลเป็นแม่น้ำเหมือนในนิยายของกาเบรียล กาเซีย มาร์เกวซ นะครับ เพียงแต่ว่าผมอุปมาความทุกข์ระทมที่ได้รับมันเหมือนกับการโดนฟันด้วยดาบนับร้อย จนเลือดในกายหลั่งไหลกระเด็นเปื้อนไปทั่วทั้งคณะ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นที่ภาควิชาการสื่อสารมวลชน ของนิเทศ จุฬา สถานที่อาถรรพ์มากที่สุดในคณะ
เมื่อวานนี้ เพื่อนผมชื่อ 'จอม' สอบหัวข้อวิทยานิพนธ์ซึ่งเป็นเหมือนประตูด่านที่สองถัดมาจากการร่างโครงร่าง จอมทำเรื่องยากครับ เขาศึกษาเรื่องเกี่ยวกับงานแสดงสินค้า โดยต้องการรู้ว่าคนจัดงานทำเช่นไรให้คนไปเดินซื้อของโดยมี Logic ของความชอบธรรมว่าฉันซื้อที่นี้ดีกว่าที่อื่น แถมยังต้องศึกษาเรื่องสัญญวิทยาโดยใช้แนวคิดของ บาร์ธอีก ตาย ๆ
ฟังแล้วยากมากครับ ตัวจอมเองก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าใดนัก แต่เมื่ออาจารย์เห็นว่าจอมพร้อมในระดับหนึ่งแล้วก็ให้สอบดู
ในห้องสอบ ซึ่งประกอบไปด้วยกรรมการทั้งหมดสามท่าน (หนึ่งในนั้นคืออาจารย์ที่ปรึกษา) จอมก็โดนซักแหลกครับ ก็โอเคครับยอมรับกันโดยดี เนื่องจากว่าสิ่งที่อาจารย์ท่านพูดมาก็ถูกทั้งหมด หลังจากเสร็จการสอบหัวข้อ จอมต้องแก้อีกตรึม เรื่องยาก ๆ ทั้งนั้น
บรรยากาศหลังเสร็จการสอบเต็มไปด้วยความอึดอัด เพราะเพื่อนหลาย ๆ คนที่ได้เข้าไปนั่งฟังการนำเสนอของจอมเริ่มพลอยเห็นอนาคตตัวเองที่จะโดนในอีกเร็ววันนี้
แต่จะกลัวไปใย ในเมื่อใครคิดจะเรียนก็ต้องเจอ เหมือนกับมนุษย์ต้องเผชิญความตายกันทุกคน
เพียงแต่ว่าหนทางที่นำไปสู่จุดหมายปลายทางนั้นมันยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่าที่อื่นยากเย็นแสนเข็ญมากมายขนาดไหน และเป็นเช่นไร แต่เมื่อเทียบกันกับภาควิชาทั้งหมดของนิเทศจุฬาแล้ว ภาคการสื่อสารมวลชน เหมือนดั่งหนทางเล็ก ๆ ที่ซ้ายก็เหว ขวาก็เหว แถมตามทางยังมีวัชพืชมีหนามมากมายพร้อมกับเสียบแทงได้เสมอ
ตามหลักสูตรเรียน ป.โท เขาก็กำหนดกันไว้สองปี ภาควิชาอื่นถ้าไม่เกเรกันเขาก็สามารถจบสองปีกันได้ทั้งรุ่น แต่กับภาควิชานี้เหมือนมีอาถรรพ์ ใครจบภายในสองปีได้นี้ถือว่าเก่งมาก ปีที่แล้วรุ่นพี่ปมหนึ่งปี จบสองปี 1 คน (เท่านั้น) ที่เหลือก็พึ่งทยอยจบกันไป อะไรจะขนาดนั้น
จะว่าความ fix ของอาจารย์ที่เวอร์มาก ๆ ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ละหัวข้อมีเรื่องให้คิดปลีกย่อยประเด็นนู้นประเด็นนี้มากมาย ผมเคยคุยประเด็นนี้กับเพื่อนที่เรียน ป.โท อยู่วารสาร ธรรมศาสตร์ ถึงเรื่อง ทฤษฎีการใช้สื่อของผู้รับสาร (Uses & Gratification) เพื่อนที่วารสารของผมบอกว่าทฤษฎีนี้ง่ายจะตาย เราศึกษาผู้รับสารว่าใช้สื่อสารมวลชนยังไงบ้าง ก็ใช้อันนี้แหละอธิบาย ใครก็ใช้ได้ basic ๆ
แต่กลับอาจารย์ผม กลับบอกในทางกลับกันว่าไม่ได้ ๆ คุณจะใช้ทฤษฎีนี้ได้ต่อไป คุณมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สื่อจริง ๆ เช่น ต้องติดตามข่าวสงคราม เพราะที่ลูกหลานไปเป็นทหารที่นั้น หรือว่าติดตามข่าวพยากรณ์อากาศเพราะเป็นชาวประมง ไม่ใช่คิดจะใช้ก็ใช้
อ้าว อะไรว่ะ!!!! มันต่างกันสุดขั้วเลยล่ะ
ว่าไปอันนี้ก็ยังไม่เท่าไร เพราะเรื่องวิชาการ ความคิดต่างเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ถ้ามีหลักฐานและเหตุผลเพียงพอ....
ที่น่าหนักใจก็คงเป็นเพียงปัญหาจากตัวภายในคณะ ความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่งผลให้เด็ก ๆ พลอยซวยไปด้วย
ที่อื่นเรื่องแบบนี้ก็คงมี แต่เท่าที่ประสบการณ์ชีวิตผมเคยเจอมา ที่นี้ชวนงงชีวิตจริง ๆ
ตอนนี้ตัวผมเองเหมือนเริ่มต้นใหม่ เดิมนั้นผมทำโครงร่างและปรึกษากับอาจารย์ท่านหนึ่ง อาจารย์ท่านนี้ท่านใจดีมากให้คำปรึกษาดีเยี่ยม เพียงแต่ว่าท่านไม่มีเวลาว่างมากนัก ก็เลยแนะนำให้ไปขออาจารย์ท่านอื่นเป็นแทน โดยอาจารย์จะเป็นประธานสอบให้
โชคดีของผมมีอยู่บ้าง อาจารย์ท่านใหม่นี้ท่านก็ช่วยเหลือเต็มที่ แม้ผมจะมีข้อมูลอยู่ในมือพอควรแล้วก็ตาม แต่ก็เหมือนกับการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ไม่มีผิด
ตอนนี้ก็ได้แต่ยึดคำที่อาจารย์ท่านหนึ่งพูดในขณะสัมมนาหัวข้อวิทยานิพนธ์ว่า "ไม่ต้องไปกลัวหรอก มีคนมากมายที่เขาจบไปได้ ขอเพียงพวกคุณใส่ใจ ทำไมมันจะจบไม่ได้ล่ะ"
จบนะจบได้ครับ แต่เห็นยืดไปกันสามปีสี่ปีกันเกือบทุกคน
ทุกวันนี้ ผมหล่อเลี้ยงชีวิตด้วยความฝันที่อยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ความฝันที่อยากสอนหนังสือ เติมเต็มความฝันของเด็ก ๆ ที่อยากทำงานด้านสื่อ อยากเห็นรายการวิทยุดี ๆ ที่ผลิตออกมาจากนักศึกษาที่เราสอน สิ่งเหล่านี้บังคับให้ผมสู้ต่อไป
มันเป็นเพียงความเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ที่แวบเข้ามาในสมอง สุดท้ายมันก็คงหายไป ภาวนาไว้ว่าสิ่งดี ๆ กับชีวิตคงเข้ามาบ้างน่ะ
ขอบคุณที่ทนอ่านผมบ่นและระบายมาได้อย่างยาวนานครับ
Create Date : 07 ตุลาคม 2548 |
Last Update : 7 ตุลาคม 2548 14:17:17 น. |
|
12 comments
|
Counter : 504 Pageviews. |
|
|
|
โดย: happyteddy (happyteddy ) วันที่: 7 ตุลาคม 2548 เวลา:19:34:19 น. |
|
|
|
โดย: iammonkey (ผมซ่า ) วันที่: 7 ตุลาคม 2548 เวลา:20:28:35 น. |
|
|
|
โดย: วิริญ (Wirincity ) วันที่: 7 ตุลาคม 2548 เวลา:22:37:55 น. |
|
|
|
โดย: POL_US วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:2:58:11 น. |
|
|
|
โดย: rebel วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:14:44:53 น. |
|
|
|
โดย: quin toki วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:20:58:21 น. |
|
|
|
|
|
|
I will see U in the next life.
|
|
|
|
|
|
คณะเราเค้าเน้นให้มีวิทยานิพนธ์ที่ต้องไม่ห่วยออกมาไงคะ
(รุ่นพี่น่ะ มีไม่จบหลายคนเลยนะ เพราะวิทยานิพนธ์ไม่ผ่านน่ะ)
ความขัดแย้งภายในคณะยังไม่หมดอีกหรือ? อืมม์...
แต่เราว่าเลือกหัวข้อดีๆ ทำงานหนักๆ หน่อย อาจารย์โอเคๆ ผลงานที่ออกมาจะดี น่าภูมิใจสำหรับการเรียนปริญญาโทนะคะ
สู้ๆ หน่อยละกันนะคะ